🥇 กฎข้อแรกของการลงทุนหรือ? รู้ว่าเมื่อใดควรประหยัด! รับส่วนลดสูงสุด 55% สำหรับ InvestingPro ก่อนโปรโมชั่น BLACK FRIDAY จะหมดเขตรับส่วนลด

2 หุ้นปันผลดีที่ไม่ได้รับผลกระทบจากการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ

โดยInvesting.com
ผู้เขียนHaris Anwar
เผยแพร่ 06/11/2563 17:49
US500
-
MSFT
-
WMT
-

นักลงทุนในตลาดกำลังเผชิญหน้ากับความผันผวนในจุดสูงสุดของปี 2020 นอกจากยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่กลับมาเพิ่มสูงขึ้นอย่างมากในไตรมาสที่สี่ พวกเขายังต้องลุ้นไปกับการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่ตอนนี้ถือได้ว่าเข้าใกล้ฉากสุดท้ายของมหากาพย์แล้ว ยิ่งเข้าใกล้จุดตัดสินมากเท่าไหร่ นักลงทุนกลับพบว่าเป็นเรื่องยากที่จะหาตัวเลือกสำหรับการลงทุนในระยะยาวสักตัว

โดยปกติแล้วนักลงทุนสายซื้อแล้วถือยาวมักจะไม่เป็นกังวลกับความผันผวนในระยะสั้นตอนนี้มากนัก พวกเขามักเลือกหุ้นโดยอ้างอิงจากความสามารถในการปันผลระยะยาวและความมีเสถียรภาพของบริษัทและการเติบโตของอัตราปันผลมาเป็นอันดับแรก หุ้นเหล่านั้นจะต้องสามารถปันผลได้แม้จะต้องเผชิญกับขาลงอย่างรุนแรงในเดือนมีนาคมหรือความผันผวนจากการเลือกตั้งประธานาธิบดีในปัจจุบัน

มาตรฐานในการเลือกหุ้นให้ตรงตามความต้องการที่ investing.com ได้พูดถึงไปนั้นเรียบง่าย บริษัทนั้นจะต้องเป็นที่สามารถยึดครองพื้นที่ในตลาดของตนได้อย่างแข็งแกร่ง มีสภาพคล่องที่ดีและมีประวัติการปันผลต่อเนื่องที่เติบโตและยาวนาน หากเข้าข่ายตามเงื่อนไขเหล่านี้ มีความเป็นไปได้ที่บริษัทดังกล่าวจะเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับการลงทุนระยะยาว 

ในบทความนี้เราได้หยิบ 2 บริษัทที่มีคุณสมบัติตามที่เราพูดถึงมาให้ได้พิจารณา

1. Walmart Inc.

ด้วยคุณสมบัติอันมียอดขายที่เติบโต มีการบริหารบัญชีงบดุลที่ดีและมีสาขาอยู่มากมายทั่วทั้งสหรัฐอเมริกาทำให้บริษัทผู้ค้าปลีกชื่อดังอย่างวอลล์มาร์ท (NYSE:WMT) เป็นตัวเลือกแรกที่เราเชื่อว่าสามารถมอบเงินปันผลได้แม้สภาพเศรษฐกิจจะดีหรือไม่ก็ตาม

วอลล์มาร์ทมีประวัติตัวเลขการปันผลที่สูงมากในทุกๆ ปีนับตั้งแต่บริษัทเริ่มปันผลในปี 1974 จนทำให้บริษัทถูกเชิญเข้าไปยังกลุ่ม VIP ของ S&P 500 ที่มีเพียง 53 บริษัทที่มีประวัติการปันผลดีต่อเนื่อง 25 ปีหรือมากกว่านั้นจึงจะสามารถเข้าร่วมกลุ่มได้WMT Weekly TTM

