- บริษัทจะรายงานผลประกอบการไตรมาสที่สี่ปี 2020 ในวันพฤหัสบดีที่ 29 ตุลาคมหลังตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ ปิด
- คาดการณ์ตัวเลขผลกำไร: $63,980 ล้านเหรียญสหรัฐ
- คาดการณ์ตัวเลขการปันผลกำไรต่อหุ้น: $0.71
สิ่งที่ตลาดต้องการทราบมากที่สุดจากการรายงานผลประกอบการไตรมาสที่สี่ปี 2020 ของบริษัทแอปเปิล (NASDAQ:AAPL) ในช่วงเช้าของวันพรุ่งนี้ตามเวลาประเทศไทยคือปริมาณความต้องการผลิตภัณฑ์ของแอปเปิลตลอดทั้งไตรมาสซึ่งรวมถึงโทรศัพท์ไอโฟน 12 (iPhone 12) รุ่นล่าสุดที่รองรับ 5G ด้วย จากการเปิดตัวมือถือไอโฟน 12 ที่ผ่านมา เราได้ทราบแล้วว่าครั้งนี้แอปเปิลได้ผลิตมือถือออกมาทั้งหมด 4 รุ่นซึ่งทั้ง 4 สามารถรองรับ 5G ได้ทั้งหมด
นอกจากนี้ไอโฟน 12 ยังมาในรูปลักษณ์ใหม่ เปลี่ยนจากขอบมนกลายเป็นขอบเหลี่ยมซึ่งก็คือกลับไปใช้โมเดลแบบไอโฟน 4 และ 5 มีรุ่นเล็กที่สุดที่แอปเปิลเรียกว่าไอโฟน 12 มินิ (iPhone 12 Mini) เป็นรุ่นที่มีขนาดหน้าจอเล็กที่สุด 5.4 นิ้วและมีราคาถูกที่สุดอีกด้วย
แอปเปิลเดิมพันการเติบโตของบริษัทเอาไว้กับไอโฟนรุ่นใหม่นี้มาก พวกเขาหวังว่าไอโฟน 12 จะสามารถทำยอดขายได้อย่างถล่มทลายเหมือนอย่างเช่นสามปีที่แล้ว อย่างไรก็ตามภาพรวมของไอโฟนตอนนี้ไม่ได้เป็นเบอร์หนึ่งตลอดกาลเหมือนกับปีที่ผ่านๆ มาเพราะนอกจากจะไม่มีอะไรใหม่ (นอกจาก 5G) แล้ว มือถือไอโฟนถือเป็นโทรศัพท์ราคาแพงที่ไม่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตในยุคไวรัสโรคระบาด ผู้คนตกงานและยากที่จะซื้อมือถือไอโฟนรุ่นใหม่มาใช้ได้
ถึงกระนั้นนักวิเคราะห์เชื่อว่าเมื่อเทียบราคาของไอโฟน 12 กับโทรศัพท์ค่ายอื่นในปัจจุบัน ไอโฟนยังถือว่ามีราคาที่สามารถต่อสู้กับคู่แข่งได้เพราะแม้จะซื้อรุ่นที่ถูกที่สุดจากทั้งสี่รุ่นก็สามารถเข้าถึง 5G ได้เลย และจุดนั้นเองจะทำให้แอปเปิลสามารถกลับเข้าสู่ “รอบแห่งการเติบโตทางผลกำไร” ได้ใหม่อีกครั้ง
การกระจายความเสี่ยงเริ่มแสดงผลลัพธ์
แม้จะอยู่ท่ามกลางมรสุมโรคระบาด นักวิเคราะห์บางคนก็ยังเชื่อว่าผลประกอบการไตรมาสนี้จะยังเติบโตได้และยังคงแนะนำนักลงทุนให้ซื้อหุ้นแอปเปิลเอาไว้อยู่ดีหากมีโอกาสถึงแม้ว่าตลอดทั้งปี 2020 จนถึงปัจจุบันหุ้นแอปเปิลจะขึ้นมาแล้ว 60% ก็ตาม นักวิเคราะห์จากเจพีมอร์แกนเชื่อว่าหุ้นแอปเปิลยังเป็นตัวเลือกที่น่าลงทุนเมื่อพิจารณาจากปัจจัยเชิงบวกอื่นที่อยู่ล้อมรอบ
