การที่นักลงทุนในตลาดย้ายการลงทุนจากกลุ่มเทคโนโลยีไปยังกลุ่มวัฐจักรมากขึ้นเพราะเชื่อว่าสถานการณ์โควิดในสหรัฐอเมริกากำลังจะดีขึ้นทำให้ตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ ปรับตัวลดลงเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ดัชนีแนสแด็กปรับตัวลดลงตลอดทั้งสัปดาห์ 4.9% กลายเป็นขาลงสัปดาห์ที่สองติดต่อกัน ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปรับตัวลดลง 2.5% และดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวลดลง 1.8% .
ในขณะเดียวกันกราฟผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 10 ปีได้ทะยานขึ้นไปสร้างจุดสูงสุดที่ 1.6% ก่อนที่จะปรับตัวลดลงมาวิ่งอยู่ที่ราคาบริเวณ 1.41%
โดยปกติแล้วสัปดาห์แรกของเดือนมักจะเป็นช่วงเวลาที่ตลาดลงทุนวุ่นวายมากที่สุด นอกจากสถานการณ์ในตลาดหุ้นและผลตอบแทนพันธบัตรฯ ที่ต้องจับตาแล้ว นักลงทุนยังต้องให้ความสำคัญกับการรายงานตัวเลขเศรษฐกิจอย่างเช่นการรายงานตัวเลขดัชนี PMI ภาคการผลิตในหลายๆ ประเทศ การรายงานตัวเลขอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางออสเตรเลียและที่สำคัญที่สุดคือการเติบโตของตัวเลขการจ้างงานในสหรัฐอเมริการายเดือนที่จะประกาศในวันศุกร์นี้
แม้ว่าการรายงานตัวเลขผลประกอบการของบริษัทสหรัฐฯ ส่วนใหญ่จะผ่านไปแล้ว แต่ก็ยังมีการรายงานผลประกอบการของบางบริษัทที่นักลงทุนไม่ควรมองข้าม ในบทความนี้เราได้เลือกหุ้นน่าถือและหุ้นน่าทิ้งมาฝากอีกเช่นเคย อย่าลืมว่าบทความนี้มีผลเฉพาะภายในสัปดาห์นี้เท่านั้น
หุ้นน่าถือ: Airbnb
หุ้นของบริษัทผู้ให้บริการเว็บไซต์ที่เปิดให้ใครก็ได้มาลงโฆษณาห้องของตัวเองที่ว่างอยู่ให้กับนักเดินทางทั่วโลกได้เข้าพัก Airbnb (NASDAQ:ABNB) หลังจากผ่านปี 2020 มาได้ก็สามารถปรับตัวขึ้นตั้งแต่ต้นปีมาจนถึงปัจจุบันประมาณ 39% เทียบกับดัชนีเอสแอนด์พี 500 ที่ปรับตัวขึ้นมาได้ 2% เท่านั้นภายในช่วงเวลาเดียวกัน
นับตั้งแต่ Airbnb เปิด IPO ที่ระดับราคา $68 จนถึงตอนนี้ราคาหุ้นได้ปรับขึ้นมามากถึงสามเท่า หุ้นของ Airbnb มีราคาปิดล่าสุดอยู่ที่ $206.35 อยู่ไม่ห่างจากจุดสูงสุดตลอดกาลที่ $219.88 เท่าไหร่นัก ตอนนี้บริษัทมีมูลค่ารวมตามตลาดอยู่ที่ $123,000 ล้านเหรียญสหรัฐ
เราเชื่อว่าสัปดาห์นี้หุ้นของ Airbnb จะยังสามารถวิ่งอยู่ในขาขึ้นได้อย่างต่อเนื่อง หุ้น Airbnb มีโอกาสขึ้นไปยังจุดสูงสุดตลอดกาลได้อีกครั้งเพราะได้รับการเสนอชื่อให้เป็นหุ้นกลุ่มการท่องเที่ยวที่น่าถือที่สุดหลังจากวิกฤตโควิดผ่านพ้นไป แต่ถึงกระนั้นในการรายงานผลประกอบการครั้งแรกเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว Airbnb แสดงตัวเลขขาดทุนในไตรมาสที่สี่ออกมาอยู่ที่ $3,890 ล้านเหรียญสหรัฐ
