ในที่สุดการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่เข้มข้นที่สุดครั้งหนึ่งก็ได้ฉากจบอย่างไม่เป็นทางการเรียบร้อยแล้ว แม้ว่าตอนนี้โจ ไบเดนจะยังได้ตำแหน่งเป็นว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนถัดไป แต่ตลาดก็เชื่อแล้วว่าต่อให้นับคะแนนจนเสร็จสิ้นและได้รับการอนุมัติอย่างเป็นทางการจากแต่ละรัฐ ก็ไม่น่ามีผลการเลือกตั้งที่ผิดคาดไปจากนี้แล้ว ดังนั้นภาพที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในสัปดาห์นี้คือนักลงทุนจะเริ่มกลับเข้ามารับความเสี่ยงในตลาดหุ้นอีกครั้งเพราะน่าจะได้ภาพเศรษฐกิจของประเทศสหรัฐอเมริกาในอีกสี่ปีข้างหน้าแล้วว่าน่าจะปรับเปลี่ยนโฉมไปในทิศทางใด
จากความผันผวนเมื่อสัปดาห์ที่แล้วดัชนี S&P 500 ปรับตัวขึ้นมากกว่า 7.3% ในขณะที่ NASDAQ ปรับตัวขึ้น 9% ทำผลงานตลอดทั้งสัปดาห์ได้ดีที่สุดนับตั้งแต่เดือนเมษายน หุ้นที่พาดัชนีหลักเหล่านี้ขึ้นไปได้แก่หุ้นกลุ่มเทคโนโลยี บริการเพื่อการสื่อสาร การประกันสุขภาพและกลุ่มสินค้าที่ต้องตัดสินใจ อย่างไรก็ตามประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ยังไม่ยอมรับผลการเลือกตั้งอย่างไม่เป็นทางการนี้และกำลังเดินหน้าฟ้องสามรัฐที่เขาเชื่อว่าคะแนนของเขาถูกโกง ปัจจัยเหล่านี้และเกมการเมืองเพื่อรักษาเก้าอี้ประธานาธิบดีเอาไว้ให้ได้ของทรัมป์อาจกลายมาเป็นปัจจัยที่ทำให้ตลาดหุ้นผันผวน เราจึงอยากนำเสนอสามหุ้นที่เชื่อว่าสมควรอย่างยิ่งแก่การจับตามองในสัปดาห์นี้
1. McDonald’s
บริษัทเจ้าของธุรกิจอาหารฟาสท์ฟู๊ดชื่อดังแมคโดนัลด์ (NYSE:MCD) จะรายงานผลประกอบการไตรมาสที่สามในวันนี้ก่อนตลาดหุ้นสหรัฐฯ เปิด นักวิเคราะห์คาดว่าหุ้นแมคโดนัลด์จะสามารถแสดงตัวเลขกำไรตลอดทั้งไตรมาสออกมาอยู่ที่ $5,400 ล้านเหรียญสหรัฐและมีตัวเลขการปันผลกำไรต่อหุ้นอยู่ที่ $1.91 เมื่อพิจารณาจากจุดต่ำสุดเดือนมีนาคมขึ้นมาถึงปัจจุบันจะพบว่าหุ้นแมคโดนัลด์สามารถทำขาขึ้นกลับขึ้นมาได้ดี นี่คือสัญญาณบ่งบอกว่าการขายอาหารผ่านบริการ “ขับเข้าไปรับบริการโดยไม่ลงจากรถ (Drive-Thru)” ช่วยให้บริษัทยังสามารถรักษายอดขายเอาไว้ได้
นับตั้งแต่จุดต่ำสุดในวันที่ 18 มีนาคม หุ้นแมคโดนัลด์วิ่งขึ้นมาแล้ว 60% ทำผลงานได้อย่างโดดเด่นเมื่อเทียบกับบริษัทที่ทำเกี่ยวกับด้านอื่นๆ ในดัชนีวัดร้านอาหารและภัตตาคารของดาวโจนส์เชื่อว่าการรายงานผลประกอบการวันนี้จะยังสะท้อนให้เห็นถึงความแข็งแกร่งและการฟื้นตัวของแบรนด์แมคโดนัลด์ซึ่งเป็นความต่อเนื่องมาตั้งแต่ไตรมาสก่อน ยอดขายจากออเดอร์อาหารที่ยังคงเติบโตในช่วงที่ผู้คนหลีกเลี่ยงโรคระบาดจะทำให้แมคโดนัลด์สามารถทำผลงานได้ดีอีกหนึ่งไตรมาส ล่าสุดหุ้นแมคโดนัลด์มีราคาซื้อขายอยู่ที่ $216.56 ปรับตัวขึ้น 12%
2. Beyond Meat
