โลกมนุษยชาติดูมีความหวังขึ้นมาทันทีและความรู้สึกนั้นก็ส่งผลให้ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักอื่นๆ หลังบริษัทผู้ผลิตยา Pfizer (NYSE:PFE) ได้ออกมาประกาศว่าวัคซีนต้านโควิดของพวกเขาตอบสนองเป็นอย่างดีกับการต้านไวรัสโควิด-19 แม้ว่าวัคซีนดังกล่าวจะยังไม่ได้รับการตรวจสอบตามขั้นตอนขององค์การอาหารและยา (FDA) แต่ข่าวดีนี้ก็ถือเป็นสัญญาณบ่งบอกตัวหนึ่งว่าบริษัทได้เดินมาอย่างถูกทิศถูกทางแล้วเมื่อเทียบกับวัคซีนอีก 200 กว่าตัวทั่วโลกที่ยังอยู่ในขั้นตอนการพัฒนา บางส่วนยังอยู่ในขั้นตอนทดลองกับมนุษย์ บางส่วนยังอยู่ในขั้นตอนที่สาม คุณหมอใหญ่อย่างด๊อกเตอร์แอนโทนี่ เฟาซี่ให้ความเห็นว่าความจริงแล้วบริษัท Moderna (NASDAQ:MRNA) เองก็น่าจะได้ผลการทดลองที่คล้ายๆ กันเพราะใช้เทคโนโลยีในขั้นตอนการลดลองเดียวกันกับ Pfizer เชื่อว่าหลังจากที่มีข่าวดีของ Pfizer ไปแล้วตลาดก็น่าจะได้รับข่าวดีของบริษัทผู้ผลิตวัคซีนอื่นๆ ตามมาด้วย
ตลาดลงทุนมีการตอบสนองต่อข่าวดีนี้ทันที ดัชนีดาวโจนส์ทะยานขึ้นมากกว่า 1,000 จุดก่อนจะมีราคาปิดที่ 834 จุด ในขณะเดียวกันกราฟผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 10 ปีสามารถขึ้นไปสร้างจุดสูงสุดที่สูงที่สุดตั้งแต่เดือนมีนาคมได้ ดอลลาร์สหรัฐปรับตัวขึ้นมากกว่า 2% เมื่อเทียบกับสกุลเงินเยนและมากกว่า 1% เมื่อเทียบกับสวิตฟรังก์ อย่างไรก็ตามนี่คือความเสี่ยงอย่างมากที่สุดที่ผู้ถือสกุลเงินดอลลาร์จะยอมรับได้ในตอนนี้เพราะประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนปัจจุบันนายโดนัลด์ ทรัมป์ยังไม่ยอมแพ้ต่อผลการเลือกตั้งอย่างไม่เป็นทางการ แม้ดอลลาร์จะสามารถกดสกุลเงินยูโรและปอนด์ให้อ่อนค่าลงได้แต่ไม่ใช่กับดอลลาร์แคนาดา ดอลลาร์นิวซีแลนด์และดอลลาร์ออสเตรเลีย
สกุลเงินยูโรยังคงถูกกดดันจากนักลงทุนต่อเนื่องเพราะความเป็นกังวลว่าการปิดล็อกดาวน์ทั่วทั้งประเทศจะสร้างความเสียหายครั้งใหญ่ต่อเศรษฐกิจในระดับภูมิภาค แม้จะมีข่าวดีเกี่ยวกับวัคซีนแต่กว่าจะสามารถใช้งานได้จริงๆ ก็ยังคงต้องรอไปจนถึงปี 2021 นักลงทุนในยุโรปทำใจแล้วว่าไตรมาสที่สี่นี้จะต้องเป็นไตรมาสที่เลวร้ายที่สุดครั้งหนึ่งในชีวิต สาเหตุที่สัปดาห์ก่อนกราฟ EUR/USD ยังสามารถวิ่งขึ้นได้เพราะความผันผวนจากการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ซึ่งสัปดาห์นี้เราอาจจะไม่ได้เห็นราคากลับขึ้นไปยังจุดสูงสุดดังกล่าวอีก กราฟ EUR/USD มีโอกาสลงไปยัง 1.16 มากกว่าที่จะขึ้นมายัง 1.20
รายงานตัวเลขวัดบรรยากาศทางเศรษฐกิจจากศูนย์วิจัยเศรษฐกิจแห่งยุโรป (ZEW) ที่จะรายงานวันนี้อาจสะท้อนภาพการชะลอตัวให้เห็นชัดขึ้นและเป็นไปได้ที่กราฟจะลงมาก่อนการประกาศตัวเลขดังกล่าว ตัวเลขในวันนี้อาจเป็นตัวตัดสินใจให้ธนาคารกลางแห่งสหภาพยุโรป (ECB) ประกาศลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนหน้าเพื่อหลีกเลี่ยงภาวะถดถอยทางเศรษฐกิจในระดับรุนแรง นอกจากข้อมูลของ ZEW แล้วสหราชอาณาจักรจะมีรายงานตัวเลขในภาคแรงงานซึ่งจากข้อมูลของดัชนี PMI เมื่อสัปดาห์ที่แล้วชี้ว่าการจ้างงานในภาคการผลิตและบริการลดลงเนื่องจากได้รับผลกระทบจากการล็อกดาวน์เช่นเดียวกันกับยูโรโซน
การแข็งค่าของสกุลเงินออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ดอลลาร์แสดงให้เห็นว่าทำไมการจริงจังกับการจัดการปัญหาโควิดถึงสำคัญ ในประเทศออสเตรเลียตอนนี้มียอดผู้ติดเชื้อลดลงต่ำกว่า 90 รายในขณะที่นิวซีแลนด์พบผู้ติดเชื้อใหม่เพียง 4 รายเท่านั้น จากความสำเร็จในการปราบปรามโควิดทั้งสองรอบทำให้ทั้งสองประเทศสามารถฟื้นฟูเศรษฐกิจได้อย่างเต็มกำลังและทำให้สกุลเงินของทั้งสองประเทศแข็งแกร่งเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ แม้สัปดาห์นี้ธนาคารกลางนิวซีแลนด์ (RBNZ) จะมีการประชุมแต่นักวิเคราะห์ก็คาดว่าคงจะไม่มีอะไรน่าเป็นกังวลเมื่อเทียบกับธนาคารกลางอื่นๆ อย่างมากที่สุดก็อาจจะผ่อนคลายมาตรการทางการเงินเพียงเล็กน้อย ส่วนประเทศแคนาดาแม้ว่าจะยังมียอดผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น แต่สกุลเงินแคนาดาดอลลาร์ยังสามารถขึ้นไปสร้างจุดสูงสุดใหม่ในรอบหนึ่งปีเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐได้เพราะตลาดน้ำมันแสดงความดีใจอย่างเห็นได้ชัดที่กำลังจะได้อุปสงค์น้ำมันที่หายไปนานเกือบปีกลับมาแล้ว