ดูเหมือนว่านักลงทุนในตลาดจะกลับมาเชื่อมั่นในบริษัทผู้ค้าปลีกที่ใหญ่ที่สุดในโลกอย่างแอมาซอนอีกครั้งเพราะในขณะที่กำลังเขียนบทความนี้อยู่หุ้่นแอมาซอน (NASDAQ:AMZN) ปรับตัวขึ้น 4.75% ตั้งแต่วันจันทร์และมีราคาปิดล่าสุดอยู่ที่ $3443.63
สาเหตุที่หุ้นแอมาซอนทะยานสูงขึ้นได้ขนาดนี้ เราเชื่อว่ามาจากงานอีเวนต์ประจำปีของบริษัท “พราม เดย์ (Prime Day)” ซึ่งเป็นมหกรรมลดราคาสินค้าที่อยู่แพลตฟอร์มของแอมาซอนที่ใหญ่ที่สุด งานนี้ถูกจัดขึ้นเป็นระยะเวลาสองวันโดยเริ่มต้นตั้งแต่วันที่ 13 ตุลาคมไปจนถึงวันที่ 14 ตุลาคม (วันนี้) โดยปกติแล้วงานพราม เดย์จะถูกจัดขึ้นในเดือนกรกฎาคมแต่เพราะปีนี้มีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 งานจึงถูกเลื่อนออกมาเป็นเดือนตุลาคม ถึงกระนั้นนักวิเคราะห์ก็ยังมองว่าผู้บริโภคมีกำลังทรัพย์มากพอที่จะทำให้ยอดขายภายในงานสามารถขึ้นไปแตะหลัก $10,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ได้
จากความคาดหวังดังกล่าวจึงไม่แปลกใจเลยที่ได้เห็นหุ้นแอมาซอนปรับตัวขึ้นสูงขนาดนี้ทั้งๆ ที่ไม่กี่สัปดาห์ก่อนพึ่งมีข่าวเกี่ยวกับการเรียก CEO ของสี่บริษัทยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีซึ่งรวมถึงแอมาซอนเข้าไปเจรจาเกี่ยวกับการผูกขาดทางการค้า จากการวิเคราะห์ทางเทคนิคเราพบว่าพฤติกรรมการวิ่งของราคาก็ส่งสัญญาณแล้วเช่นกันว่าการเกิดจุดสูงสุดตลอดกาลใหม่อาจกำลังจะเกิดขึ้นในไม่ช้า
ในช่วงที่หุ้นแอมาซอนถูกกดันด้วยข่าวการผูกขาดทางการค้า กราฟวิ่งในรูปแบบกรอบรูปธงลู่ลงเนื่องจากนักลงทุนที่วางคำสั่งซื้อขึ้นมาจากจุดต่ำสุดวันที่ 21 กันยายนขึ้นมายังจุดสูงสุดวันที่ 1 ตุลาคม (คิดเป็นขาขึ้น 12%) ตัดสินใจออกเพื่อทำกำไรในบริเวณราคาดังกล่าว ในตอนแรกเราวิเคราะห์ว่ากราฟกำลังสร้างไหล่ขวาของรูปแบบหัวไหล่ (H&S) ที่บริเวณกรอบรูปธง แต่หลังจากที่กราฟทะลุกรอบธงขึ้นไปจนเกิดเป็นช่องว่างระหว่างราคาขาขึ้น ที่สำคัญยังสามารถยืนเหนือจุดสูงสุดวันที่ 13 กรกฎาคมซึ่งเป็นบริเวณไหล่ซ้ายได้จึงทำให้เรามั่นใจว่าการสร้างรูปแบบหัวไหล่ถูกทำลายลงแล้ว
อย่างไรก็ตาม ตราบใดที่ราคายังไม่สามารถขึ้นยืนเหนือจุดสูงสุดตลอดกาลได้ก็ยังมีโอกาสที่หุ้นแอมาซอนจะกลายเป็นการทำ double-top และวงกลับลงมาเนื่องจากงานพราม เดย์ถือเป็นเพียงขาขึ้นชั่วคราวเท่านั้น ตอนนี้แอมาซอนยังมีเรื่องกฏหมายต่อต้านการผูดขาดทางการค้าเป็นประเด็นที่พร้อมทำให้หุ้นพร้อมเปลี่ยนทิศได้ตลอดเวลา
กลยุทธ์การเทรด
เทรดเดอร์ที่ไม่ชอบความเสี่ยง จะรอให้ราคาสร้างจุดสูงสุดใหม่ให้ได้ก่อน จากนั้นรอราคาสะสมแรงแล้วจึงวางคำสั่งซื้อตามขึ้นไป
เทรดเดอร์ที่รับความเสี่ยงได้ปานกลาง จะรอให้ราคาขึ้นทะลุจุดสูงสุดเดิมเช่นเดียวกัน แต่จะวางคำสั่งซื้อตั้งแต่ช่วงสะสมแรงเลย
เทรดเดอร์ที่รับความเสี่ยงได้สูง จะสวนวางคำสั่งขายเมื่อราคาวิ่งกลับลงมาทดสอบแนวต้านที่พึ่งกลายเป็นแนวรับจากจุดสูงสุดของราคา แม้จะเป็นการทำกำไรระยะสั้นแต่นักลงทุนกลุ่มนี้สามารถยอมรับความเสี่ยงได้
ตัวอย่างการเทรด
- จุดเข้า: $3,500 (ตัวเลขจิตวิทยาที่อยู่เหนือจุดสูงสุดของวันจันทร์)
- Stop-Loss: $3,550 (ตัวเลขจิตวิทยาที่อยู่เหนือจุดสูงสุดของวันที่ 2 กันยายน)
- ความเสี่ยง: $50
- เป้าหมายในการทำกำไร:$3,300 (ระดับราคาที่อยู่ระหว่าง gap)
- ผลตอบแทน: $200
- อัตราความเสี่ยงต่อผลตอบแทน: 1:4