จากกระแสการปั่นหุ้นเกมสต๊อปจนสามารถลากนักลงทุนสถาบันออกมาตบหน้ากลางสี่แยกได้ กองทัพนักลงทุนรายย่อยอันเกรียงไกรก็ได้กระจายตัวเองไปปั่นหุ้น และแกล้งเหล่านักลงทุนสถาบันในที่ต่างๆ อย่างสนุกสนาน จนนำไปสู่คำถามที่ว่า
“กองทัพเรทดิท (Reddit) จะเข้ามาสร้างความปั่นป่วนในตลาดทองคำด้วยหรือไม่?”
สาเหตุที่นักลงทุนเริ่มกังวลว่าสถานการณ์จะลามมาถึงตลาดทองคำได้เพราะบ้านพี่เมืองน้องอย่างโลหะเงินในตอนนี้ได้ปรับตัวขึ้นมาเกือบ $3 ต่อออนซ์ คิดเป็นขาขึ้น 12% ตั้งแต่ราคาปิดในวันพฤหัสบดีที่ $25.40 เพียงเพราะมีการตั้งกระทู้ในเรทดิทว่าพวกเขาจะลองเข้าไปถือโลหะเงินดูเพื่อจะสามารถปั่นราคาขึ้นมาได้บ้าง นับตั้งแต่ทองคำขึ้นไปสร้างจุดสูดสุดเหนือ $2,000 ต่อออนซ์ได้ในเดือนสิงหาคมปีที่แล้ว ทองคำก็ไม่สามารถวิ่งกลับขึ้นไปได้อีกเลย
ทองคำไม่ได้วิ่งตามคำสั่งของใคร แต่เป็นไปตามหลักอุปสงค์อุปทาน
แอนดรูว์ เลฟ หัวหน้าผู้ดูแลนักลงทุนจากซีตรอน (Citron) ซึ่งถือเป็นหนึ่งในเหยื่อจากมหากาย์เกมสต๊อป (NYSE:GME) ได้ออกมาให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น (ที่ดูเหมือนจะเป็นการแก้เขินไปในตัว) ผ่านวิดิโอในยูทูป (Youtube) ว่า
“สำหรับนักลงทุนที่เป็นนักลงทุนจริงๆ ยังมีหุ้นที่น่าสนใจอีกหลายตัวที่สามารถซื้อเพื่อทำกำไรในระยะยาวได้จริงๆ แต่สำหรับผู้ที่กำลังลงทุนกับเกมสต๊อป เราก็อยากจะเตือนเอาไว้ว่าพวกคุณไม่มีทางเอาชนะความจริงที่ว่าท้ายที่สุดเกมดิจิทัลก็ต้องมาแทนที่ร้านขายเกมได้อยู่ดี ทุกอย่างจะกลับมาเป็นไปตามกลไกตลาดในไม่ช้า”
หากจะพูดถึงราคาทองคำแล้วก่อนอื่นเราต้องไปพิจารณาที่สถาการณ์ของอัตราเงินเฟ้อที่มีส่วนสำคัญผลักดันราคาทองคำให้ปรับตัวขึ้นในทุกยุคทุกสมัยกันก่อน การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ทำให้รัฐบาลสหรัฐฯ ต้องอัดเงินเข้าระบบเพื่อพยุงเศรษฐกิจเอาไว้ จากการกระทำนั้นทำให้ตอนนี้สหรัฐอเมริกามีหนี้ขาดดุลแล้วอยู่ที่ $4.5 ล้านล้านเหรียญสหรัฐซึ่งตัวเลขดังกล่าวเป็นตัวเลขที่รวมเอาการกระตุ้นเศรษฐกิจมูลค่า $3 ล้านล้านเหรียญสหรัฐของทรัมป์เข้ามาแล้ว
สิ่งที่ตลาดกำลังจับตาดูอยู่คือการขึ้นของผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ โดยเฉพาะในรุ่น 10 ปี เพราะหากกราฟผลตอบแทนฯ สามารถขึ้นถึง 2% ได้ รวมกับหนี้สาธารณะอีก $30 ล้านล้านเหรียญสหรัฐจะยิ่งทำให้การขาดดุลรายปีของสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นอีกหลายเท่า ด้วยสาเหตุนี้เองที่จะทำให้เงินในระบบเพิ่มขึ้นและพาประเทศเข้าสู่วิกฤตเงินเฟ้ออย่างที่เคยเกิดในปี 2008/2009 เมื่อเงินเฟ้อเพิ่มขึ้น คนก็จะหันมาถือครองทองคำในระยะยาว
ดอลลาร์แข็งค่า ทองคำจึงได้แต่รอ
ปัจจุบันราคาซื้อขายทองคำล่วงหน้าบนตลาด Comex ปรับตัวลดลงมาจากจุดสูงสุดตลอดกาล $2,089 เมื่อวันที่ 7 สิงหาคมประมาณ 12% สร้างจุดต่ำสุดอยู่ที่ $1,832 ในสัปดาห์ที่แล้ว ส่วนกราฟดัชนีดอลลาร์สหรัฐที่ใช้วัดมูลค่าของสกุลเงินดอลลาร์และเป็นปรปักษ์กับทองคำโดยตรงปรับตัวลดลงมา 5% จากจุดสูงสุด 94.795 ในวันที่ 25 กันยายนลงมาสร้างจุดต่ำสุดที่ 90.090 เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
กราฟพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 10 ปีปรับตัวลดลงมา 75% จากจุดสูงสุดในช่วงกลางเดือนมกราคมที่ 1.187 ลงมายัง 0.996 การแข็งค่าขึ้นของดอลลาร์เกิดขึ้นหลังจากการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐฯ เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว นายเจอโรม พาวเวลล์ยังคงย้ำว่าไม่มีแผนที่จะดำเนินการใดๆ เพิ่มเติมในเร็วๆ นี้ เฟดจะยังคงเข้าซื้อพันธบัตรรัฐบาลต่อไปและยังไม่คิดจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเร็ววัน
เมื่อไม่สามารถพึ่งพาธนาคารกลางสหรัฐฯ ได้ สิ่งที่จะทำให้ราคาทองคำปรับขึ้นในตอนนี้มีเพียงอย่างเดียวคือมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของโจ ไบเดนมูลค่า $1.9 ล้านล้านเหรียญสหรัฐที่ว่ากันว่ายังมีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของรีพับลิกันไม่เห็นด้วยและอาจจะขอลดจำนวนเงินดังกล่าวเหลือเพียง $600,000 ล้านเหรียญสหรัฐเท่านั้น
ทองคำไม่ใช่เป้าหมายหลักของกองทัพเรดดิท
เป็นความจริงที่ว่าตอนนี้ราคาทองคำยังคงอยู่ในช่วงขาลง นอกจากจะเป็นไปตามกลไกตลาดแล้วส่วนหนึ่งเป็นเพราะเหล่าบรรดาสถาบันการเงินยังต้องการให้ทองคำอยู่ในราคานี้เพื่อที่จะได้หาซื้อในราคาถูกและเอื้อต่อการเก็บทองคำเข้าสู่คลังสำรองมากขึ้น
สำหรับนักลงทุนรายย่อยในเรดดิท ผมเชื่อว่าพวกเขาจะไม่มายุ่งกับราคาทองคำเพราะที่ผ่านมาเหล่าบรรดานักลงทุนเรดดิทมักเลือกเป้าหมายที่มีราคาต่ำ พวกเขาเข้าซื้อเกมสต๊อปตอนที่มีราคา $18 ต่อหุ้นและไม่ได้อยู่ในความสนใจของตลาดในตอนนั้น แม้จะมีราคาซื้อขายอยู่ที่ $1,860 โดยประมาณแต่ราคาทองคำก็ยังถือว่าอยู่สูงมากสำหรับรายย่อย
ส่วนตัวแล้ว ผมไม่ได้สนับสนุนเหตุการณ์ครั้งนี้ การปั่นราคานั้นทำให้ตลาดไม่ได้อยู่ในสภาวะปกติที่ควรเป็น แต่สิ่งที่นักลงทุนรายย่อยทำในวันนี้สะท้อนให้เห็นความเหลื่อมล้ำทางกฎหมายที่เอื้อต่อเหล่านักลงทุนรายใหญ่มากกว่า ในเมื่อสิ่งที่นักลงทุนรายย่อยทำก็ไม่ได้ต่างอะไรกับสิ่งที่นักลงทุนรายใหญ่ทำในการทำให้บริษัทของใครสักคนต้องย่อยยับจากมุมมองที่ว่า “มันไม่มีค่า” อีกแล้ว เพียงแต่นักลงทุนรายใหญ่มีกฎหมายที่สามารถดำเนินการทำเรื่องพวกนี้ได้อย่างถูกต้อง
มหากาพย์เกมสต๊อปในวันนี้เชื่อได้ว่าจะต้องอยู่ในบทเรียนของการลงทุนจากนี้ตลอดไป ถือเป็นความห้าวหาญที่เราได้เห็นว่าเหล่าชนชั้นสูงถูกลากออกมาตบหน้ากลางที่สาธารณะได้อย่างไร ที่สำคัญยิ่งกว่านั้น หน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่าง กลต. จะได้เห็นช่องโหว่ของระบบทุนนิยมที่เป็นอยู่และพัฒนากฎเหล่านี้ให้มีความเหลื่อมล้ำลดลง หากมองย้อนกลับไปจุดเริ่มต้นของมหากายพ์เกิดขึ้นเพียงเพราะเด็กคนหนึ่งที่อยากจะปกป้องสถานที่ในฝันตอนเป็นเด็กของเขาจากเหล่าอันธพาลทางการเงินที่กำลังจะทำลายสถานที่ความฝันในวัยเด็กของเขาเท่านั้นเอง