สัปดาห์ที่แล้วหุ้นของบริษัทผู้ผลิตเนื้อจากพืชบียอนด์ มีต (NASDAQ:BYND) ปรับตัวลดลง 20% หลังจากรายงานผลประกอบการไตรมาสที่สามไม่สามารถขึ้นถึงตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ นี่คือการรายผลฯ ครั้งแรกที่บียอนด์ มีตพลาดหลังจากตลอดทั้งปี 2020 หุ้นของบริษัทปรับตัวขึ้นมา 155%
สาเหตุของความผิดพลาดครั้งนี้นักวิเคราะห์มองว่าเกิดขึ้นจากสินค้าในคลังขาดแคลนจนส่งผลให้การดำเนินธุรกิจในพื้นที่ต่างๆ ไม่สามารถมีสินค้าเพียงพอต่อความต้องการของผู้บริโภคได้ นี่คือผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการแพร่ระบาดโควิดที่รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ในสหรัฐอเมริกา ณ ปัจจุบัน
หลังจากตลาดหลักทรัพย์สหรัฐปิดทำการในวันพุธที่ผ่านมา ตอนนั้นหุ้นมียอนด์ มีตร่วงลงมากกว่า 20% คิดเป็นขาลง 35% จากจุดสูงสุดในวันที่ 5 ตุลาคมและมีราคาปิดในตอนนั้นอยู่ที่ $127.89 รายงานผลประกอบการไตรมาสที่สามที่พึ่งประกาศไประบุว่าบริษัทสามารถทำยอดขายได้เพียง $94.4 ล้านเหรียญสหรัฐในขณะที่นักวิเคราะห์ประเมินตัวเลขเอาไว้ที่ $132.1 ล้านเหรียญสหรัฐ นายอีธาน บราวน์ CEO ของบริษัทกล่าวถึงการรายงานผลประกอบการอันน่าผิดหวังครั้งนี้ว่า
“ตัวเลขการดำเนินงานของเราสะท้อนให้เห็นว่าในที่สุดโควิด-19 ก็สามารถสร้างผลกระทบกับเราได้ในไตรมาสนี้ โควิด-19 เผยจุดอ่อนในการทำงานของพวกเราและนั่นเป็นหน้าที่ของเราในฐานะมนุษย์ที่ต้องเรียนรู้และปรับตัวไปกับมัน”
นี่คือขาลงครั้งแรกของบริษัทผู้ผลิตเนื้อเทียมหากนับตั้งแต่โควิด-19 เข้ามา ก่อนหน้านี้บียอนด์ มีตยังพอใจกับขาขึ้นของหุ้นเพราะผู้บริโภคเลือกที่จะเลี่ยงผลิตภัณฑ์จากเนื้อและหันมาบริโภคผลิตภัณฑ์ที่มาจากพืชมากขึ้นในช่วงโรคระบาด สิ่งหนึ่งที่ต้องชมบียอนด์ มีตในช่วงก่อนการรายงานผลประกอบการครั้งนี้คือความสามารถในการเปลี่ยนกลยุทธ์ทางธุรกิจเพื่อเพิ่มกำไรเนื่องจากยอดขายผลิตภัณฑ์ภายในภัตตาคารลดลงเกือบครึ่งของกำไรที่เคยทำได้ในระดับปกติ แต่จากรายงานผลประกอบการไตรมาสที่สามนี้แสดงให้เห็นว่าความต้องการของผู้บริโภคในช่วงหน้าร้อนที่ผ่านมาลดลง
การปรับลดความน่าเชื่อถือเป็นเพียงขาลงระยะสั้น