ตลอดช่วงระยะเวลาการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในปีนี้ วอลล์มาร์ทได้พิสูจน์ตัวเองให้กับทุกคนได้เห็นแล้วว่ายังสามารถปันผลได้ดีเพียงใดในยุคที่ผู้บริโภคถูกบังคับให้ก้าวเข้าสู่การซื้อขายออนไลน์ ในการรายงานผลประกอบการไตรมาสล่าสุด วอลล์มาร์ทสามารถทำกำไรเพิ่มขึ้น 9.3% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปี 2019 และยังเป็นตัวเลขที่มากกว่านักวิเคราะห์ประเมินเอาไว้ด้วย การเติบโต 9.3% นี้มาจากยอดขายสินค้าออนไลน์ผ่าน e-commerce ที่เติบโตขึ้นจากปีที่แล้วมากถึง 97% วอลล์มาร์ทยังคงเป็นตัวเลือกเบอร์ต้นๆ ในการซื้อและส่งสินค้ามาถึงประตูบ้านของผู้บริโภค

ปัจจุบันวอลล์มาร์ทมีเปอร์เซนต์การปันผลรายปีอยู่ที่ 1.56% มีการปันผลในแต่ละไตรมาสอยู่ที่ $0.54% ต่อหุ้น ตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม หุ้นวอลล์มาร์ทปรับตัวขึ้นมาแล้วทั้งสิ้น 31% มีราคาปิดล่าสุดอยู่ที่ $143.47

2. Microsoft Corporation

หากคุณเป็นคนที่เชื่อว่ายุคนี้ใครสร้างเทคโนโลยีใหม่ได้รวดเร็วกว่าคนนั้นคือผู้ที่ครองโลกแต่คุณไม่รู้ว่าควรเลือกบริษัทเทคโนโลยีใดดี เราขอแนะนำไมโครซอฟต์ (NASDAQ:MSFT) บริษัทเทคโนโลยีของสหรัฐฯ ที่อยู่มานานแต่ยังพัฒนาตัวเองให้ทันสมัยอยู่เสมอ ปัจจุบันไมโครซอฟต์มีการปันผลที่สูงกว่าการปันผลครั้งแรกในปี 2004 มากถึงหกเท่า มีตัวเลขเปอร์เซนต์การปันผลรายปีอยู่ที่ 1.11% และมีตัวเลขการปันผลรายไตรมาสอยู่ที่ $0.56 ต่อหุ้นMSFT Weekly TTM

ผู้ที่ถือหุ้นไมโครซอฟต์อยู่ในระยะยาวถือว่าเป็นคนที่โชคดีมาก เพราะนอกจากบริษัทจะอยู่ในวัฐจักรการเติบโตของเทคโนโลยีคลาวด์ในตอนนี้แล้ว ไมโครซอฟต์ยังมีสภาพคล่องที่ดีและมีอัตราการจ่ายเงินปันผลอยู่ที่ 32.9 ในไตรมาสล่าสุด ยอดขายของไมโครซอฟต์ยังคงเติบโตจากการสมัครบัญชีใช้งานชำระเงินเพื่อใช้ผลิตภัณฑ์ของไมโครซอฟต์ไม่ว่าจะเป็น Office 365 หรือ Microsoft Team ผลิตภัณฑ์บนคลาวด์ของไมโครซอฟต์กลายเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้และเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วงที่มีการแพร่ระบาดอย่างเห็นได้ชัด

เราเชื่อว่าพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปรวมถึงความเชื่อเกี่ยวกับทำงานในโลกแบบเก่าได้เปลี่ยนไปแล้วอย่างรวดเร็ว การต่อยอดผลิตภัณฑ์ในตำนานอย่าง Microsoft Office ให้สามารถใช้งานได้ผ่านคลาวด์หรือการสร้าง Azure ขึ้นมาสำหรับการใช้งานระดับองค์กรถือเป็นกลยุทธ์การต่อยอดที่ยอดเยี่ยม จนถึงปัจจุบันผู้บริโภคก็ยังนิยมผลิตภัณฑ์ของไมโครซอฟต์อยู่