เจพีมอร์แกนมองว่าแอปเปิลมีข้อได้เปรียบอยู่ 4 ประการ หนึ่งคือมีชื่อเสียงที่ไอโฟนสะสมมาอย่างยาวนาน สองคือมือถือที่สามารถใช้ 5G ได้ สามมีระบบนิเวศน์ที่อยู่รอบๆ ไอโฟนและสุดท้ายบริการหลังการขายที่ต้องยอมรับว่ามีความน่าเชื่อถือสูง สามข้อที่ไม่รวมกับข้อสองก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้คนไม่สามารถไปจากแอปเปิลได้
นอกจากนี้ CEO ของแอปเปิลนายทิม คุกค่อนข้างเก่งในการใช้ระบบนิเวศน์ของแอปเปิลมาทำเงินหากำไรต่อด้วยการอัปเกรด App Store บริการฟังเพลงสตรีมมิ่งและอุปกรณ์นาฬิกาดิจิทัลอย่าง Apple Watch ทิม คุก ทราบดีว่ายอดขายของไอโฟนไม่สามารถเรียกเสียงตอบรับที่ดีอย่างถล่มทลายได้อยู่ตลอด แต่กำไรที่ได้มาจากผลิตภัณฑท์อื่นก็สามารถมาเติมเต็มส่วนที่หายไปได้ อ้างอิงข้อมูลจากปี 2019 ผลิตภัณฑ์ประเภทสวมใส่ของแอปเปิลสามารถทำยอดขายได้ 40% และกำไรจากบริการต่างๆ ก็เพิ่มขึ้น 16.4% ด้วย
ด้วยเหตุผลที่กล่าวมาทั้งหมด เราจึงเชื่อว่าคงจะยังไม่ได้การชะลอตัวของแอปเปิลในเร็วๆ นี้ เพราะขนาดว่าไวรัสโควิด-19 ทำให้ผู้คนไม่สามารถออกไปทำกิจกรรมนอกบ้านได้อย่างเต็มที่ แอปเปิลก็ยังทำผลิตภัณฑ์ออกมารองรับการใช้ชีวิตอยู่บ้านด้วยบริการ “Apple One” ที่รวมบริการทุกอย่างของแอปเปิลเช่น Apple Music, Apple TV และที่เก็บข้อมูล iCloud เข้ามารวมไว้ในที่เดียว
โดยสรุปแล้ว
หุ้นแอปเปิลยังคงเป็นตัวเลือกที่น่าดึงดูดแม้ว่าตลอดทั้งปี 2020 จะขึ้นมาแล้ว 60% เพราะถึงแม้มือถือไอโฟนจะไม่ได้มีการพัฒนาอย่างก้าวกระโดดมากนัก แต่ด้วยบริการและระบบนิเวศน์ที่อยู่รอบๆ ตัวไอโฟนช่วยให้มือถือสมาร์ทโฟนดังกล่าวโดดเด่นและเป็นบริษัทเดียวที่กล้าพูดได้ว่าสามารถมอบประสบการณ์การใช้งานอย่างไร้รอยต่อได้อย่างแท้จริง
ต่อให้ไตรมาสนี้ไอโฟน 12 จะไม่สามารถทำยอดขายได้อย่างถล่มทลาย แอปเปิลก็ยังสามารถเดินหน้าต่อไปได้ด้วยการพัฒนาบริการของพวกเขา ดังนั้นหากการรายงานผลประกอบการรอบนี้ออกมาต่ำกว่าที่คาดการณ์หรือน่าผิดหวัง ให้พิจารณาว่าเป็นโอกาสดีในการเข้าซื้อหุ้นแอปเปิลได้เลย