รับส่วนลด 40%
ใหม่! 💥 รับ ProPicks เพื่อดูกลยุทธ์ที่ให้ผลตอบแทน ชนะดัชนี S&P 500 มากกว่า 1,183% รับส่วนลด 40%

Michael Burry เตือน! ตลาดหุ้นอาจฟองสบู่แตกในไม่ช้า

เผยแพร่ 15/03/2564 10:24
อัพเดท 09/07/2566 17:32

Hyperinflation คือสิ่งที่ Michael Burry เตือนว่ากำลังจะเกิดขึ้นและทำให้ฟองสบู่ตลาดหุ้นสหรัฐแตกได้ในไม่ช้านี้ !

อย่างที่ทางเพจได้รายงานไปว่า Michael Burry เพิ่งประกาศขอหายตัวไปจากโลกนี้ไปซักพักเมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมา หลังจากที่ออกมาเตือนนักลงทุนทุกคนว่า...."ฟองสบู่ตลาดหุ้นลูกใหญ่กำลังจะแตกในไม่ช้านี้"

หลังจากนั้นก็ได้ลบข้อความทวีตทั้งหมดของเขาและหายตัวไป

นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ Burry เตือนเรื่องฟองสบู่จะแตกแล้วหายตัวไป เมื่อปี 2008 ทาง Burry ก็เป็นนักลงทุนคนแรกที่มองเห็นว่าฟองสบู่ตลาดอสังหาอสังหาริมทรัพย์ในสหรัฐจะแตกและได้ทำการ Short Sell ไว้และหายตัวไป...

จนสุดท้ายฟองสบู่ตลาดอสังหาอสังหาริมทรัพย์ก็แตกจริงๆ และ Burry ก็สามารถทำกำไรได้มหาศาลจน Hollywood ต้องนำมาทำมาเป็นหนังเรื่อง "The Big Short"

แล้วสิ่งที่ Burry เตือนไว้ครั้งนี้คืออะไร ?

"เตรียมตัวรับมือกับอัตราเงินเฟ้อไว้ให้ดี การกลับมาเปิดเมืองใหม่หลังการฉีดวัคซีน และเงินกระตุ้นเศรษฐกิจมากมายจะทำให้เกิดเงินเฟ้อสูง คุณรู้ไหมว่าทุกวันนี้รัฐบาลต้องใช้เงิน 3 เหรียญอัดฉีกเข้าระบบเพียงเพื่อจะสร้างให้ GDP โตขึ้น 1 เหรียญ แบบนี้มันอยู่ไม่รอดหรอก" ทาง Burry ได้ทวีตออกมาเตือนนักลงทุนทุกคน

ทาง Burry พยายามจะเตือนว่าสหรัฐกำลังอาจต้องเผชิญกับ Hyperinflation ที่คล้ายกับมหาอำนาจอย่างเยอรมันเคยต้องเผชิญในปี 1920

เงินเฟ้อรุนแรงในเยอรมันช่วงปี 1920

Burry อธิบายว่าในช่วงปี 1920 นั้น ฐัฐบาลเยอรมันเชื่อว่าด้วยแสนยานุภาพของกองทัพและเทคโนโลยีของพวกเขา จะทำให้เขาชนะสงครามได้ในเวลาสั้นๆ และประเทศจะต้องร่ำรวยขึ้น จากการเป็นผู้ชนะสงคราม

ด้วยความมั่นใจเต็มเปี่ยมนี้ แทนที่จะหาเงินมาผลิตอาวุธด้วยการเก็บภาษีหรือออกพันธบัตร (ตามปกติ) ทางรัฐบาลกลับตัดสินใจที่จะพิมพ์เงิน ออกมาเป็นจำนวนมาก และพอมีเงินออกมาเยอะโดยไม่มีทรัพย์สินอะไรมาเป็นหลักประกัน และสุดประเทศไม่ได้ร่ำรวยขึ้นจริงๆ เพราะพวกเขาพ่ายแพ้สงครามโลกครั้งที่หนึ่ง ก็ทำให้เกิดภาวะเงินเฟ้ออย่างหนัก

