หลังจากสร้างความหวือหวาไปด้วยการร่วงต่ำกว่า $30,000 เมื่อวานนี้ ปัจจุบันราคาซื้อขายบิทคอยน์มีตัวเลขอยู่ที่ประมาณ $32,000 ในขณะที่กำลังเขียนบทความนี้อยู่ รวมๆ แล้วเท่ากับว่าราชาสกุลเงินดิจิทัลปรับตัวลดลงมาจากจุดสูงสุดตลอดกาลประมาณ $41,000 แล้วทั้งหมด 27% คำถามก็คือว่า “ถึงเวลาที่จะเรียกได้ว่าซื้อในจุดต่ำสุดแล้วหรือไม่”
สก๊อตต์ ไมเนิร์ด หัวหน้านักวิเคราะห์จาก Guggenheim ให้ความเห็นเกี่ยวกับสถานการณ์ของบิทคอยน์ในตอนนี้ว่า
“ตอนนี้คงไม่มีนักลงทุนสถาบันที่ไหนรอซื้อบิทคอยน์อยู่ที่ $35,000 หรือ $30,000 อีกแล้ว”
สก๊อตต์อาจมองถูกเพราะเราเองก็เชื่อว่านักลงทุนจากสถาบันเหล่านี้ไม่ใช่สาวกหรือเชื่อในหลักการอะไรของสกุลเงินดิจิทัลอย่างแท่จริง แต่สิ่งที่สก๊อตต์อาจประเมินพลาดไปคือพลังและความเชื่อของนักลงทุนรุ่นใหม่ จิม แครมเมอร์จากสำนักข่าว CNBC เชื่อว่าการขึ้นมาของบิทคอยน์ครั้งนี้เป็นสัญญาณบ่งบอกถึงการเปลี่ยนผ่านของนักลงทุนจากรุ่นสู่รุ่นด้วย
นักวิเคราะห์บางคนยกตัวอย่างสิ่งที่เกิดขึ้นกับบิทคอยน์ในช่วงก่อนกับเกมปั่นหุ้นของนักลงทุนรายย่อยที่เกิดขึ้นกับเกมสต็อป (NYSE:GME) ว่านี่คือพลังของคนรุ่นใหม่ พวกเขาสามารถใช้สื่อโซเชียลมีเดียเพื่อรวมพลังกันและก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในแบบที่เราไม่เคยเห็นมาก่อน ถึงแม้ว่าสุดท้ายแล้วเหล่าสถาบันการเงินจะคิดวิธีแก้เผ็ดออกหรือปล่อยให้กระแสนี้ดับไปเองเพราะรายย่อยถ้าแยกกันสุดท้ายก็ไม่สามารถสู้กับรายใหญ่ได้
แต่สถานการณ์สำหรับบิทคอยน์นั้นไม่เหมือนกันกับการปั่นหุ้นเกมสต็อป ตัวบิทคอยน์มีบล็อกเชนรองรับที่ไม่มีแฮกเกอร์คนไหนสามารถทำลายระบบนี้ลงได้มาตั้งแต่ปี 2009 จนทำให้บิทคอยน์ได้ชื่อว่าเป็นทองคำแห่งยุคดิจิทัล ปัจจัยที่สนับสนุนขาขึ้นบิทคอยน์มีความใกล้เคียงกับทองคำมากเช่นมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ การมีสถานะเป็นสินทรัพย์สำรองปลอดภัยและการคงอัตราดอกเบี้ยเอาไว้ที่ 0-0.25% ของธนาคารกลางสหรัฐฯ นอกจากนี้การวิเคราะห์ทางเทคนิคยังชี้ว่าบิทคอยน์มีโอกาสขึ้นเกิน $50,000 ได้เลย
ขาลงในกราฟบิทคอยน์ในตอนนี้คือการบีบอัดกันของทั้งฝั่งซื้อและฝั่งขาย ลักษณะเด่นชัดที่บ่งบอกถึงอาการบีบอัดในตอนนี้คือมีการเทขายที่รุนแรงเพื่อทำกำไรและมีการดีดตัวขึ้นแรงทันที ที่จริงแล้วพฤติกรรมการวิ่งเช่นนี้ถือว่าเป็นพฤติกรรมที่ดีสำหรับสินทรัพย์ เพราะแรงซื้อขายที่ไม่ได้มาจากพลังที่เชื่อในมูลค่าของบิทคอยน์จริงๆ ส่วนใหญ่ได้ออกจากตลาดไปแล้ว นับเป็นโอกาสดีที่ควรตั้งฐานเพื่อเข้าซื้อ
