-
สัปดาห์ที่ผ่านมา ปัญหาการระบาดของ COVID-19 ในสหรัฐฯ กดดันให้แนวโน้มการฟื้นตัวเศรษฐกิจชะลอลง
-
ควรเฝ้าระวังความผันผวนที่อาจสูงขึ้น โดยปัจจัยเสี่ยงในสัปดาห์หน้ามีทั้ง การเจรจา Brexit รวมถึงสถานการณ์ COVID-19 ในประเทศไทยที่เริ่มมีการระบาดหนักขึ้น
-
เงินบาทพร้อมอ่อนค่าลง หากตลาดปิดรับความเสี่ยง โดยในระยะสั้น แรงเทขายสินทรัพย์ไทยจากความกังวลสถานการณ์ COVID-19 อาจกดดันให้เงินบาทอ่อนค่าลงบ้าง แต่เงินบาทจะไม่อ่อนค่าเร็วเพราะผู้ส่งออกไทยต่างรอจังหวะขายดอลลาร์ในช่วง 30.10-30.15 บาท/ดอลลาร์ อีกทั้งยังมีปัจจัยดุลการค้าเกินดุลคอยช่วยหนุนเงินบาทอีกด้วย
-
กรอบเงินบาทสัปดาห์หน้า 29.75-30.20 บาท/ดอลลาร์
-
การประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ในวันพุธ เราคาดว่า กนง. จะ“คง”อัตราดอกเบี้ย (Repo Rate) ไว้ที่ระดับ 0.50% ทั้งนี้ กนง. อาจส่งสัญญาณพร้อมใช้นโยบายการเงินที่ผ่อนคลายมากขึ้น เพื่อช่วยพยุงเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดระลอกใหม่ของ COVID-19 นอกจากนี้ กนง. อาจเปิดเผยมาตรการเพิ่มเติมเพื่อช่วยชะลอการแข็งค่าของเงินบาทในการประชุมครั้งนี้
-
ฝั่งสหรัฐฯ – เศรษฐกิจสหรัฐฯมีแนวโน้มชะลอตัวลงจากผลกระทบของการระบาด COVID-19 ที่รุนแรง โดยยอดการใช้จ่ายครัวเรือน (Personal Spending) เดือนพฤศจิกายนจะหดตัว 0.2% จากเดือนก่อนหน้า ตามรายได้ของแรงงานที่ลดลง ไม่ว่าจากค่าจ้างที่ลดลง หรือ ชั่วโมงการทำงานที่ลดลง เป็นต้น นอกจากนี้ภาพรวมตลาดแรงงานก็ยังซบเซาอยู่ โดยยอดผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก (Initial Jobless Claims) จะเพิ่มขึ้นราว 8.5 แสนรายในสัปดาห์ที่ผ่านมา
-
ฝั่งยุโรป – ประเด็นสำคัญที่ต้องติดตามคือการเจรจาข้อตกลง Brexit ที่เข้าสู่ช่วงโค้งสุดท้าย โดยต้องระวังความผันผวนในตลาดการเงินที่อาจเพิ่มสูงขึ้น หากการเจรจาจบลงโดยไม่มีข้อตกลง (No Deal Brexit)
-
ฝั่งเอเชีย – ปัญหาการระบาดของ COID-19 ที่รุนแรงในญี่ปุ่นจะยังคงกดดันแนวโน้มการฟื้นตัวเศรษฐกิจ โดยยอดค้าปลีก (Retail Sales) ในเดือนพฤศจิกายนจะพลิกหดตัว 0.8% จากเดือนก่อนหน้า ส่วนอัตราการว่างงาน (Jobless Rate) ก็ยังทรงตัวที่ระดับ 3.1%
-
ฝั่งไทย – การระบาดของ COVID-19 ระลอกใหม่ในไทย อาจสร้างความปั่นป่วนให้กับตลาดการเงินได้ในระยะสั้น ขณะเดียวกัน แนวโน้มการฟื้นตัวเศรษฐกิจอาจชะลอตัวลงหากการระบาดทวีความรุนแรงมากขึ้น จนรัฐบาลต้องใช้มาตรการ Lockdown ที่เข้มงวด อย่างไรก็ดี ความต้องการสินค้าที่ฟื้นตัวดีขึ้นตามภาพการค้าโลก จะช่วยหนุนให้ยอดการส่งออก (Exports) ในเดือนพฤศจิกายน หดตัว 3.5% จากระยะเดียวกันในปีก่อน ดีขึ้นจากที่หดตัวถึง 6.7% ในเดือนตุลาคม อย่างไรก็ดี ยอดการนำเข้า (Imports) จะยังคงหดตัวราว 10% ทำให้ดุลการค้า (Trade Balance)เกินดุลกว่า 2 พันล้านดอลลาร์
มุมมองนโยบายการเงิน
มุมมองเศรษฐกิจทั่วโลก