- บริษัทไมโครซอฟต์จะรายงานผลประกอบการแบบปีบัญชีไตรมาสที่ 1 ปี 2021 ในวันอังคารที่ 27 ตุลาคม หลังตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ ปิด
- คาดการณ์ตัวเลขผลประกอบการ: $35,760 ล้านเหรียญสหรัฐ
- คาดการณ์ตัวเลขการปันผลกำไรต่อหุ้น: $1.54
แทบจะหาที่ติหรือข้อผิดพลาดไม่ได้เลยกับบริษัทไมโครซอฟต์ (NASDAQ:MSFT) ผู้สร้างระบบปฏิบัติการชื่อดังอย่าง “วินโดว์ (Windows)” การไหวตัวทันและหันมาต่อยอดผลิตภัณฑ์เดิมของบริษัทบนเทคโนโลยีคลาวด์ช่างเข้ากันได้ดีกับช่วงเวลาการเปลี่ยนพฤติกรรมผู้บริโภคจากการเข้าไปทำงานในเมืองเปลี่ยนมาเป็นการทำงานอยู่ที่บ้านแทนเนื่องจากภัยโรคระบาดโควิด-19 ซึ่งส่งผลให้ความต้องการผลิตภัณฑ์ซอฟต์แวร์บนระบบคลาวด์มีเพิ่มมากยิ่งขึ้น
เมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม ไมโครซอฟต์ได้แสดงตัวเลขผลกำไรจากผลิตภัณฑ์ตัวหนึ่งที่มีชื่อว่า “อาชัวร์ (Azure)” ซึ่งเป็นคลาวด์แพลตฟอร์มที่เปิดกว้างให้กับการสร้าง ติดตั้ง จัดการฐานข้อมูลขององค์กรโดยมีอัตราการเติบโตกระโดดขึ้น 59% ในไตรมาสก่อนหน้า สาเหตุหลักของการเติบโตอย่างก้าวกระโดดครั้งนี้มาจากการสมัครเป็นสมาชิกของผู้ต้องการใช้บริการคลาวด์ของไมโครซอฟต์
ความต้องการของผู้บริโภคที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญนี้ทำให้หุ้นไมโครซอฟต์ตลอดทั้งปี 2020 จนถึงปัจจุบันมีราคาเพิ่มขึ้น 35% ทำผลงานได้ดีกว่ากราฟ NASDAQ ที่ตลอดทั้งปีปรับตัวขึ้น 28% และทำให้บริษัทไมโครตซอฟต์มีมูลค่าตลาดเพิ่มขึ้นเป็น $1,500,000 ล้านเหรียญสหรัฐเมื่อเดือนกันยายน ถือเป็นหนึ่งในบริษัทที่มีมูลค่ามากที่สุดในโลก
นักวิเคราะห์คาดว่าการเติบโตโดยรวมของยอดขายที่กำลังจะประกาศในช่วงเช้าของวันพรุ่งนี้ตามเวลาประเทศไทยจะเพิ่มขึ้น 8% ต่ำกว่าที่เคยคาดการณ์เอาไว้ 13% ในไตรมาสก่อนหน้านี้เนื่องจากมีเหตุผลที่ทำให้เชื่อว่าความต้องการของผู้บริโภคจะลดลงหลังจากได้รับแรงหนุนในช่วงการแพร่ระบาดมานาน
ตัวเลือกที่ดีในการลงทุนระยะยาว
แม้จะมีความเป็นไปได้ที่ความต้องการของผู้บริโภคจะชะลอตัวลง แต่หากพูดถึงกลุ่มเทคโนโลยีแล้ว บริษัทไมโครซอฟต์ก็ยังถือเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่น่าลงทุนระยะยาว เหตุผลที่เราเชียร์หุ้นของบริษัทไมโครตซอฟต์นั้นง่ายมาก เพราะบริษัทกล้าที่จะปล่อยรูปแบบการทำกำไรกับสิ่งที่มีอยู่เดิมในอดีต แต่หันมาต่อยอดผลิตภัณฑ์เหล่านั้นให้ดีกว่าเดิมบนเทคโนโลยีสมัยใหม่
หลังจากการผ่าตัดองค์กรครั้งใหญ่เมื่อห้าปีก่อนโดย CEO คนปัจจุบันนายสัตยา นาเดลลา ตอนนี้ไมโครซอฟต์สามารถกลับมาเป็นผู้เล่นในตลาดที่น่ากลัวและเติบโตได้เร็วมากในยุคของการทำธุรกิจด้วยเทคโนโลยีคลาวด์ หากนับเฉพาะเรื่องของเทคโนโลยีคลาวด์ตอนนี้ไมโครซอฟต์เป็นรองแต่เพียงบริษัทแอมาซอน (NASDAQ:AMZN) เท่านั้น
นักวิเคราะห์จากธนาคารสำหรับการลงทุนชื่อดังมอร์แกน สแตนลีย์พึ่งจะปรับระดับเป้าหมายของหุ้นไมโครซอฟต์ขึ้นจาก $230 เป็น $245 ยิ่งเมื่อได้พิจารณาร่วมกันกับการเติบโตของตัวเลขผลประกอบการในช่วงโควิด-19 ยิ่งทำให้หุ้นของไมโครซอฟต์มีความน่าดึงดูดและมีความมั่นคงสำหรับการถือครองเป็นอย่างมาก
ยิ่งไปกว่านั้น บริษัทไมโครซอฟ์ตยังมีประวันการปันผลที่ยอดเยี่ยมมาโดยตลอด นับตั้งแต่การปันผลครั้งแรกในปี 2004 การปันผลของไมโครซอฟต์ก็เพิ่มขึ้นมากกว่าเดิมถึง 4 เท่า มีการปันผลปีละ 1% และมีการปันผลรายไตรมาสอยู่ที่ $0.56
โดยสรุปแล้ว
แม้ว่าหุ้นไมโครซอฟต์จะปรับตัวลดลงมาจากจุดสูงสุดตลอดกาล 7% และอาจมีโอกาสลงต่อในการรายงานผลประกอบการที่กำลังจะมาถึงนี้ แต่จากการที่บริษัทยังคงมุ่งหน้าพัฒนาผลิตภัณฑ์เข้าไปยังพื้นที่ธุรกิจใหม่ๆ และการต่อยอดผลิตภัณฑ์เดิมที่มีอยู่แล้วอย่างระบบปฏิบัติการวินโดว์และซอฟต์แวร์ชื่อดัง “ออฟฟิศ 365” ทำให้หุ้นไมโครซอฟต์ยังเป็นตัวเลือกที่ดีในการลงทุนระยะยาว
จุดแข็งที่ได้กล่าวไปนั้นจะช่วยให้บริษัทสามารถรักษาความน่าเชื่อถือ มาตรฐานในการทำกำไรและสภาพคล่องของบริษัทเอาไว้ได้อย่างแน่นอน