จากพฤติกรรมที่ผ่านมาของอีลอน มัสก์ CEO คนดังของบริษัทเทสลา (Tesla) จึงไม่แปลกใจนักที่เขาจะได้รับฉายาว่าโทนี่ สตาร์ก ในโลกของความเป็นจริง การตัดสินใจห่ามๆ ของเขาหักปากกาเซียนของนักวิเคราะห์ชื่อดังมาหลายคน การแสดงความเห็นต่อบางสิ่งบางอย่างแบบสองแง่สองง่ามไม่ว่าจะผ่านทางการให้สัมภาษณ์หรือผ่านทวิตเตอร์มักจะส่งผลต่อทิศทางราคาของหุ้นเทสลาซึ่งในรอบหนึ่งปีที่ผ่านมา ก็ได้พิสูจน์แล้วว่าคำพูดของอีลอน มัสก์ มีส่วนกับขาขึ้น 400% จนกลายมาเป็นหุ้นที่ทำผลงานขาขึ้นดีที่สุดของเอสแอนด์พี 500
ความสำเร็จของบริษัทเทสลา (NASDAQ:TSLA) และอีลอน มัสก์ทำให้รายงานผลประกอบการบริษัทเมื่อเดือนที่ผ่านมาสามารถเอาชนะตัวเลขคาดการณ์ไปได้เป็นไตรมาสที่หกติดต่อกัน เทสลาสามารถผลิตรถยนต์และส่งมอบให้กับลูกค้าได้ 500,000 คัน ตรงตามเป้าที่อีลอน มัสก์กำหนดไว้เมื่อช่วงต้นปี 2020 ซึ่งคิดเป็นการเติบโตขึ้นของยอดขาย 36%
นักวิเคราะห์หลายคนที่ก่อนหน้านี้เคยสบประมาทอีลอน มัสก์ จนถึงขั้น sell หุ้นเทสลา แต่ตอนนี้ต่างทยอยออกมายอมรับความผิดพลาดของตัวเอง ยกตัวอย่างเช่นคริส แมคนัลลี นักวิเคราะห์จาก Evercore ISI ออกมายอมรับว่า “แม้จะยอมรับได้ยาก แต่ผมก็ต้องยอมรับความจริงว่าประเมินหุ้นเทสลาผิดมาตลอด” เช่นเดียวกับโจเซฟ สปาก นักวิเคราะห์จาก RBC Capital Markets ออกมาขอโทษต่อการวิเคราะห์ของตัวเองว่า ไม่มีคำพูดอื่นมาอธิบายสถานการณ์ที่น่าอับอายนี้ได้มากไปกว่าคำว่า “เราประเมินพลังของหุ้นเทสลาต่ำไป”
แม้จะมีนักวิเคราะห์บางคนมองพลาดไป แต่ความจริงอย่างหนึ่งที่ต้องยอมรับคือการกระทำแต่ละอย่างของอีลอน มัสก์ ที่ผ่านมามักจะไม่ใช่สิ่งปกติที่คนทั่วไปทำกัน และการกระทำของเขามักจะสวนทางกับกระแสสังคมเสมอ แม้แต่ข่าวล่าสุดที่อีลอน มัสก์ประกาศซื้อบิทคอยน์ผ่านบริษัทเทสลาคิดเป็นเงินมูลค่า $1,500 ล้านเหรียญสหรัฐก็ยังเป็นที่ถกเถียงในหมู่นักลงทุนว่าสมควรทำหรือไม่ในวันที่บิทคอยน์มีมูลค่าสูงเกิน $40,000 ขึ้นมาแล้ว ที่สำคัญ อีลอน มักส์ยังประกาศด้วยว่าในอนาคตอาจอนุญาตให้ผู้ถือครองบิทคอยน์สามารถซื้อรถของบริษัทด้วยสกุลเงินดิจิทัลนี้ได้
การเติบโตของราชาแห่งสกุลเงินดิจิทัล
อีลอน มักส์ นำกำไรที่ได้มาจากผลประกอบการในไตรมาสที่สี่เป็นใบเบิกทางพาตัวเองเข้าสู่ตลาดสกุลเงินดิจิทัล ว่ากันว่าเงิน $1,500 ล้านเหรียญสหรัฐนั้นถูกแบ่งออกมาจากเงินส่วนกลางของบริษัทเทสลามูลค่า $19,000 ล้านเหรียญสหรัฐ แม้จะเชื่อมั่นในศักยภาพ และวิสัยทัศน์ของอีลอน มักส์ แต่นักลงทุนบางคนก็อดไม่ได้ที่จะเป็นกังวลกับการนำเงินไปซื้อบิทคอยน์ซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูง มูลค่าของมันสามารถเพิ่มขึ้นหรือลดลงได้มากถึง 20% ภายในวันเดียว
ด้วยความผันผวนที่สูงมากของบิทคอยน์ ทำให้หน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการเงินได้ออกมาเตือนถึงความเสี่ยงนี้ ยกตัวอย่างเช่น หน่วยงานกำกับนโยบายทางด้านการเงิน (FCA) ของสหราชอาณาจักรได้ออกเตือนนักลงทุนเมื่อเดือนที่แล้วว่า “การลงทุนในสินทรัพย์สกุลเงินดิจิทัลหรือสิ่งที่มีความเกี่ยวข้องกับสกุลเงินดิจิทัลมีความเสี่ยง หากไม่ศึกษาให้ดีนักลงทุนอาจขาดทุนจากการลงทุนได้”