ชื่อที่สร้างขึ้นมาแล้วพร้อมกับภาพลักษณ์ที่เปลี่ยนไปให้ทันยุคทันสมัยคือข้อได้เปรียบของไมโครซอฟต์ที่จะช่วยให้บริษัทสามารถรักษาสถิติและความสามารถในการปันผลที่ยาวนานมาตั้งแต่ปี 2004 ให้อยู่ต่อไป ที่สำคัญยังช่วยเพิ่มความสามารถในการเติบโตทางผลกำไรและสภาพคล่องของบริษัทด้วย ล่าสุดหุ้นไมโครซอฟต์มีราคาปิดอยู่ที่ $223.29

ความคิดเห็นล่าสุด

กำลังโหลดบทความถัดไป...
การเปิดเผยความเสี่ยง: การซื้อขายตราสารทางการเงินและ/หรือเงินดิจิตอลจะมีความเสี่ยงสูงที่รวมถึงความเสี่ยงต่อการสูญเสียจำนวนเงินลงทุนของคุณบางส่วนหรือทั้งหมดและอาจไม่เหมาะสมกับนักลงทุนทั้งหมด ราคาของเงินดิจิตอลแปรปรวนอย่างมากและอาจได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอกต่าง ๆ เช่น เหตุการณ์ทางการเงิน กฎหมายกำกับดูแล หรือ เหตุการณ์ทางการเมือง การซื้อขายด้วยมาร์จินทำให้ความเสี่ยงทางการเงินเพิ่มขึ้น
ก่อนการตัดสินใจซื้อขายตราสารทางการเงินหรือเงินดิจิตอล คุณควรตระหนักดีถึงความเสี่ยงและต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายในตลาดการเงิน ควรพิจารณาศึกษาอย่างรอบคอบในด้านวัตถุประสงค์การลงทุน ระดับประสบการณ์ และ การยอมรับความเสี่ยงและแสวงหาคำแนะนำทางวิชาชีพหากจำเป็น
Fusion Media อยากเตือนความจำคุณว่าข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้ไม่ใช่แบบเรียลไทม์หรือเที่ยงตรงแม่นยำเสมอไป ข้อมูลและราคาที่แสดงไว้บนเว็บไซต์ไม่ใช่ข้อมูลที่ได้รับจากตลาดหรือตลาดหลักทรัพย์เสมอไปแต่อาจได้รับจากผู้ดูแลสภาพคล่องและดังนั้นราคาจึงอาจไม่เที่ยงตรงแม่นยำและอาจแตกต่างจากราคาจริงในตลาดซึ่งหมายความว่าราคานี้เป็นเพียงราคาชี้นำและไม่เหมาะสมสำหรับวัตถุประสงค์เพื่อการซื้อขาย Fusion Media และผู้ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้จะไม่รับผิดชอบใด ๆ สำหรับความเสียหายหรือการสูญเสียที่เป็นผลมาจากการซื้อขายของคุณหรือการพึ่งพาของคุณในข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้
ห้ามใช้ จัดเก็บ ทำซ้ำ แสดงผล ดัดแปลง ส่งผ่าน หรือ แจกจ่ายข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้โดยไม่ได้รับการอนุญาตล่วงหน้าอย่างชัดแจ้งแบบเป็นลายลักษณ์อักษรจาก Fusion Media และ/หรือจากผู้ให้ข้อมูล ผู้ให้ข้อมูลขอสงวนสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาและ/หรือการแลกเปลี่ยนข้อมูลที่ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้
Fusion Media อาจได้รับผลตอบแทนจากผู้โฆษณาที่ปรากฎบนเว็บไซต์โดยอิงจากปฏิสัมพันธ์ของคุณที่มีกับโฆษณาหรือผู้โฆษณา
เวอร์ชั่นภาษาอังกฤษของเอกสารฉบับนี้เป็นเวอร์ชั่นหลักซึ่งจะเป็นเวอร์ชั่นที่เหนือกว่าเมื่อใดก็ตามที่มีข้อขัดแย้งไม่สอดคล้องตรงกันระหว่างเอกสารเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษกับเอกสารเวอร์ชั่นภาษาไทย