ในช่วงก่อนสงครามนั้น ค่าเงินเยอรมันมีค่าอยู่ที่ 4.2 มาร์คต่อ 1 เหรียญสหรัฐในช่วงปี 1914 แต่หลังจากสงครามสิ้นสุดลงในช่วงปลายปี 1920 ค่าเงินเยอรมันกลับอ่อนค่าอย่างหนักจนเหลือ 90 มาร์คต่อ 1 เหรียญสหรัฐ

และด้วยความพ่ายแพ้ของเยอรมนี ยังส่งผลให้พวกเขาต้องจ่ายหนี้ค่าเสียหายของสงครามอีกมหาศาลให้ต่างชาติ แต่ค่าเงินตัวเองกลับด้อยค่าลงก็ยิ่งไม่มีเงินมาจ่ายและทำให้เศรษฐกิจในประเทศก็ยิ่งแย่ลงไปเรื่อยๆ

ในช่วงนั้นรัฐบาลพยายามขึ้นภาษีให้มากขึ้น แต่ก็ไม่ได้ช่วยอะไรมากไปกว่าก่อให้เกิดการประท้วง และสถานการณ์เศรษฐกิจที่ย่ำแย่ลงก็ส่งผลให้ประชาชนส่วนมากเกิดความไม่พอใจ ทางรัฐบาลก็ไม่รู้จะทำยังไงดี ก็ยังคงพิมพ์เงินออกมาเรื่อยๆ เพื่อจ่ายให้แรงงานพอใจ ให้พวกเขาเลิกประท้วงและกลับไปทำงานอีกครั้ง จนสุดท้ายค่าเงินเยอรมันเฟ้ออย่างหนักไปจนถึงขั้น 50,000 มาร์คต่อ 1 เหรียญสหรัฐ

สถานการณ์ยังคงแย่ลงเรื่อยๆจนถึงขั้นมีการบันทึกไว้ว่าเงินเยอรมันได้เคยเฟ้อจนถึงจุดต่ำสุดที่เงิน 1 เหรียญสหรัฐเคยมีค่าสูงถึง 4,200,000,000,000 มาร์ค (สี่ล้านสองแสนล้านมาร์ค) เลยทีเดียว

และนี่ก็คือหนึ่งในวิกฤตเงินเฟ้อที่ร้ายแรงที่สุดในโลก หรือ Hyperinflation ที่เกิดขึ้นกับเยอรมนี

Burry เตือนว่าสหรัฐกำลังอยู่ในเหตุการณ์คล้ายกัน

1️. Burry เทียบว่าตอนนี้รัฐบาลสหรัฐยังไม่ขึ้นภาษีประชาชนได้อย่างสมดุล (คนรวยยังโดนภาษีมากพอ)

2️. สหรัฐได้เผชิญกับสงครามรุนแรงเช่นเดียวกัน อาจจะไม่ใช่สงครามโลกแต่เป็นสงครามกับไวรัสโควิดซึ่งสร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจไปไม่น้อย

3️. รัฐบาลสหรัฐยังเลือกที่จะแก้ปัญหาโดยการพิมพ์เงินออกมาแทนการเก็บภาษี

โดยหากรัฐบาลสหรัฐสามารถทำให้เศรษฐกิจเติบโตจากการกระตุ้นได้จริง #เงินที่รัฐบาลเก็บกลับมาได้จากภาษีก็จะมีมากไปตามกัน เคสนี้ก็อาจจะไม่น่าเป็นห่วงเท่าไหร่

แต่จากข้อมูลของ Burry นั้นพบว่าเงินทุกๆ 3 เหรียญที่รัฐบาลนั้นใส่เข้าไปในระบบกลับทำให้เกิด GDP ที่โตขึ้นเพียง 1 เหรียญเท่านั้น !

