หุ้นของบริษัทผู้ผลิตเครื่องบินระดับโลกโบอิ้ง (NYSE:BA) แสดงสัญญาณความแข็งแกร่งหลังจากเครื่องบินรุ่น 737 MAX ถูกปลดแบนให้สามารถกลับมาบินได้อีกครั้งจากองค์การบริหารการบินแห่งชาติสหรัฐฯ (FAA) นักลงทุนกำลังกลับเข้าไปซื้อหุ้นของบริษัทโบอิ้งโดยมีความหวังว่าในที่สุดบริษัทจะสามารถฝ่าออกจากมรสุมลูกใหญ่ที่คอยหลอกหลอนโบอิ้งอยู่มาตลอดเกือบสองปีได้เสียที
ตั้งแต่เดือนที่แล้ว หุ้นของบริษัทโบอิ้งได้ปรับตัวขึ้นมามากกว่า 20% คิดเป็นขาขึ้นรวมตั้งแต่จุดต่ำสุดเดือนมีนาคม 110% มีราคาปิดล่าสุดอยู่ที่ $218.46 อย่างไรก็ตามขาขึ้นตลอดทั้งปี 2020 ก็ยังเหลืออีก 35% กว่าจะกลับขึ้นไปอยู่จุดเดิมของปีที่แล้วได้
ก่อนหน้านี้เครื่องบินโบอิ้งรุ่น 737 MAX ถูกสั่งให้ระงับการขึ้นบินทั่วโลกมาตั้งแต่เดือนมีนาคมปี 2019 หลังจากพบปัญหาทางเทคนิคที่ทำให้เครื่องบินตกถึงสองครั้ง คร่าชีวิตผู้โดยสารไป 346 คน แม้จะเป็นเครื่องบินรุ่นที่ขายดีที่สุดแต่โบอิ้งก็จำใจต้องหยุดบินตามคำสั่งของ FAA ข่าวร้ายนี้ทำให้ที่ผ่านมาหุ้นของโบอิ้งไม่มีโอกาสปรับตัวกลับขึ้นมาได้เลยและยังต้องมาถูกซ้ำเติมด้วยโรคระบาดโควิด-19 ดังนั้นการได้รับอนุญาตให้กลับมาโบยบินบนท้องฟ้าได้อีกครั้งจึงเป็นความหวังให้กับนักลงทุนผู้ศรัทธาในโบอิ้งเป็นอย่างมาก
เมื่อเจ็ดวันที่แล้ว FAA ได้อนุญาตให้บริษัทโบอิ้งสามารถส่งมอบเครื่องบินไปให้กับสายการบินได้ตามปกติแล้วซึ่งการส่งมอบเครื่องบินรุ่น 737 MAX รอบนี้จะต้องเป็นไปตามกฎข้อบังคับจาก FAA ทางด้านสายการบินชื่อดังของสหรัฐฯ ที่ยังมีชีวิตีรอดจากวิกฤตโควิด-19 ได้ออกมาพูดถึงการกลับมาของ 737 MAX รอบนี้ว่าเมื่อสถานการณ์ทุกอย่างกลับมาใกล้เคียงกับปกติ ทางสายการบินจะเริ่มให้ 737 MAX ขึ้นบินได้ในปีหน้า ในเวลาเดียวกัน FAA ก็กำลังรอการอนุมัติจากองค์การการบินของประเทศอื่นๆ อยู่ด้วย
กระแสเงินสดของโบอิ้งเป็นอย่างไรบ้าง
การที่ 737 MAX ถูกสั่งห้ามขึ้นบินกับการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 จนสายการบินไม่สามารถนำเครื่องบินขึ้นฟ้าได้ส่งผลกระทบต่อกระแสเงินสดภายในบริษัทและกำไรในอนาคตเป็นอย่างมาก ความเสียหายที่เกิดขึ้นต้องใช้เวลาไปอีกสักระยะใหญ่ๆ กว่าจะสามารถทำให้การเงินบริษัทกลับมาเข้าที่เข้าทางได้ อุปสรรคสำคัญตอนนี้สำหรับโบอิ้งคือต่อให้ 737 MAX ได้รับอนุญาตให้กลับมาบินได้จากองค์การการบินทั่วโลก แต่สายการบินส่วนใหญ่ก็ยังได้รับผลกระทบจากโควิด-19 อยู่และก็ต้องใช้เวลาอีกสักระยะในการฟื้นฟูตัวเองเช่นกัน
ตัวบ่งชี้หนึ่งที่สำคัญคือจำนวนเครื่องบินที่ยังขายไม่ได้และบริษัทก็ยังเก็บเครื่องบินเหล่านั้นเอาไว้ในคลังซึ่งไม่สามารถแปลงเครื่องบินเหล่านั้นกลับมาเป็นกระแสเงินสดได้ จากการรายงานผลประกอบการไตรมาสที่ 3 พบว่าโบอิ้งมีหนี้อยู่ในส่วนนี้ประมาณ $8700 ล้านเหรียญสหรัฐและยังมีเครื่องบินรุ่น MAX เหลืออยู่ในคลังอีก 787 ลำที่รอส่งมอบให้กับลูกค้าอยู่ นอกจากนี้ CEO ของบริษัทก็ได้บอกกับนักลงทุนเองว่าการหดตัวของกำไรโบอิ้งอาจลากยาวไปตลอดทั้งปี 2020 และกว่าจะฟื้นตัวกลับมาได้อาจใช้เวลาถึงปี 2022 ถือเป็นช่วงเวลาที่นานเอาไว้กว่าที่ประเมินคราวก่อน
อย่างไรก็ตาม CEO ของโบอิ้งได้บอกว่าพวกเขาได้มองข้ามไปยังช่วงเวลาที่การท่องเที่ยวทางอากาศกลับมาเป็นปกติแล้ว การแจกจ่ายวัคซีนในปีหน้าจะช่วยบรรเทาทุกข์ของโบอิ้งไปได้มาก เขามีความมั่นใจเป็นอย่างมากว่าการตอบสนองของนักลงทุนที่มีต่อหุ้นโบอิ้งจะเกิดขึ้นอย่างมีนัยสำคัญจริงๆ เมื่อการฟื้นตัวอย่างเต็มรูปแบบมาถึง นี่คือสิ่งที่นาย เดฟ คัลฮูน CEO ของบริษัทบอกกับ Wall Street Journal
โดยสรุปแล้ว
ขาขึ้นของหุ้นโบอิ้งในตอนนี้คือการตอบสนองที่ดีต่อข่าวดีในระยะสั้นเท่านั้น แม้จะมีข่าวดีที่ 737 MAX สามารถกลับมาบินได้ แต่ก็ยังจะถูกกดดันจากโควิด-19 อยู่ดี ในขณะที่การท่องเที่ยวทางอากาศและสายการบินต้องใช้เวลาอีกสักระยะในการฟื้นตัว โบอิ้งจะต้องอดทนผ่านช่วงเวลาดังกล่าวนี้ไปให้ได้จึงจะได้เห็นฟ้าหลังฝนที่แท้จริง จังหวะนั้นจึงเป็นช่วงเวลาที่น่าลงทุนกับโบอิ้ง