บริษัทผู้ผลิตเนื้อจากพืชบียอนด์ มีท (NASDAQ:BYND) จะรายงานผลประกอบการในวันนี้เช่นเดียวกันแต่จะเป็นเวลาหลังจากตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดทำการ นักวิเคราะห์ประเมินว่าบียอนด์ มีทจะสามารถทำยอดขายในไตรมาสนี้ได้ $132 ล้านเหรียญสหรัฐและมีตัวเลขการปันผลกำไรต่อหุ้นอยู่ที่ $0.05
จากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 จนทำให้ภัตตาคารไม่สามารถรับลูกค้าได้ตามปกติทำให้บียอนด์ มีทต้องเปลี่ยนกลุยุทธ์การค้าอย่างฉับพลัน จากเดิมที่เคยขายเนื้อให้กับร้านอาหารต้องเปลี่ยนมาเป็นขายให้กับร้านสะดวกซื้อแทน การรายงานผลประกอบการในช่วงเช้าของวันพรุ่งนี้ตามเวลาประเทศไทยจะช่วยให้นักลงทุนได้ข้อมูลเชิงลึกว่าร้านอาหารยังมีความต้องการผลิตภัณฑ์ของบริษัทมากน้อยแค่ไหนหลังจากกลับมาเปิดให้บริการตามปกติในช่วงหน้าร้อนที่ผ่านมา
นักลงทุนหวังว่ากลุยทธ์การลดราคาเนื้อเทียมของบียอนด์ มีทจะช่วยให้ผลิตภัณฑ์ของบริษัทเป็นที่ต้องการของตลาดมากขึ้นซึ่งจะส่งผลให้ธุรกิจบียอนด์ มีทมีการเติบโตในระยะยาว หากพูดถึงในแง่ของราคาหุ้นต้องบอกว่ายังสามารถทรงตัวอยู่ในขาขึ้นได้ดี ล่าสุดหุ้นบียอนด์ มีทมีราคาซื้อขายอยู่ที่ $156.86 มีมูลค่าเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าในปีนี้
3. Disney
บริษัทเจ้าของอาณาจักรมิกกี้เมาส์และบ้านของเหล่าผู้พิทักษ์อเวนเจอร์อย่างดิสนีย์ (NYSE:DIS) จะรายงานผลประกอบการแบบปีบัญชีของไตรมาสที่สี่ปี 2020 ในวันพฤหัสบดีที่ 12 พฤศจิกายนหลังจากตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิด นักวิเคราะห์ประเมินว่ากำไรไตรมาสนี้ของดิสนีย์จะมีตัวเลขอยู่ที่ $14,100 ล้านเหรียญสหรัฐและมีตัวเลขการปันผลกำไรต่อหุ้นอยู่ที่ $0.73
เป็นที่ทราบกันดีว่าปีนี้ถือเป็นปีที่หนักหนาสาหัสสำหรับดิสนีย์เป็นอย่างมาก ธุรกิจหลักที่ทำกำไรให้กับบริษัทได้เป็นอย่างดีมาโดยตลอดต้องได้รับผลกระทบจากภัยโรคระบาดไม่ว่าจะเป็นดิสนีย์แลนด์ โรงแรม รีสอร์ท โรงภาพยนตร์ จนถึงตอนนี้ดิสนีย์แลนด์ในบางพื้นที่ยังต้องงดให้บริการชั่วคราวอย่างไม่มีกำหนดและบางพื้นที่สามารถให้บริการได้แบบจำกัดจำนวนผู้เข้าใช้บริการ
ความหวังเดียวที่สามารถช่วยให้ดิสนีย์ยังสามารถเดินหน้าต่อไปได้ในปีนี้คือรายได้จากบริการภาพยนตร์สตรีมมิ่ง “ดิสนีย์พลัส (Disney+)” ตอนนี้ซีรีส์ที่กำลังออกอากาศอยู่อย่าง “เดอะ แมนดาลอเลี่ยน (The Mandalorian)” ซึ่งเป็นจักรวาลขยายของภาพยนตร์ชื่อดัง “สตาร์ วอร์ (Star Wars)” ที่กำลังเริ่มต้นซีซั่น 2 กำลังมีกระแสตอนรับจากผู้ชมที่ดี
นับตั้งแต่ลงไปสร้างจุดต่ำสุดในเดือนมีนาคม หุ้นดีสนีย์ก็ค่อยๆ วิ่งกลับขึ้นมา จากกราฟรายสัปดาห์จะเห็นว่าแท่งเทียนล่าสุดของหุ้นดิสนีย์สามารถกลับมาเป็นแท่งสีเขียวได้ นี่คือพฤติกรรมราคาที่สะท้อนถึงความหวังของเหล่าสาวกดิสนีย์ที่หวังว่าจะได้เห็นอาณาจักรมิกกี้เมาส์กลับมายิ่งใหญ่ได้อีกครั้งหลังยุคโควิด ล่าสุดหุ้นดิสนีย์มีราคาปิดอยู่ที่ $127.46