นักวิเคราะห์มีความกังวลเกี่ยวกับภาพความต้องการผลิตภัณฑ์ของบียอนด์ มีตมากขึ้นเนื่องจากบริษัทเองก็มีคู่แข่งในตลาดอยู่พอสมควร ที่สำคัญก็คือผลิตภัณฑ์ของบียอนด์ มีตก็ถือเป็นสินค้าสำหรับรับประทานเช่นกัน ต่อให้ความคิดสร้างสรรค์ของบริษัทจะดีแต่ก็ยังได้รับผลกระทบจากโควิดไม่ต่างจากของกินประเภทอื่น สาเหตุหนึ่งที่ทำให้ราคาหุ้นของบียอนด์ มีตหล่นวูบเกิดมาจากนักวิเคราะห์หลายสำนักปรับลดความน่าเชื่อถือของหุ้นบียอนด์ มีตลงหลังจากได้เห็นตัวเลขผลประกอบการ
อเล็กเซีย โฮวาร์ด นักวิเคราะห์จากเบิร์นสไตน์ระบุว่ากำไรของบียอนด์ มีตในไตรมาสที่สามที่หายไปมากกว่าที่บริษัทคาดการณ์ไปเยอะมาก ความผิดหวังนี้ทำให้บริษัทประเมินว่าหุ้นบียอนด์ มีตมีราคาซื้อขายที่ต่ำกว่ามาตรฐานและปรับลดราคาเป้าหมายหุ้นลงจาก $136 เป็น $89 พร้อมให้เหตุผลว่าในรายงานผลประกอบการครั้งหน้าบียอนด์ มีตอาจเจองานที่ยากกว่านี้
นายอดัม ซามูเอลสัน นักวิเคราะห์จากโกลด์แมน แซคส์วิเคราะห์ว่า
“โควิด-19 ทำให้นวัตกรรมของผลิตภัณฑ์สำหรับการบริโภคทางเลือกที่โดยปกติก็มีกระบวนการที่ล่าช้าอยู่แล้วต้องช้าลงยิ่งกว่าเดิม ปัญหานี้อาจจะยังส่งผลกระทบต่อการเติบโตของบียอนด์ มีตในระยะกลาง”
แม้รายงานผลประกอบการจะน่าผิดหวัง แต่บียอนด์ มีตกลับยังสามารถรักษาความสัมพันธ์กับบริษัทที่อยู่แถวหน้าของวงการอาหารได้เป็นอย่างดี ยกตัวอย่างเช่นการร่วมมือกับบริษัทเจ้าของฟาส์ทฟู๊ดทั่วโลกแมคโดนัลด์ (NYSE:MCD) ในการทำแฮมเบอร์เกอร์จากเนื้อเทียมภายใต้ชื่อ “McPlant” ซึ่งคาดว่าจะลองวางขายจริงในปีหน้าในหลายๆ พื้นที่ทั่วโลก เพราะมีพาร์ทเนอร์ที่แข็งแกร่งหนุนหลังอยู่ บียอนด์ มีตจึงกล้าที่จะลงทุนกับการสร้างโรงงานในหลายๆ พื้นที่อย่างเช่นยุโรปและประเทศจีน
นอกจากนี้บียอนด์ มีตยังคิดที่จะทำแฮมเบอร์เกอร์ของตัวเองภายใต้แบรนด์ “บียอนด์เบอร์เกอร์” ซึ่ง CEO ของบริษัทแสดงความเห็นเกี่ยวกับประเด็นนี้เอาไว้ว่า
“แทนที่จะลดการเติบโตของบริษัทเพราะความเสี่ยงจากสภาวะเศรษฐกิจทั่วโลก เรากล้าที่จะลงทุนในเสาหลักของการเติบโตในอนาคตทั้งในด้านความสามารถการผลิตของโครงสร้างพื้นฐานและการตลาดที่มีวิสัยทัศน์ระดับโลก”
โดยสรุปแล้ว
การที่บียอนด์ มีตถูกโควิด-19 ทำร้ายถือเป็นเรื่องที่เข้าใจได้และที่ผ่านมาบริษัทก็พยายามอย่างสุดความสามารถแล้วในการเอาตัวรอดจากวิกฤต การร่วงลงหลังจากการรายงานผลประกอบการครั้งนี้จึงไม่ใช่ความเสียหายในระยะยาวเมื่อเทียบกับพาร์ทเนอร์ที่แข็งแกร่งมากมายของบริษัท นักลงทุนในระยะยาวจะสนใจความสามารถในการเติบโตในอนาคตมากกว่า นี่จึงทำให้หุ้นบียอนด์ มีตจึงยังเป็นตัวเลือกในการลงทุนระยะยาวที่ดี