หากคุณเป็นคนที่ติดตามสถานการณ์ของธุรกิจการบินมาโดยตลอดก็คงจะได้เห็นหุ้นของบริษัทผู้ผลิตเครื่องบินชื่อดัง “โบอิ้ง” (NYSE:BA) วิ่งขึ้นมา 28% ตั้งแต่เดือนที่แล้วมาจนถึงปัจจุบัน สะท้อนให้เห็นความมั่นใจของตลาดว่าวิกฤตโรคระบาดที่ทำให้ธุรกิจการบินทั่วโลกตกต่ำแบบที่ไม่เคยเห็นมาก่อนตลอดชีวิตใกล้จะสิ้นสุดลงแล้ว
อันที่จริงขาขึ้น 20% ของหุ้นโบอิ้งจนทำราคาปิดเอาไว้ที่ $269.19 พึ่งเกิดขึ้นในช่วง 5 วันที่ผ่านมานี้เอง แรงส่งที่เกิดขึ้นกับหุ้นโบอิ้งครั้งนี้แข็งแกร่งมาก เมื่อเทียบกับดัชนีดาวโจนส์แล้วพบว่าปรับตัวขึ้นมากกว่าดัชนีอุตสาหกรรมหลักของประเทศมากถึงสามเท่า นักวิเคราะห์มองว่าส่วนหนึ่งของขาขึ้นครั้งนี้มาจากเงินที่ไหลออกจากหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีที่เข้ามาสู่หุ้นวัฏจักรมากขึ้นเพราะนอกจากโบอิ้งแล้ว หุ้นกลุ่มอื่นๆ ที่เคยได้รับผลกระทบจากโควิดอย่างเช่นสารการบิน ค้าปลีก ธุรกิจเรือสำราญ ต่างพากันปรับตัวขึ้นด้วย
ครั้งหนึ่งก่อนหน้าที่โควิด-19 จะเข้ามาสร้างผลกระทบกับเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกา บริษัทโบอิ้งเคยอยู่ในช่วงที่เรียกว่าดวงตกอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนเมื่อเครื่องบินรุ่น 737 MAX ต้องถูกสั่งให้หยุดบินอย่างไม่มีกำหนดเพราะมีรายงานว่าเครื่องบินรุ่นดังกล่าวมีปัญหาจนทำให้เครื่องบินตกมาแล้วถึงสองครั้ง คร่าชีวิตผู้โดยสารไป 346 คน และถูกสั่งห้ามบินมาตั้งแต่เดือนมีนาคมปี 2019
อย่างที่คำโบราณว่าไว้ “ฟ้าหลังฝนย่อมสดใสเสมอ” ข่าวล่าสุดเกี่ยวกับเครื่องบินโบอิ้งรุ่น 737 MAX ในตอนนี้คือได้รับอนุญาตจากหน่วยงานกำกับดูแลการบินของสหรัฐฯ ให้สามารถนำเครื่องบินรุ่นดังกล่าวกลับมาบินได้อีกครั้ง และทางด้านสายการบินก็ยินดีที่จะซื้อเครื่องบินรุ่นนี้จากบริษัทไปใช้งานหลังจากที่ธุรกิจการบินกำลังจะกลับมาคึกคัก บริษัทโบอิ้งได้รายงานกับนักลงทุนเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่าเฉพาะยอดคำสั่งซื้อเครื่องบินรุ่นนี้ที่เข้ามาในเดือนกุมภาพันธ์มากกว่ายอดคำสั่งขอยกเลิกที่เคยเกิดขึ้นเมื่อ 15 เดือนก่อนเสียอีก ตอนนี้โบอิ้งได้จัดส่งเครื่องบินพลเรือนไปแล้ว 22 ลำซึ่ง 18 ลำเป็นเครื่องบินรุ่น 737 MAX
ขาขึ้นครั้งนี้จะไปได้อีกไกลแค่ไหน?
ข้อมูลจากบริษัทวิเคราะห์ข้อมูลเกี่ยวกับธุรกิจการบิน Cirium ระบุว่าเครื่องบินโบิ้งรุ่น 737 MAX ที่อยู่กับสายการบินต่างๆ ในประเทศสหรัฐอเมริกา บราซิล ยุโรปมากกว่า 100 ลำได้รับอนุญาตให้กลับมาขึ้นบินแล้ว ในขณะที่เที่ยวบินมากกว่า 400 เที่ยวบินของสายการบินอเมริกัน แอร์ไลน์ (NASDAQ:AAL) ก็สามารถเริ่มกลับมาดำเนินการได้ตามปกติอีกครั้ง
แม้ว่าข้อมูลเหล่านี้เหมือนจะเป็นข่าวดีที่กำลังเรียกความเชื่อมั่นให้กลับมายังธุรกิจการบินอีกครั้ง แต่หากพิจารณาภาพรวมของหุ้นโบอิ้งแล้วพบว่าราคาหุ้นปัจจุบันยังอยู่ห่างจากจุดสูงสุดตลอดกาลที่ $440.62 มากถึง 40% ทำให้นักลงทุนบางส่วนเกิดความสงสัยว่าขาขึ้นครั้งนี้จะขึ้นไปได้ไกลเพียงใด
ถึงกระนั้นนักวิเคราะห์บางคนก็ยังเชื่อมั่นในศักยภาพของบริษัทโบอิ้ง เคน เฮอเบิร์ท นักวิเคราะห์จาก Canaccord Genuity ได้ปรับความน่าเชื่อของหุ้นโบอิ้งขึ้นจาก “รอก่อน” เป็น “เข้าซื้อ” และได้ปรับเป้าหมายของราคาหุ้นโบอิ้งขึ้นจาก $200 เป็น $275 โดยให้เหตุผลว่าเครื่องบินรุ่น 737 MAX สามารถกลับมาบินได้และภาพรวมการท่องเที่ยวกำลังกลับมา
“ถึงแม้ว่าเส้นทางการฟื้นตัวของหุ้นโบอิ้งยังต้องใช้เวลาอีกสักพัก แต่หากพิจารณาที่ตัวเลขอัตราการสร้างเครื่องบินรุ่น 787 และ 777 ในระหว่างปี 2022-2023 พบว่ามีความมั่นคงค่อนข้างสูง ที่สำคัญผมเชื่อว่าการกลับมาของธุรกิจการบินและมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่องจะยิ่งช่วยดันหุ้นโบอิ้งให้มีราคาสูงขึ้นอีกในอนาคต”
ก็ไม่ใช่นักลงทุนทุกคนที่เห็นด้วยกับเหตุผลเชิงบวกของนายเคน นักวิเคราะห์บางกลุ่มยังมองว่าอุตสาหกรรมการบินยังต้องเผชิญกับความท้าทายเป็นอย่างมากกว่าจะกลับไปอยู่ในช่วงรุ่งเรืองแบบยุคก่อนโควิดได้ พวกเขาอ้างอิงตัวเลขผลประกอบการตลอดทั้งปี 2020 ของโบอิ้งว่าเป็นปีที่แย่ที่สุดในรอบศตวรรษของบริษัท เพราะโควิดทำให้บริษัทต้องเลื่อนเวลาการผลิตเครื่องบินรุ่น 777 ออกไป และกว่าจะกลับมาผลิตได้ก็อาจต้องใช้เวลาถึงปลายปี 2023
ความเคลื่อนไหวเช่นนี้หมายความว่าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจำเป็นต้องใช้เวลาเช็คความพร้อมของเครื่องบินนานขึ้น นี่คือเหตุผลหนึ่งที่ทำให้นักวิเคราะห์ 12 จาก 25 คนเลือกที่จะตั้งเป้าหมายของหุ้นโบอิ้งเอาไว้ที่ $232 เท่านั้น
โดยสรุปแล้ว
ในระยะสั้น หุ้นโบอิ้งจะได้อานิสงส์จากเงินที่ไหลเข้ามาสู่หุ้นวัฎจักรและภาพความน่าเชื่อถือของ MAX ดันให้ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นไป แต่ในระยะยาวความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่เชื่อว่าการท่องเที่ยวใกล้จะกลับมาเป็นปกติแล้ว อาจต้องใช้เวลาเป็นปีหากจะให้ดีนักลงทุนควรรอให้ขาขึ้นครั้งนี้หมดแรงก่อน จากนั้นรอจังหวะที่ราคาย่อลงมาค่อยหาจังหวะเข้าซื้อหุ้นโบอิ้งอีกครั้ง