3 หุ้นเด่นประจำสัปดาห์: JPMorgan, Johnson & Johnson, UnitedHealth
เมื่อเราได้ก้าวเข้าสู่ไตรมาสที่สี่อย่างเป็นทางการแล้ว นอกจากความสนใจที่มีต่อมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบที่สองและการเลือกตั้งประธานาธิบดี สิ่งที่นักลงทุนจะให้ความสำคัญอีกอย่างหนึ่งคือการรายงานตัวเลขผลประกอบการในไตรมาสที่สามของบริษัทสหรัฐฯ ซึ่งจะเริ่มทยอยประกาศตัวเลขออกมาในสัปดาห์นี้ หากการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจสามารถช่วยอุ้มยอดขายของบริษัทได้จริง รายงานผลประกอบการไตรมาสนี้จะช่วยหนุนให้ราคาหุ้นได้ปรับตัวสูงขึ้นมากกว่าตัวเลขในไตรมาสที่สอง
จากข้อมูลของเครดิต สวิส กรุ๊ป เอจีระบุว่าหุ้นวัฐจักรเช่นธนาคารและบริษัทกลุ่มพลังงานจะไม่สามารถสร้างตัวเลขผลประกอบการที่เคยอยู่ในจุดเดิมปี 2019 ได้จนกว่าจะถึงปี 2022 แต่หากตัวเลขของบริษัทเหล่านี้มีการเติบโตที่ดีขึ้น นักลงทุนจะใช้ตัวเลขเหล่านี้เป็นสัญญาณยืนยันว่าเศรษฐกิจได้ผ่านจุดที่แย่ที่สุดมาแล้วจริงๆ สามบริษัทที่เรายกมารายงานในวันนี้คือบริษัทยักษ์ใหญ่ที่อยู่ในสามกลุ่มธุรกิจที่ต่างกันและถือเป็นการเริ่มประกาศรายงานตัวเลขผลประกอบการไตรมาสที่สามปี 2020 อย่างเป็นทางการ
1. JPMorgan & Chase
ธนาคารสำหรับการลงทุนชื่อดังเจพีมอร์แกน เชส (NYSE:JPM) ได้รายงานผลประกอบการไปแล้วเมื่อวันที่ 13 ตุลาคมก่อนตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ เปิดซึ่งตรงกับช่วงเวลาหัวค่ำตามเวลาประเทศไทย ก่อนหน้าที่จะมีการประกาศ นักวิเคราะห์ได้ประเมินตัวเลขการปันผลกำไรต่อหุ้นเอาไว้ที่ $2.05 ต่อหุ้นในขณะที่ตัวเลขผลกำไรถูกประเมินเอาไว้ที่ $27,720 ล้านเหรียญสหรัฐซึ่งตัวเลขผลกำไรจริงที่ออกมามีตัวเลขอยู่ที่ $29,940 ล้านเหรียญสหรัฐ มากกว่าที่คาดการณ์ประมาณ $1,500 ล้านเหรียญสหรัฐและตัวเลขการปันผลกำไรต่อหุ้นออกมาอยู่ที่ $2.92
แทบไม่มีธุรกิจธนาคารไหนเลยที่ไม่ได้รับบาดเจ็บจากวิกฤตโควิด-19 เมื่อธนาคารกลางสหรัฐฯ ตัดสินใจลดอัตราดอกเบี้ยลงไปใกล้กับ 0% เพื่อต้องการกระตุ้นเศรษฐกิจและเรียกความเชื่อมั่นให้ผู้บริโภคออกมาจับจ่ายใช้สอยเพิ่มขึ้น แต่สิ่งที่เกิดขึ้นคือผู้บริโภคกลับไม่กล้าใช้จ่ายซึ่งการบริโภคภายในประเทศถือเป็นแรงขับเคลื่อนหลักทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ
จากสถานการณ์ดังกล่าวทำให้ธนาคารเจพีมอร์แกนขาดทุนไปมากถึง $10,470 ล้านเหรียญสหรัฐในไตรมาสที่สองซึ่งถือเป็นตัวที่มากกว่าคาดการณ์และยังถือเป็นตัวเลขขาดทุนที่ทำลายสถิติ $8,600 ล้านเหรียญสหรัฐตั้งแต่ปี 2009 ได้อีกด้วย ดังนั้นสิ่งที่นักลงทุนต้องการดูจริงๆ ในรายงานผลประกอบการเมื่อวานนี้คือตัวเลขการขาดทุนจากการกู้ยืมของเจพีมอร์แกนนั้นฟื้นตัวกลับขึ้นมาจากจุดต่ำสุดแล้วหรือไม่ ล่าสุดหุ้นของเจพีมอร์แกนปรับตัวลดลง 27% ตลอดทั้งปีและมีราคาปิดล่าสุดอยู่ที่ $100.78
2. Johnson & Johnson
บริษัทผู้้คร่ำหวอดในอุตสาหกรรมยา เครื่องมือแพทย์ และสินค้าอุปโภคบริโภคมาตั้งแต่ปี 1886 จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน (NYSE:JNJ) หรือที่เรียกกันสั้นๆ ว่า “เจแอนด์เจ” ได้รายงานผลประกอบการในเวลาเดียวกันเจพีมอร์แกนไปแล้วในช่วงค่ำของเมื่อวานนี้ ก่อนหน้าที่จะมาเจอกับไวรัสโควิด-19 เจแอนด์เจตกอยู่ภายใต้แรงกดดันจากข่าวส่วนผสมในแป้งเด็กที่ไม่ถูกต้องตามหลักอนามัยซึ่งส่งผลกระทบต่อการเติบโตของหุ้นบริษัทในอนาคตและรายงานผลประกอบการ
แต่การเข้ามาของไวรัสโควิด-19 กลับช่วยทำให้ภาพรวมของหุ้นบริษัทในกลุ่มผลิตภัณฑ์ดูแลสุขภาพดีขึ้นเนื่องจากนักลงทุนมองว่าหุ้นกลุ่มนี้ถือเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย หุ้นเจแอนด์เจฟื้นตัวขึ้นมาได้จากจุดต่ำสุดในเดือนมีนาคมจนมีราคาปัจจุบันอยู่ที่ $148.36 ได้อย่างรวดเร็ว มีตัวเลขการปันผลรายไตรมาสอยู่ที่ $1.01 ต่อหุ้น
ก่อนหน้าที่จะมีการรายงานผลประกอบการ นักวิเคราะห์คาดว่าตัวเลขการปันผลกำไรต่อหุ้นของเจแอนด์เจจะมีตัวเลขออกมาอยู่ที่ $1.96 ต่อหุ้นส่วนตัวเลขยอดขายถูกประเมินเอาไว้ที่ $2,070 ล้านเหรียญสหรัฐซึ่งตัวเลขจริงที่ออกมาปรากฏว่าตัวเลขยอดขายในไตรมาสนี้สามารถเอาชนะตัวเลขคาดการณ์ไปได้ที่ $2,108 ล้านเหรียญสหรัฐในขณะที่ตัวเลขการปันผลต่อหุ้นมีตัวเลขเพิ่มขึ้นอยู่ที่ $2.02 เจแอนด์เจถือเป็นอีกหนึ่งบริษัทที่ได้รับความสนใจเกี่ยวกับเรื่องการผลิตวัคซีนต้านโควิด-19 ด้วยเช่นกัน เมื่อเดือนที่แล้วเจแอนด์เจพึ่งได้ลองให้อาสาสมัคร 60,000 คนทดลองยาวัคซีนที่บริษัทเป็นผู้คิดค้นขึ้นมา
ล่าสุดทางบริษัทได้ประกาศหยุดการพัฒนาวัคซีน Covid-19 เฟส 3 เนื่องจากมีอาสาสมัครบางรายที่พบว่ามี ‘อาการป่วยที่อธิบายไม่ได้’ โดยทางจอห์นสันแอนด์จอนห์นสันประกาศว่า จะติดตามและประเมินอาการของผู้ป่วยให้ชัดเจน ก่อนที่จะแจ้งข้อมูลเพิ่มเติมให้ทราบ
3. UnitedHealth Group
บริษัทประกันสุขภาพรายใหญ่ที่สุดในสหรัฐอเมริกายูไนเต็ดเฮลท์ กรุ๊ป (NYSE:UNH) จะรายงานผลประกอบการไตรมาสที่สามปี 2020 ในวันนี้ก่อนตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ เปิดทำการ หลังจากที่ต้องทนทุกข์อยู่ในแดนลบมาตลอดปี 2019 ในที่สุดปิดนี้หุ้นของยูไนเต็ดเฮลท์ก็สามารถกลับมาเฉิดฉายได้อีกครั้งเพราะโควิด-19 ทำให้ผู้คนไม่กล้าออกมาจากบ้านและเลื่อนการผ่าตัดที่ไม่จำเป็นเช่นศัลยกรรมความงามออกไปก่อน
นักวิเคราะห์คาดว่าตัวเลขการปันผลกำไรต่อหุ้นของยูไนเต็ตเฮลท์รอบนี้อาจเพิ่มขึ้นเป็น $3.09 และมีตัวเลขกำไรรวมทั้งไตรมาสอยู่ที่ $6,377 ล้านเหรียญสหรัฐ หากตัวเลขกำไรที่ออกมามากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์จะยิ่งเป็นแรงหนุนให้หุ้นของบริษัททะยานขึ้นไปสร้างจุดสูงสุดตลอดกาลใหม่ที่สูงขึ้นมากกว่าเดิมอีก ตลอดทั้งปี 2020 หุ้นของยูไนเต็ดเฮลท์สามารถทำจุดสูงสุดใหม่ที่สูงขึ้นได้อยู่เรื่อยๆ นับตั้งแต่การฟื้นขึ้นมาจากจุดต่ำสุดเดือนมีนาคม ล่าสุดหุ้นของยูไนเต็ดเฮลท์มีราคาล่าสุดอยู่ที่ $331.42 ปรับตัวขึ้น 1.68% จนสามารถขึ้นไปสร้างจุดสูงสุดในรอบ 52 สัปดาห์ล่าสุดได้เป็นที่เรียบร้อย