ทำให้รัฐบาลสหรัฐคงไม่น่าจะสามารถหาเงินคืนมาจ่ายหนี้ได้พอ และสุดท้ายหากสหรัฐยังเลือกที่จะ พิมพ์เงินเพิ่มต่อไปอย่างไม่รู้จบ ก็จะได้พบจุดจบเดียวกับทางเยอรมันแน่ๆ นี่คือสิ่งที่ Burry ได้เตือนไว้

และแน่นอนว่าค่าเงินเฟ้อหนักนี้ก็จะทำให้ฟองสบู่สหรัฐแตกแน่ๆ เมื่อคนต่างพาแห่กันถอนเงินออกไป

Hyperinflation นั้นน่ากลัวมาก

Hyperinflation คือ สถานการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อความเชื่อมั่นของรัฐบาลนั้นพังทลายเงินจะด้อยค่าอย่างรวดเร็วมากจนไม่มีใครอยากได้เงินนั้นแล้ว เมื่อใครได้รับเงินไปก็จะรีบเปลี่ยนเงินไปถือเป็นสินทรัพย์อื่นๆให้เร็วที่สุด และจะส่งผลให้ราคาสินค้าจึงพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็ว

นอกจากเคสของเยอรมันแล้ว มันยังได้เกิดขึ้นกับประเทศซิมบับเวเมื่อปี 2008 และกับเวเนซุเอลาในปี 2019 ที่เงินเฟ้อหนักจนถึงขั้น ไข่ 1 ฟองที่เคยขาย 5 บาท อาจจะมีค่ามากกว่าเงิน 1 ล้านบาทในสกุลนั้นๆ เพราะไม่มีใครยอมขายมันออกไป ทุกคนจะแห่ทิ้งเงินสด เพราะไม่มีใครเชื่อมั่นว่าเงินจะมีค่าใช้แลกเปลี่ยนสินทรัพย์อะไรได้อีกแล้ว

นี่สิ่งที่ Burry ทำนายไว้ว่าอาจจะเกิดขึ้นกับสหรัฐ

ตอนนี้ตลาดกำลังกลัวเรื่องค่าเงินเฟ้อในสหรัฐจะพุ่งสูง แต่ก็ไม่มีใครที่มองว่าจะย้ำแย่ถึงขนาดขั้นที่ Burry มองไว้

เราคงต้องมาติดตามกันอย่างใกล้ชิดจริงๆ ว่ามุมมองของ Burry ในครั้งนี้จะแหลมคมเหมือนในครั้งปี 2008 ที่ฟองสบู่ตลาดอสังหาอสังหาริมทรัพย์สหรัฐแตกอีกครั้งหรือไม่ ? เพราะครั้งก่อนเขาก็ได้หายตัวไปนานถึง 1-2 ปี ก่อนที่ฟองสบู่จะแตกออกมาจริงๆ

ตอนนี้นักลงทุนคงต้องฝากความหวังไว้กับฝีมือของ FED และกระทรวงการคลังสหรัฐ สำหรับความสามารถในการประเมินสภาวะเศรษฐกิจของสหรัฐ

Burry ยังได้กล่าวต่ออีกว่าจดหมายจาก Warren Buffet ถึงผู้ถือหุ้น berkshire hathaway ในปี 1980 นั้นได้ช่วยทำให้เขาเข้าใจวิธีการลงทุนในช่วงค่าเงินเฟ้อสูงได้เป็นอย่างดี