หากให้พูดสั้นๆ ก็คือโอกาสที่ราคาจะลงต่อนั้นมีน้อยลงเพราะนักลงทุนที่อยู่ฝั่งขายได้ออกจากตลาดไปเยอะพอสมควร หมายความว่าใครก็ตามที่ยังอยู่ในตลาดตอนนี้คือคนที่ได้ถือบิทคอยน์ในราคาที่ดีและมีส่วนช่วยสร้างฐานขาขึ้นให้กับบิทคอยน์ครั้งต่อไป แต่สัญญาณขึ้นที่ชัดเจนจริงๆ จะเกิดขึ้นเมื่อบิทคอยน์สามารถขึ้นไปทดสอบจุดสูงสุดก่อนหน้านี้ได้
สำหรับการวัดระดับเป้าหมายที่ราคาบิทคอยน์มีโอกาสขึ้นไปถึง เราได้แบ่งการวัดออกเป็นสองแบบ แบบแรกเริ่มต้นลากจากจุดเริ่มต้นของสวิงขาขึ้นครั้งล่าสุดที่ประมาณ $18,000 ในวันที่ 11 ธันวาคม ขึ้นมาจนถึงจุดสูงสุดตลอดกาลที่ $41,986 ในวันที่ 8 มกราคม พบว่าราคาได้มีการปรับตัวขึ้นมาแล้วทั้งสิ้น 134.11% หากนำระยะของราคาช่วงนี้มาบวกเพิ่มเข้ากับระดับราคาปัจจุบัน จะพบว่ากราฟบิทคอยน์มีโอกาสขึ้นไปถึง $55,455
ส่วนการวัดแบบที่สอง เราได้เริ่มต้นลากวัดจากจุดต่ำสุดวันที่ 4 มกราคมขึ้นไปยังจุดสูงสุดวันที่ 8 มกราคมพบว่ามีส่วนต่างอยู่ที่ $14,308 เมื่อนำตัวเลขดังกล่าวมาเพิ่มระยะจากระดับราคาปัจจุบันขึ้นไปอีก 14,308 พบว่า กราฟบิทคอยน์มีราคาเป้าหมายอยู่ที่ $45,777 ข้อควรระวังก็คือควรรอให้บิทคอยน์ขึ้นยืนเหนือจุดสูงสุดล่าสุดเพื่อสร้างขาขึ้นแรกให้ได้ก่อน จึงพิจารณาวางเป้าหมายตามที่ได้วิเคราะห์ไว้
กลยุทธ์การเทรด
เทรดเดอร์ที่ไม่ชอบความเสี่ยง จะรอจนกว่ากราฟจะทะลุกรอบราคาด้านบนขึ้นไปและต้องทะลุจุดสูงสุดตลอดกาลด้วย จากนั้นรอให้ราคาบิทคอยน์ย่อลงมาก่อนที่จะวางคำสั่งเข้าซื้อ
เทรดเดอร์ที่รับความเสี่ยงได้ปานกลาง จะวางคำสั่งซื้อเมื่อบิทคอยน์สามารถทะลุจุดสูงสุดยอดใดก็ได้ ขอเพียงแท่งเทียนแท่งนั้นเป็นแท่งเทียนขาขึ้นขนาดใหญ่ สีเขียว มีจุดปิดห่างจากจุดเปิดอย่างมีนัยสำคัญ หากกลับมาทดสอบแนวรับที่พึ่งทะลุขึ้นไปด้วยจะยิ่งเป็นการยืนยันขาขึ้นที่ดี
เทรดเดอร์ที่รับความเสี่ยงได้สูง วางคำสั่งซื้อทันทีที่ต้องการ นักลงทุนกลุ่มนี้สามารถยอมรับความเสี่ยงได้หากกราฟบิทคอยน์เกิดเปลี่ยนทางขึ้นมา
ตัวอย่างการเทรด
- จุดเข้า: $30,000
- Stop-Loss: $29,000
- ความเสี่ยง: $1,000
- เป้าหมายในการทำกำไร:$40,000
- ผลตอบแทน: $10,000
- อัตราความเสี่ยงต่อผลตอบแทน: 1:10