ธนาคารกลางแห่งสหภาพยุโรป (ECB) สร้างความประหลาดใจให้กับตลาดลงทุนด้วยการประกาศเพิ่มวงเงินในการเข้าซื้อบอนด์เพิ่มภายในช่วงไตรมาสที่ 2 นางสาวคริสตีน ลาการ์ด ประธานธนาคารกลางแห่งสหภาพยุโรปกล่าวถึงสาเหตุที่ ECB ตัดสินใจเช่นนั้นเป็นเพราะธนาคารกลางมีความกังวลเกี่ยวกับอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลที่ปรับตัวสูงขึ้นจนอาจจะนำไปสู่การเล่นข่าวเกี่ยวกับความกังวลเงินเฟ้อ ดังนั้น ECB จึงเลือกที่จะตัดไฟตั้งแต่ต้นลม สถานการณ์การกระจายวัคซีนแอสตราเซเนก้าล่าสุดต้องเผชิญกับข่าวร้ายเมื่อมีการสั่งให้ระงับการฉีดวัคซีนชั่วคราวเนื่องจากมีผู้ที่ได้รับวัคซีนบางรายเกิดลิ่มเลือดเป็นอาการข้างเคียง
หลังจากการตัดสินใจของ ECB สกุลเงินยูโรก็อ่อนค่าลง แต่ไม่ได้อ่อนลงถึงขนาดลงไปทดสอบจุดต่ำสุดเดิมเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ สาเหตุที่เป็นเช่นนั้นเพราะนักลงทุนยังมีความเชื่อมั่นกับเศรษฐกิจในยูโรโซนหลังจากที่พวกเขาได้เห็นตัวเลขคาดการณ์ GDP และอัตราเงินเฟ้อของปี 2020 และ 2021 ECB คาดการณ์ว่าปีนี้เศรษฐกิจจะขยายตัว 4% และอัตราเงินเฟ้อจะเพิ่มขึ้น 1.5% ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) รายปีคาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 1.5% แต่อาจเพิ่มขึ้นเป็น 2% ได้บ้างเป็นครั้งคราว
สำหรับตอนนี้นั้นเรามองว่ากราฟ จะยังอยู่ในแนวโน้มขาลงต่อไปจนกว่าจะมีสัญญาณการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของยูโรโซนที่ชัดเจนมากกว่านี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งตราบใดที่ผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ยังมีโอกาสปรับตัวขึ้นอยู่ ในวันที่ 16-17 มีนาคมเราจะได้เห็นตัวเลขคาดการณ์ทางเศรษฐกิจของธนาคารกลางสหรัฐฯ ตัวเลขทางเศรษฐกิจที่ออกมาจะแสดงให้เห็นความแตกต่างในการฟื้นตัวของทั้งสองประเทศ ดังนั้นเราจึงวางแนวรับของกราฟ EUR/USD เอาไว้ใกล้กับเส้นค่าเฉลี่ย 200 วันที่ 1.1826
อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักเกือบทุกตัวแม้ว่าตัวเลขจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกจะปรับตัวลดลงจากครั้งก่อน 754,000 คนเหลือ 712,000 คน เมื่อคืนนี้ประธานาธิบดีโจ ไบเดนได้ลงนามอนุมัติเงินกระตุ้นเศรษฐกิจมูลค่า $1.9 ล้านล้านเหรียญสหรัฐเป็นที่เรียบร้อยและกระทรวงการคลังจะรีบดำเนินการสั่งโอนเช็คมูลค่า $1,400 ไปยังกระเป๋าเงินของชาวอเมริกันทุกคนก่อนสิ้นเดือนนี้ ถึงกระนั้นความเป็นไปได้ที่ ที่ยังมีโอกาสปรับตัวขึ้นอยู่จะเป็นตัวกดดันภาพรวมตลาดลงทุนต่อไป การรายงานตัวเลขทางเศรษฐกิจของอเมริกาวันนี้จะมีการรายงานตัวเลขราคาผู้ผลิต (PPI) และความเชื่อมั่นของผู้บริโภคจากมหาลัยมิชิแกนซึ่งคาดการณ์กันว่าตัวเลขทั้งสองจะออกมาเป็นบวก
วันนี้ตลาดลงทุนจะให้ความสนใจกับสกุลเงินเพราะจะมีการรายงานตัวเลข GDP รายเดือน รายงานตัวเลขผลผลิตภาคอุตสาหกรรมและรายงานตัวเลขดุลบัญชีการค้า นักวิเคราะห์คาดว่าตัวเลขทั้งสองจะปรับตัวเพิ่มขึ้นเพราะเศรษฐกิจของสหราชอาณาจักรยังสามารถฟื้นตัวได้อย่างต่อเนื่อง
กราฟ ปรับตัวลงเป็นวันที่สามติดต่อกันก่อนจะมีการรายงานตัวเลขการจ้างงานและว่างงานในวันนี้ นักเศรษฐศาสตร์คาดว่าตัวเลขการจ้างงานของแคนาดาน่าจะสามารถฟื้นตัวกลับมาได้แล้วหลังจากปรับตัวลดลงมาสองเดือนติดต่อกันซึ่งตัวเลขที่พวกเขาประเมินเอาไว้ก็คือการจ้างงานจะเพิ่มขึ้น 75,000 ตำแหน่งและควรจะเป็นการจ้างงานแบบเต็มเวลาด้วย แม้ว่าก่อนหน้านี้ธนาคารกลางแคนาดา (BoC) จะมีความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์โควิดภายในประเทศ แต่ถ้าตัวเลขการจ้างงานนี้ดีขึ้น ก็น่าจะทำให้ BoC เบาใจได้บ้างว่าได้ดำเนินแนวทางการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจมาถูกทางแล้ว