ติดตามข่าวสารการลงทุนที่น่าสนใจไปกับ Facebook fanpage ทันโลกกับTraderKP

บทความนี้เผยแพร่ครั้งแรกที่ Facebook fanpage ทันโลกกับTraderKP

ความคิดเห็นล่าสุด

มันก็พิมพ์กันทั้งนั้น555 ประเทศใหญ่ๆที่พัฒนาแล้ว ทั้งอียู ในเอเชียก็มีญี่ปุ่น QE กันหมด😂
เกินจริงไปหน่อยครับ เฟ้อแน่แต่คงไม่โอเว่อร์ขนาดนั้น ความเชื่อมั่นต่อดอลล่าร์ยังมีอยู่เยอะ หลายประเทศก็ยังถือเยอะ เทคโนโลยีหลายตัวที่คนทั้งโลกใช้ก็อยู่ที่อเมริกามองรอบตัวเราได้เลยว่าเราใช้ผลิตภัณฑ์ของอเมริกาอย่างน้อยก็60-80% คงยากที่จะล่มสลาย
Wow
👍🏻
👍👍👍
👌Thank you
👍
การเปิดเผยความเสี่ยง: การซื้อขายตราสารทางการเงินและ/หรือเงินดิจิตอลจะมีความเสี่ยงสูงที่รวมถึงความเสี่ยงต่อการสูญเสียจำนวนเงินลงทุนของคุณบางส่วนหรือทั้งหมดและอาจไม่เหมาะสมกับนักลงทุนทั้งหมด ราคาของเงินดิจิตอลแปรปรวนอย่างมากและอาจได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอกต่าง ๆ เช่น เหตุการณ์ทางการเงิน กฎหมายกำกับดูแล หรือ เหตุการณ์ทางการเมือง การซื้อขายด้วยมาร์จินทำให้ความเสี่ยงทางการเงินเพิ่มขึ้น
ก่อนการตัดสินใจซื้อขายตราสารทางการเงินหรือเงินดิจิตอล คุณควรตระหนักดีถึงความเสี่ยงและต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายในตลาดการเงิน ควรพิจารณาศึกษาอย่างรอบคอบในด้านวัตถุประสงค์การลงทุน ระดับประสบการณ์ และ การยอมรับความเสี่ยงและแสวงหาคำแนะนำทางวิชาชีพหากจำเป็น
Fusion Media อยากเตือนความจำคุณว่าข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้ไม่ใช่แบบเรียลไทม์หรือเที่ยงตรงแม่นยำเสมอไป ข้อมูลและราคาที่แสดงไว้บนเว็บไซต์ไม่ใช่ข้อมูลที่ได้รับจากตลาดหรือตลาดหลักทรัพย์เสมอไปแต่อาจได้รับจากผู้ดูแลสภาพคล่องและดังนั้นราคาจึงอาจไม่เที่ยงตรงแม่นยำและอาจแตกต่างจากราคาจริงในตลาดซึ่งหมายความว่าราคานี้เป็นเพียงราคาชี้นำและไม่เหมาะสมสำหรับวัตถุประสงค์เพื่อการซื้อขาย Fusion Media และผู้ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้จะไม่รับผิดชอบใด ๆ สำหรับความเสียหายหรือการสูญเสียที่เป็นผลมาจากการซื้อขายของคุณหรือการพึ่งพาของคุณในข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้
ห้ามใช้ จัดเก็บ ทำซ้ำ แสดงผล ดัดแปลง ส่งผ่าน หรือ แจกจ่ายข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้โดยไม่ได้รับการอนุญาตล่วงหน้าอย่างชัดแจ้งแบบเป็นลายลักษณ์อักษรจาก Fusion Media และ/หรือจากผู้ให้ข้อมูล ผู้ให้ข้อมูลขอสงวนสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาและ/หรือการแลกเปลี่ยนข้อมูลที่ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้
Fusion Media อาจได้รับผลตอบแทนจากผู้โฆษณาที่ปรากฎบนเว็บไซต์โดยอิงจากปฏิสัมพันธ์ของคุณที่มีกับโฆษณาหรือผู้โฆษณา
เวอร์ชั่นภาษาอังกฤษของเอกสารฉบับนี้เป็นเวอร์ชั่นหลักซึ่งจะเป็นเวอร์ชั่นที่เหนือกว่าเมื่อใดก็ตามที่มีข้อขัดแย้งไม่สอดคล้องตรงกันระหว่างเอกสารเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษกับเอกสารเวอร์ชั่นภาษาไทย