ในขณะที่ผม (ผู้เขียน) กำลังเขียนบทความอยู่นี้กราฟที่ใช้วัดมูลค่าของสกุลเงินสำรองอันดับหนึ่งของโลกอย่างดอลลาร์สหรัฐกำลังปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง แสดงให้เห็นชัดเจนว่านักลงทุนได้ตลาดได้ออกจากโหมดเฝ้าระวังมาเป็นรับความเสี่ยงเต็มตัวจากผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในขณะนี้ แม้การไม่มีใครต้องการถือดอลลาร์จะทำให้ราคาทองคำปรับตัวขึ้นตามไปด้วย แต่ที่น่าประหลาดใจก็คือทำไมกราฟผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ กลับวิ่งขึ้นตามตลาดหุ้น
จากการประเมินของนักวิเคราะห์มีเหตุผลหนึ่งข้อที่พอจะใช้อธิบายข้อสงสัยนี้ได้นั่นก็คือผลการเลือกตั้งในปัจจุบันที่คาดว่าโจ ไบเดนกำลังจะได้ขึ้นมาเป็นประธานาธิบดีคนต่อไปของสหรัฐฯ หากผู้อ่านได้ติดตามข่าวการเลือกตั้งในช่วงนี้ก็จะพบว่าโจ ไบเดนมีความได้เปรียบเหนือโดนัลด์ ทรัมป์อยู่มากเพราะขอแค่ได้เป็นผู้ชนะอีกเพียงรัฐเดียวเขาก็จะได้เป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในขณะที่โดนัลด์ ทรัมป์ต้องชนะอีก 4 รัฐที่เหลืออย่างเพนซิเวเนีย เนวาดา จอร์เจีย และนอร์ทแคโรไลนา แต่เมื่อหันไปดูสถานการณ์ในสภาตอนนี้ที่นั่งของทั้งสองพรรคมีจำนวนที่สูสีกันมากจนแทบจะเป็นไปได้ว่าเราจะได้เห็นสภาแบ่งครึ่งกันแบบ 50/50
เมื่อนำภาพทั้งสองมาประกอบจำลองสถานการณ์กัน โจ ไบเดนกับผู้แทนในสภาที่เป็นเดโมแครตแบบครึ่งต่อครึ่ง คราวนี้การโหวตอะไรผ่านสภาก็จะง่ายสำหรับพรรคเดโมแครตมากกว่าช่วงสี่ปีก่อนซึ่งรวมไปถึงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบสองที่เชื่อกันว่ามาแน่นอนหลังจากการเลือกตั้งเพราะล่าสุดยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 ใหม่ในสหรัฐฯ สามารถสร้างสถิติใหม่ระหว่างช่วงการเลือกตั้งด้วยตัวเลขที่เพิ่มขึ้นเกิน 100,000 รายต่อวันไปแล้ว นักวิเคราะห์จึงเชื่อว่ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบนี้จะต้องมีขนาดมากกว่ารอบแรก นี่คือสาเหตุว่าทำไมดอลลาร์สหรัฐถึงได้อ่อนค่าลงอย่างมากตลอดทั้งสัปดาห์นี้
ที่เขียนไปก่อนหน้านี้คือมุมมองจากการวิเคราะห์ข่าว ตอนนี้เราจะมาดูการวิเคราะห์ทางเทคนิคกันบ้างว่ามีความคิดเห็นกับดัชนีดอลลาร์สหรัฐในปัจจุบันอย่างไร
จากรูปจะเห็นว่ากราฟดัชนีดอลลาร์สหรัฐขึ้นไปเจอกับแนวต้านอันแข็งแกร่งที่เส้นค่าเฉลี่ย 100 วันเมื่อวันจันทร์ หลังจากที่การเลือกตั้งเริ่มต้นขึ้น ในช่วงแรกที่โจ ไบเดนเป็นฝ่ายนำห่าง ดอลลาร์สหรัฐก็อ่อนมูลค่าลงและไม่ผ่านแนวต้านดังกล่าวเพราะตลาดกำลังดีใจเรื่องมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ จนกระทั่งในวันถัดมา (วันพุธ) ที่คะแนนของโดนัลด์ ทรัมป์ดูเหมือนว่าจะสามารถไล่โจ ไบเดนมาจนเกือบทัน วันนั้นความมั่นใจของนักลงทุนในตลาดหุ้นลดลงส่งผลให้ดอลลาร์สหรัฐสามารถแข็งค่าวิ่งกลับขึ้นไปทดสอบแนวต้านดังกล่าวที่ระดับราคา 94 ได้อีกครั้ง สุดท้ายกลับกลายเป็นว่าโจ ไบเดนเป็นฝ่ายทิ้งห่างอีกซึ่งส่งผลให้ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงมาจนถึงปัจจุบัน
สำหรับตอนนี้กราฟดัชนีดอลลาร์สหรัฐมีแนวรับแรกอยู่ที่เส้นประสีดำซึ่งอยู่ที่ระดับราคาประมาณ 92.50 - 92.47 หากหลุดแนวรับนี้ลงไปได้ ความหวังสุดท้ายของขาขึ้นจะอยู่ที่ 91.75 แต่เมื่อราคาสามารถหลุดแนวรับนี้ลงไปได้อีก ทีนี้ความสนใจของตลาดจะลงไปอยู่ที่แนวรับ 90 และจะกลายเป็นจุดต่ำสุดใหม่ของปี 2020 สำหรับดัชนีดอลลาร์สหรัฐด้วย
กลยุทธ์การเทรด
เทรดเดอร์ที่ไม่ชอบความเสี่ยง จะรอจนกว่ากราฟสามารถสร้างจุดจ่ำสุดใหม่ได้ก่อน (ต่ำกว่า 91.75) จากนั้นรอราคาวิ่งกลับขึ้นมาทดสอบแนวรับที่พึ่งกลายเป็นแนวต้าน สร้างแท่งเทียนขาลงหนึ่งแท่งเพื่อให้มั่นใจว่าแนวโน้มจะเป็นขาลงแน่นอน
เทรดเดอร์ที่รับความเสี่ยงได้ปานกลาง จะรอสัญญาณเช่นเดียวกันกับกลุ่มที่ไม่ชอบความเสี่ยงแต่จะไม่รอแท่งเทียนยืนยันขาลง เพราะต้องการได้จุดเข้าที่ดีกว่าตั้งแต่การกลับขึ้นไปทดสอบแนวต้าน
เทรดเดอร์ที่รับความเสี่ยงได้สูง พร้อมวางคำสั่งขายทันทีที่กราฟทะลุเส้นเทรนด์ไลน์ขาขึ้นสีดำลงมาได้ (ตอนนี้) เพราะนักลงทุนกลุ่มนี้ไม่ต้องการรับความเสี่ยงที่กราฟจะดีดกลับขึ้นมาเมื่อลงไปถึง 92.50 หากเกิดสถานการณ์ผลิกผันในตอนนี้อย่างน้อยก็พอจะทำกำไรในช่วงเวลาสั้นๆ ตอนนี้ได้บ้าง
ตัวอย่างการเทรด
- จุดเข้า: 92.50 (รอให้ราคาดีดกลับขึ้นมาจากเส้น neckline ก่อนจึงค่อยตัดสินใจเข้า)
- Stop-Loss: 93.00
- ความเสี่ยง: 50 จุด
- เป้าหมายในการทำกำไร:91.00
- ผลตอบแทน: 150 จุด
- อัตราความเสี่ยงต่อผลตอบแทน: 1:3