อย่างไรก็ตาม บริษัทกลับสามารถแสดงตัวเลขผลประกอบการออกมาอยู่ที่ $859.3 ล้านเหรียญสหรัฐ แม้จะสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ $797 ล้านเหรียญสหรัฐแต่ก็ถือว่าลดลงจากช่วงเวลาเดียวกันในปีที่แล้ว 22% จากรายงานตัวกล่าวพบว่าตัวเลขการจองห้องที่พักและการเติบโตของการจองห้องแบบค้างคืนเริ่มกลับมา
แม้โดยภาพรวมตัวเลขผลประกอบการครั้งนี้จะยังค่อนค้างมีตัวเลขที่ผันผวน แต่กำไรในช่วงไตรมาสสี่เมื่อเทียบกับคู่แข่งคนสำคัญอย่าง Booking Holdings (NASDAQ:BKNG) และ Expedia (NASDAQ:EXPE) พบว่ากำไรของทั้งสองบริษัทในไตรมาสเดียวกันนั้นลดลง 63% และ 67% ตามลำดับ
นายไบรอัน เชสกี้ CEO ของ Airbnb เริ่มออกมาแสดงความเชื่อมั่นต่อการกลับมาของการท่องเที่ยวแล้วว่า
“การที่ตัวเลขกำไรของเรากลับมาเติบโตขึ้น แสดงให้เห็นแล้วว่าการท่องเที่ยวเริ่มกลับมาแล้วซึ่งเราต้องเตรียมตัวรับมือและทำกำไรจากโอกาสนี้ให้ได้มากที่สุดเพื่อชดเชยสิ่งที่เสียไปจากวิกฤตโควิด”
ถ้าคุณเป็นคนที่เชื่อว่าการท่องเที่ยวกำลังจะกลับมา และต้องการลงทุนกับหุ้นการท่องเที่ยวสักตัว Airbnb ถือเป็นตัวเลือกที่ดี
หุ้นน่าทิ้ง: DoorDash
หุ้นของบริษัทผู้มีไอเดียเกี่ยวกับการส่งอาหารเดลิเวอรี่สุดล้ำ DoorDash (NYSE:DASH) อาจไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีในสัปดาห์นี้เพราะความหวังที่ว่าช่วงเวลาแห่งการกักตัวอยู่ที่บ้านกำลังจะสิ้นสุดลงอาจทำให้คนอยากออกไปรับประทานอาหารข้างนอกมากกว่าสั่งอาหารมารับประทานที่บ้าน นี่ไม่ใช่สิ่งที่เรารู้สึกไปเอง แต่มีหลักฐานยืนยันจากตัวเลขผลประกอบการไตรมาสที่สี่ที่ออกมาน่าผิดหวัง นี่คือการส่งสัญญาณเตือนแล้วว่าช่วงเวลาที่โหดร้ายจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 อาจจะใกล้สิ้นสุดลงแล้ว
หุ้นของ DoorDash มีราคาซื้อขายเมื่อวันศุกร์อยู่ที่ $169.49 ปรับตัวลดลงมาจากจุดต่ำสุดตลอดกาลที่ $256.09 ประมาณ 34% มีมูลค่าตลาดล่าสุดอยู่ที่ $53,800 ล้านเหรียญสหรัฐ
DoorDash เผยว่าการขาดทุนในไตรมาสนี้เพิ่มขึ้นมากกว่าช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้วสองเท่าคิดเป็นตัวเลข $312 ล้านเหรียญสหรัฐ แต่ในแง่ของผลกำไรนั้นยังเพิ่มขึ้น 226% หรือคิดเป็น $970 ล้านเหรียญสหรัฐเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปีที่แล้ว
ถึงกระนั้นในการรายงานผลประกอบการครั้งล่าสุด DoorDash ก็ยังออกมายอมรับเองว่าลูกค้าอาจเข้ามาใช้บริการของบริษัทน้องลงเมื่อสถานการณ์ทุกอย่างกลับเข้าสู่ภาวะปกติ แม้แต่การคาดการณ์อนาคตในปี 2021 DoorDash ยังมองว่าการเติบโตของยอดขายเฉลี่ยต่อออเดอร์ซึ่งเป็นมาตรวัดหลักในวงการส่งอาหารอาจจะออกมาอยู่ที่ 27.7% ซึ่งลดลงจากการเติบโต 227% ในไตรมาสที่สี่
ยิ่งการกระจายวัคซีนสามารถทำได้อย่างมีประสิทธิภาพมากแค่ไหน DoorDash ก็จะยิ่งได้รับผลกระทบจากความเชื่อมั่นของผู้คนที่ว่าอเมริกากำลังใกล้จะได้หลุดออกจากวิกฤตโควิด-19 แล้ว