ชาร์ลี แกรนท์ นักเขียนจากนิตยสารชื่อดัง Wall Street Journal ได้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับกระแสความต้องการลงทุนในบิทคอยน์ว่า
“ในอดีตเราเคยมีกรณีตัวอย่างที่คล้ายกันปรากฎขึ้นมาแล้ว แม้จะมีการจัดตั้งกองทุนขึ้นมาเพื่อลดทอนความเสี่ยง แต่สุดท้ายแล้วกองทุนนั้นก็จบไม่สวยสักราย ยกตัวอย่างเช่น การเก็งกำไรในหุ้นของเจนเนอรัล มอเตอร์ (NYSE:GM) เมื่อทศวรรษก่อนและการเก็งกำไรในที่ดินของประเทศญี่ปุ่นซึ่งก็ทำนักลงทุนและนักเก็งกำไรในยุคนั้นเจ็บตัวมาหลายคนแล้ว”
นอกจากความกังวลในเรื่องของการซื้อบิทคอยน์ของอีลอน มัสก์แล้ว นักลงทุนยังเป็นกังวลเกี่ยวกับการเติบโตของกำไรบริษัทเทสลาในปีนี้ หลังจากเทสลาประสบความสำเร็จอย่างถล่มทลายทำให้รถยนต์พลังงานไฟฟ้าไม่ใช่สิ่งที่เป็นทางเลือกอีกต่อไป แต่กลายเป็นสิ่งที่บริษัทผู้ผลิตรถยนต์ทุกเจ้าต้องทำ ปีนี้เทสลาจะต้องเผชิญกับความท้าทายมากขึ้นจากทั้งบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ในประเทศและบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ในประเทศจีน
ที่สำคัญยิ่งกว่านั้น อีลอน มัสก์ บอกกับนักลงทุนของเขาในรายงานผลประกอบการไตรมาสล่าสุดว่าต้นทุนการดำเนินงานของบริษัทหดตัว 5.4% ปรับตัวลดลง 9.2% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้าเนื่องจากการลดค่าจ้างพนักงานในประเทศจีน และต้นทุนของส่วนประกอบต่างๆ ที่มีราคาสูงขึ้น เมื่อไม่นานมานี้ อีลอน มัสก์พึ่งมีข่าวว่าถูกเรียกตัวจากภาครัฐของประเทศจีนให้ชี้แจงเกี่ยวกับคุณภาพการประกอบรถยนต์ และความปลอดภัยซึ่งก่อนหน้านี้ อีลอน มัสก์ มีความสัมพันธ์อันดีกับรัฐบาลจีนมาโดยตลอด
ความกังวลเหล่านี้นำมาซึ่งคำถามที่ว่า “หรือช่วงเวลาแห่งขาขึ้นของหุ้นเทสลาจะถึงจุดสิ้นสุดลงแล้ว?” นักวิเคราะห์จาก RBC Capital Markets วิเคราะห์พร้อมกับตั้งราคาเป้าหมายของหุ้นเทสลาเอาไว้ที่ $725 ว่า
“ข่าวร้ายที่เข้ามากระทบเทสลาในช่วงนี้ อาจเป็นช่วงเวลาที่ดีที่เปิดโอกาสให้ขาขึ้นของหุ้นเทสลาได้พักหายใจบ้าง แต่หากมองในแง่ของปัจจัยพื้นฐานแล้ว รถยนต์พลังงานไฟฟ้าจะเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างแน่นอน ดังนั้นแล้วจึงไม่มีเหตุผลที่จะไม่ทำให้เทสลาสามารถเติบโตได้ในระยะยาว”
โดยสรุปแล้ว
นักลงทุนต้องแยกประเด็นของอีลอน มักส์ และบริษัทเทสลาออกจากกัน หากพิจารณาในแง่ของมูลค่าบริษัทเทสลาเรามองว่าตราบใดที่ความต้องการรถยนต์พลังงานยังเป็นทรนด์หลักของโลก ตราบนั้นมูลค่าของบริษัทเทสลายังจะสามารถเติบโตต่อไปได้ แต่ในแง่ของความเสี่ยงที่อีลอน มัสก์เข้าถือครองสกุลเงินดิจิทัลบิทคอยน์นั้น เรายังมองว่าบิทคอยน์เป็นสินทรัพย์เสี่ยงที่พร้อมจะปรับตัวลดลงมาเมื่อไหร่ก็ได้ แต่ด้วยกระแสเงินสดที่เทสลามี ต่อให้ขาดทุนจากการถือครองบิทคอยน์ ก็ไม่ได้กระทบถึงสภาพคล่องของบริษัทมากอย่างมีนัยสำคัญ