- บริษัทจะรายงานผลประกอบการไตรมาสที่ 3 ปี 2021 ในวันพุธที่ 18 พฤศจิกายนหลังตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ ปิด
- คาดการณ์ตัวเลขผลกำไร: $4,410 ล้านเหรียญสหรัฐ
- คาดการณ์ตัวเลขการปันผลกำไรต่อหุ้น: $2.57
หุ้นของบริษัทผู้ผลิตชิปคอมพิวเตอร์เอ็นวีเดีย (NASDAQ:NVDA) ถือเป็นหนึ่งในหุ้นที่สร้างขาขึ้นได้ดีที่สุดในช่วงวิกฤตโรคระบาด ธุรกิจของบริษัทเอ็นวีเดียเติบโตในช่วงเวลาดังกล่าวได้ดีมากจากความต้องการชิปเพื่อใช้ในการทำศูนย์กลางข้อมูลและตลาดวิดีโอเกมที่เติบโตขึ้นตามเทคโนโลยีที่พัฒนาไปอย่างรวดเร็ว
ในปีนี้ราคาหุ้นเอ็นวีเดียปรับตัวขึ้นมากกว่าสองเท่าจนกลายเป็นหนึ่งในสามหุ้นบนดัชนี S&P 500 ที่สร้างขาขึ้นได้มากที่สุด ความสำเร็จนี้ทำให้บริษัทมีมูลค่าตลาดรวมแล้วมากกว่า $330,000 ล้านเหรียญสหรัฐ มากกว่ามูลค่าตลาดของสองบริษัทคู่แข่งอย่างอินเทล (NASDAQ:INTC) และ AMD (NASDAQ:AMD) รวมกัน
ด้วยแนวทางและวิสัยทัศน์ที่ชัดเจนว่าต้องการโฟกัสที่การสร้างเทคโนโลยีเพื่อตอบสนองพฤติกรรมการบริโภคที่เปลี่ยนไป ผลิตภัณฑ์ของเอ็นวีเดียจึงเน้นไปที่การทำชิปเพื่อรองรับระบบคลาวด์และการเล่นเกมมากขึ้น เชื่อว่าในการรายงานผลประกอบการในช่วงเช้าของวันพรุ่งนี้ตามเวลาประเทศไทย เอ็นวีเดียจะสามารถแสดงตัวเลขที่แข็งแกร่งได้อีกหนึ่งไตรมาส ในอนาคต เอ็นมีเดียไม่ได้มองแต่เพียงสองตลาดนี้แล้ว แต่ยังมองโอกาสการเติบโตไปยังการพัฒนาระบบคลาวด์ไปจนถึงขีดสุด เทคโนโลยี AI การใช้แรงงานหุ่นยนต์และ IoT
ในแง่ของนวัตกรรมที่ผ่านมาบริษัทเอ็นวีเดียก็ได้พิสูจน์แล้วว่าเทคโนโลยีของบริษัทยังล้ำหน้าคู่แข่งอยู่มาก ล่าสุดเมื่อเดือนกันยายน เอ็นวีเดียพึ่งได้ประกาศการ์ดจอตัวใหม่ล่าสุดสามตัวที่บริษัทอ้างว่าได้ใส่สถาปัตยกรรมชิบรุ่นใหม่ล่าสุดอย่าง “Ampere” เข้าไปด้วย เอ็นวีเดียถึงกับบอกว่าสถาปัตยกรรมนี้จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการประมวลผลให้ก้าวกระโดดไปไกลกว่าสิ่งที่เราคุ้นเคยกันอยู่ในการใช้งานคอมพิวเตอร์ ณ ตอนนี้
เรื่องดีดีของ NVIDIA ยังไม่จบ
ภายในเดือนเดียวกันนั้นเอง เอ็นวีเดียก็ได้เดินเกมเกี่ยวกับการพัฒนาเทคโนโลยี AI ไปข้างหน้าอีกขั้นเมื่อได้ทำข้อตกลงซื้อกิจการ Arm Holdings จากกลุ่ม SoftBank ได้เรียบร้อยในมูลค่า $40,000 ล้านเหรียญสหรัฐ หากคุณผู้อ่านได้ตามวงการเทคโนโลยีคงจะทราบดีว่าสถาปัตยกรรม ARM คือผู้ที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของสมาร์ทโฟนชื่อดังอย่างไอโฟน (iPhone) ที่ครองตลาดมือถือมาจนถึงปัจจุบัน
เอ็นวีเดียค่อนข้างวางใจในยอดขายจากธุรกิจหลักที่ทำกำไรได้เสมอมาอย่างการขายการ์ดจอให้กับวงการเกมและการขายชิปให้กับบริษัทที่ต้องการทำธุรกิจคลาวด์ เอ็นวีเดียเชื่อมั่นว่าการ์ดจอของพวกเขาคือการ์ดจอที่ยังคงให้ประสบการณ์การเล่นเกมที่ใกล้เคียงความจริงมากที่สุด จนถึงตอนนี้ยังไม่มีใครล้ม GeForce ได้นั่นคือสิ่งที่เอ็นวีเดียเชื่อ
ด้วยความแข็งแกร่งนี้ นักวิเคราะห์จากหลายๆ สำนักจึงเชื่อว่าหุ้นเอ็นวีเดียจะยังมีอนาคตเติบโตไปได้อีกไกล นายคริสโตเฟอร์ โรล์แลนด์ นักวิเคราะห์จาก Susquehanna ได้ปรับเพิ่มราคาเป้าหมายภายในหนึ่งปีของหุ้นเอ็นวีเดียขึ้นจาก $560 เป็น $610 จากความสามารถในการรักษาฐานลูกค้าวงการเกมและตลาดของผู้ต้องการชิปเพื่อทำศูนย์กลางข้อมูลเอาไว้ได้อย่างเหนียวแน่น ล่าสุดนายคริสโตเฟอร์ได้วิเคราะห์ความแข็งแกร่งของเอ็นวีเดียให้กับลูกค้าว่า
“เราทราบดีถึงความเป็นไปได้ที่ “Ampere” จะขาดตลาดภายในช่วงไตรมาสที่ 3 ปี 2020 แต่เราอยากให้นักลงทุนได้มองข้ามความเสี่ยงระยะสั้นนี้ไปแล้วพิจารณาถึงความเป็นไปได้ในการเติบโตและสิ่งที่ Ampere จะสามารถทำได้ในไตรมาสที่ 4 ปี 2020 หรือไตรมาสที่ 1 ปี 2021 หรือไกลยิ่งกว่านั้น”
โดยสรุปแล้ว
จากขาขึ้นตลอดทั้งปี 2020 เราเข้าใจดีกว่าไม่ใช่เรื่องง่ายแล้วที่จะซื้อหุ้นเอ็นวีเดียในราคาถูก ปัจจุบันหุ้นเอ็นวีเดียกลายเป็นหุ้นที่มีมูลค่าสูงสุดตัวหนึ่งด้วยค่า PE อยู่ที่ 99 การรายงานผลประกอบการที่กำลังจะเกิดขึ้นนี้จะยิ่งตอกย้ำความแข็งแกร่งและความต้องการผลิตภัณฑ์ของบริษัทมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม