ท่ามกลางบรรยากาศการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่ยังคึกคัก และยังไม่สามารถทราบผลได้แน่ชัดว่าใครจะได้เป็นผู้นำสหรัฐอเมริกาคนต่อไป นักวิเคราะห์แห่งวอลล์สตรีทกำลังพยายามประเมินว่าหุ้นตัวไหนจะได้รับผลบวกมากน้อยกว่ากันในสถานการณ์ต่างๆ ที่แตกต่างกัน ตอนนี้นักวิเคราะห์โดยเฉลี่ยมองคล้ายๆ กันว่าหากโดนัลด์ ทรัมป์ได้เป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ ต่อจะส่งผลบวกต่อตลาดหุ้นโดยรวมมากกว่าในขณะที่การบริหารภายใต้รัฐบาลของโจ ไบเดนจะขับเคลื่อนหุ้นกลุ่มวัฐจักรได้ดีกว่า
ในเมื่อการเลือกตั้งเปรียบเสมือนการโยนเหรียญหัวก้อยที่ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องออกมาด้านใดด้านหนึ่ง ดังนั้นเราจึงไปคัดสรรหาหุ้นที่เราเชื่อว่ามีศักยภาพและสามารถเติบโตได้ในระยะยาว ไม่ว่าผลการเลือกตั้งวันนี้จะออกมาในทิศทางไหน ขาลงที่เกิดขึ้นในตลาดหุ้นจะเป็นสัญญาณที่ดีสำหรับการเข้าไปช้อนซื้อ และทำกำไรให้กับนักลงทุนในระยะยาวต่อไป
1. Amazon
ด้วยเจ้าของสถิติบริษัทที่เติบโตอย่างก้าวกระโดดที่สุดท่ามกลางไวรัสโควิด-19 และบริษัทผู้ค้าปลีกที่ใหญ่ที่สุดในโลก แอมาซอน (NASDAQ:AMZN) คือตัวเลือกแรกที่เรามองว่าปลอดภัยที่สุดที่จะถือในช่วงของการเลือกตั้งนี้
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว แอมาซอนได้คาดการณ์ว่ากำไรของบริษัทในไตรมาสที่สี่จะเติบโตขึ้นอย่างก้าวกระโดด แสดงให้เห็นว่าแอมาซอนค่อนข้างมั่นใจว่าธุรกิจค้าปลีกออนไลน์ยังสามารถเติบโตได้อีกไกลแม้ว่าจะต้องเผชิญกับผู้ติดเชื้อที่เพิ่มขึ้นในไตรมาสนี้หรือหลังจากยุคโควิดผ่านพ้นไปแล้วก็ตาม ที่ผ่านมาแอมาซอนได้ประโยชน์อย่างมากจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสดังกล่าว ผู้บริโภคเรียนรู้ที่จะจับจ่ายใช้สอย ดำเนินกิจกรรมทางการเงินต่างๆ ผ่านระบบออนไลน์มากขึ้น
นาย Daniel Kurnos นักวิเคราะห์จาก Benchmark วิเคราะห์ให้กับสำนักข่าวบลูมเบิร์กว่า “การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 เปลี่ยนวิถีการบริโภคของผู้คนไปอย่างแท้จริงและได้พิสูจน์แล้วว่าในช่วงที่ไม่มีอุปสงค์ยอดขายของแอมาซอนยังสามารถเติบโตได้ขนาดไหน แล้วในไตรมาสที่สี่ซึ่งเป็นช่วงเทศกาลที่เต็มไปด้วยความต้องการจับจ่ายใช้สอย กำไรของแอมาซอนจะไม่เติบโตขึ้นได้อย่างไร” ในขณะเดียวกันนายเดเนียลก็ได้ปรับตัวเลขเป้าหมายของราคาหุ้นขึ้นจาก $3,675 เป็น $3,800 ด้วย
นาย Doug Anmuth นักวิเคราะห์จากธนาคารเพื่อการลงทุนชื่อดังเจพีมอร์แกนก็เชื่อว่าหุ้นแอมาซอนสมควรเป็นตัวเลือกลำดับต้นๆ ในไตรมาสที่สี่อย่างแท้จริง พร้อมกันนั้นเขาก็ได้ปรับตัวเลขเป้าหมายของหุ้นแอมาซอนขึ้นเป็น $4,050 พร้อมกับเชื่อว่าจะสามารถวิ่งถึงเป้าหมายดังกล่าวได้ภายในระยะเวลา 12 เดือน ล่าสุดหุ้นแอมาซอนปรับตัวลดลง 15% จากจุดสูงสุดตลอดกาลในวันที่ 2 กันยายน มีราคาซื้อขายล่าสุดอยู่ที่ $3048.41 ปรับตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ 1.46%
2. Nike
บริษัทผู้ขายอุปกรณ์กีฬาชื่อดังของโลกไนกี้ (NYSE:NKE) คือหุ้นที่ปันผลคืนมาสู่นักลงทุนได้ดีที่สุดตัวหนึ่งในช่วงเวลาที่มีความไม่แน่นอนจากภัยโรคระบาดและการเลือกตั้ง การลงทุนใน e-commerce ได้ทันเวลาทำให้ไนกี้สามารถเอาตัวรอดไปจากการถูกโจมตีของโควิด-19 ไปได้ ที่สำคัญไนกี้ยังเติบโตได้ดีและได้กำไรกลับคืนมาในช่วงวิกฤตอีกด้วย
การผสมสานกลยุทธ์ค้าขายทั้งในโลกออนไลน์ และออฟไลน์ทำให้ไนกี้สามารถรักษายอดขายไว้ได้แม้ว่าร้านค้าที่มีอยู่ตามห้างสรรพสินค้าทั่วไปจะได้รับผลกระทบจากการล็อกดาวน์ จากการรายงานผลประกอบการพบว่าไตรมาสที่แล้วไนกี้มียอดขายเพิ่มขึ้น 83% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปี 2019 บริษัทยังคงออกผลิตภัณฑ์ตัวใหม่ออกมาอย่างต่อเนื่องเช่น ชุคคอเล็คชั่นเอาใจคนออกกำลังกายโยคะ อุปกรณ์กีฬาสำหรับสุภาพสตรี ฯลฯ ปัจจัยเชิงบวกเหล่านี้คือเหตุผลที่มากพอให้ถือหุ้นไนกี้ที่ยังเติบโตได้ดีแม้ต้องประสบกับความไม่แน่นอนจากปัจจัยภายนอก
ตลอดทั้งปี 2020 มาจนถึงปัจจุบัน หุ้นไนกี้ปรับตัวขึ้นมาแล้วมากกว่า 20% มีราคาปิดล่าสุดอยู่ที่ $124.59 ราคาซื้อขายเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาเพิ่มขึ้น 1.80% และยังมีโอกาสเติบโตขึ้นได้อีกในไตรมาสที่สี่ที่มีเทศกาลคริสต์มาสรออยู่
3. Netflix
บริษัทผู้ให้บริการรับชมภาพยนตร์สตรีมมิ่งเน็ตฟลิกซ์ (NASDAQ:NFLX) คือหุ้นที่สมควรเพิ่มเข้าไปในพอร์ตการลงทุนอย่างยิ่ง โดยเฉพาะเมื่อหุ้นเน็ตฟลิกซ์ย่อตัวลงมากกว่า 19% ในช่วงที่ตลาดกำลังตั้งรับรอดูผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ตลอดทั้งปี 2020 เน็ตฟลิกซ์ได้พิสูจน์แล้วว่าพวกเขาคือตัวเลือกอันดับต้นๆ สำหรับการพักผ่อน และทำงานอยู่ที่บ้านเพราะนั่นเท่ากับว่าผู้คนมีเวลารับชมภาพยนตร์เพิ่มมากขึ้น
การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ยังช่วยยับยั้งการเติบโตของคู่แข่งคนสำคัญอย่างดิสนีย์ (NYSE:DIS) และเอทีแอนด์ที (NYSE:T) ให้กับเน็ตฟลิกซ์ด้วย ท่ามกลางสภาพแวดล้อมที่เป็นใจ ราคาของหุ้นเน็ตฟลิกซ์สามารถขึ้นไปสร้างจุดสูงสุดได้อีกครั้งเมื่อสัปดาห์ที่แล้วด้วยความเชื่อของตลาดที่ว่าการแพร่ระบาดที่เริ่มกลับมาเป็นที่น่ากังวลอีกครั้งจะทำให้หลังจากการเลือกตั้ง ผู้คนจะกลับไปทำงานที่บ้านเพิ่มขึ้น
อีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้หุ้นเน็ตฟลิกซ์เป็นตัวเลือกที่น่าลงทุนเพราะสำหรับธุรกิจภาพยนตร์สตรีมมิ่งแล้วตอนนี้มีเพียงเน็ตฟลิกซ์เจ้าเดียวที่สามารถขยายตลาดออกไปนอกสหรัฐฯ ได้ ในการประกาศผลประกอบการไตรมาสที่สามที่ผ่านมา เน็ตฟลิกซ์มียอดผู้สมัครสมาชิกจากทั่วโลกเพิ่มขึ้น 2.2 ล้านคน นี่คือยอดการเติบโตของสมาชิกใหม่ที่เพิ่มเข้ามาเมื่อเทียบกับสองไตรมาสก่อนหน้าที่ทำเอาไว้ทั้งหมด 26 ล้านคนทั่วโลก ตัวเลขนี้เกือบจะสูงกว่ายอดผู้สมัครสมาชิกตลอดทั้งปี 2019 แล้ว
เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาหุ้นเน็ตฟลิกซ์มีราคาปิดอยู่ที่ $484.12 ปรับตัวลดลงมาจากจุดสูงสุดที่ทำให้เมื่อเดือนกรกฎาคมที่ $575.37 หลังจากตลอดทั้งปี 2020 ปรับตัวขึ้นมาตลอดทั้งปีมากกว่า 60% ตอนนี้หุ้นเน็ตฟลิกซ์ได้ย่อตัวลงมาบ้างแล้ว นี่คือโอกาสที่ดีในการเข้าถือหุ้นเน็ตฟลิกซ์
หุ้นตัวใดที่คุณควรซื้อในการเทรดครั้งถัดไป?
ประสิทธิภาพด้านการประมวลผลของ AI กำลังจะเปลี่ยนแปลงตลาดหุ้น บริการ ProPicks AI ของ Investing.com เป็นพอร์ตหุ้นที่ทำกำไร 6 พอร์ตที่คัดเลือกหุ้นโดยเทคโนโลยี AI ที่ล้ำสมัยของเรา เฉพาะในปี 2024 เพียงปีเดียว เทคโนโลยี AI ของ ProPicks AI ได้ระบุหุ้น 2 ตัวที่ราคาพุ่งขึ้นกว่า 150%, หุ้นเพิ่มเติมอีก 4 ตัวที่ดีดตัวขึ้นกว่า 30% และหุ้นอีก 3 ตัวที่ไต่ระดับขึ้นกว่า 25% แล้วหุ้นตัวใดที่จะทะยานขึ้นต่อไป?
ปลดล็อก ProPicks AI