หากนักลงทุนได้จับตาดูสถานการณ์ของตลาดพันธบัตรรัฐบาลจะเห็นได้ว่าตลาดค่อนข้างผันผวนอยู่พอสมควร กราฟพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ปรับตัวขึ้นลงสลับไปมาขานรับข่าวดีการกระจายวัคซีนต้านโควิด-19 และตัวเลข GDP ไตรมาสสี่ที่ออกมาเป็นไปตามที่คาดการณ์ อย่างไรก็ตามตลาดลงทุนก็ยังประสบกับแรงกดดันเมื่อเงินกระตุ้นเศรษฐกิจมูลค่า $1.9 ล้านล้านเหรียญสหรัฐยังไม่ได้รับการอนุมัติอย่างเป็นทางการและมีความเป็นไปได้ว่าจะโดนหั่นลงเหลือ $600,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐอันเป็นข้อเสนอจากฝ่ายรีพลับลิกันด้วย
ในขณะเดียวกัน สหภาพยุโรปกำลังประสบปัญหาด้านการผลิตและแจกจ่ายวัคซีนไปให้กับประเทศสมาชิก สะท้อนให้เห็นความแตกต่างระหว่างคำว่า “สหภาพ” กับ “สหรัฐฯ” ได้อย่างชัดเจนว่าอันที่จริงแล้วกลุ่มสหภาพยุโรปยังห่างไกลกับคำว่าเป็นกลุ่มก้อนเดียวกันอย่างแท้จริง การที่บางประเทศปิดบางประเทศเปิดชายแดนส่งผลกระทบกับความเร็วในการจำหน่ายวัคซีนเป็นอย่างมาก
ประเทศอิตาลีกำลังเผิชญปัญหาทางด้านการเมืองเมื่อนายกรัฐมนตรีจูเซปเป คอนเต้ ประกาศลาออกจากตำแหน่งหลังจากหัวหน้าพรรคพันธมิตรคนสำคัญนายเมตเตโอ เรนซี ดึงพรรคของเขาออกจากการเป็นพันธมิตรรัฐบาล ส่งผลให้รัฐบาลของคอนเต้ไม่สามารถกุมเสียงข้างมากในสภาได้อีกต่อไป
จากนั้นคอนเต้จึงพยายามหาเสียงข้างมากใหม่โดยไม่คิดจะจัดการเลือกตั้งซึ่งก็ทำให้เกิดคำถามถึงความโปร่งใสจากนักลงทุน ที่สำคัญยังมีข่าวลืออีกว่านายมาริโอ ดรากิ อดีประธานธนาคารกลางแห่งสหภาพยุโรป (ECB) อาจกระโดดเข้าร่วมวงการเมืองอิตาลีครั้งนี้ สร้างความผันผวนให้กับกราฟพันธบัตรรัฐบาลอิตาลีเป็นอย่างมาก
การเมืองและการกู้มากขึ้นของ EU และสหรัฐฯ ยิ่งทำให้ตลาดพันธบัตรผันผวน
เมื่อสัปดาห์ที่แล้วประเทศกรีซได้ประกาศขายพันธบัตรรัฐบาลบาลรุ่น 10 ปีในราคาต่ำที่สุดนับตั้งแต่เข้าร่วมกลุ่มสหภาพยุโรปที่ 0.79% ทำให้มีผู้ที่สนใจเข้ามาถือพันธบัตรรุ่นนี้ของกรีซเป็นจำนวนมากจนหน่วยงานที่จัดการเกี่ยวกับหนี้สิ้นต้องปรับขึ้นจำนวนเริ่มต้นจาก 2.5 พันล้านยูโรขึ้นไป 3 พันล้านยูโร ก่อนที่จะไปสิ้นสุดที่ 3.5 พันล้านยูโร
ประเทศเยอรมันซึ่งเป็นประเทศที่มีเศรษฐกิจแข็งแกร่งที่สุดในสหภาพยุโรปยังไม่สามารถเลือกผู้ที่จะมาดำรงตำแหน่งแทนนางอังเกลา แมร์เคิลได้หลังจากที่เธอประกาศว่าจะลงจากตำแหน่งภายในช่วงฤดูใบไม้ร่วงปีนี้ ตอนนี้มีผู้ท้าชิงที่คิดว่ามีโอกาสจะขึ้นมาดำรงตำแหน่งแทนเธอคือนายอาร์มิน ลาสเชต และนายฟรีดริช เมอซ์ สำนักข่าวท้องถิ่นระบุว่าลาสเซตอาจสิ้นสุดตำแหน่งการเป็นผู้นำพรรคของเขาในเดือนกันยายนปีนี้และจะมีหัวหน้าพรรคคนใหม่ขึ้นมาดำรงตำแหน่งแทนคือนายมาร์คัส เซอเดอร์
ความเคลื่อนไหวของตลาดพันธบัตรรัฐบาลตั้งแต่เริ่มเดือนกุมภาพันธ์เป็นต้นมาพบว่ากราฟผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอิตาลีอายุ 10 ปีลดลงสองจุดเบสิส มีระดับตัวเลขอยู่ที่ 0.0622%
ในขณะเดียวกันกราฟผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลเยอรมันอายุ 10 ปีสามารถปรับตัวกลับขึ้นไปเป็นบวกได้ 0.511%
ข้ามฝากกลับมาที่สหรัฐอเมริกา กราฟผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 10 ปีปรับตัวลดลงต่ำกว่า 1.07% เมื่อประธานาธิบดีโจ ไบเดนยินดีที่จะเจรจากับฝั่งรีพลับลิกันถึงมุมมองว่าเงินกระตุ้นเศรษฐกิจมูลค่า $1.9 ล้านล้านเหรียญสหรัฐนั้นเยอะเกินไป นอกจากนี้แล้ว กราฟผลตอบแทนฯ ยังปรับตัวลดลงเพราะดัชนี PMI ภาคการผลิตจากสถาบัน ISM ในเดือนธันวาคมลดลงจาก 60.5 เป็น 58.7 สะท้อนให้เห็นถึงการชะลอตัวทางเศรษฐกิจ
อย่างไรก็ตามกระทรวงการคลังภายใต้การนำของนางเจเน็ต เยลเลน ก็ได้สร้างความประหลาดใจให้กับบรรดานักการเมืองเมื่อกระทรวงการคลังได้ทำการกู้ยืมเงินมาใช้ในไตรมาสแรกเพียง $274,000 ล้านเหรียญสหรัฐเท่านั้นแทนที่จะเป็นตัวเลข $1,127,000 ล้านเหรียญสหรัฐตามที่หลายฝ่ายคาดการณ์กันเอาไว้ในเดือนพฤศจิกายน ถือเป็นการใช้เงินของรัฐบาลที่น้อยกว่าคาดการณ์และยังมีเงินเหลือให้ใช้อยู่อีก $1,700,000 ล้านเหรียญสหรัฐไปจนถึงสิ้นปี 2021 นี้
ต่อมา กระทรวงการคลังได้ออกมาชี้แจงว่าการกู้ยืมครั้งนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่กำลังอยู่ในสภาคองเกรส อีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้กราฟผลตอบแทนฯ ปรับตัวสูงขึ้นเป็นเพราะนักลงทุนบางส่วนเริ่มทำใจแล้วว่าอาจจะไม่ได้เห็นมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในมูลค่า $1,900,000 ล้านเหรียญสหรัฐอย่างที่เคยประโคมข่าวกันก่อนการเลือกตั้ง