คณะกรรมาธิการตุลาการสภาผู้แทนราษฎรของสหรัฐฯ กำลังเตรียมการที่จะออกรายงานเรียก 4 ยักษ์ใหญ่แห่งวงการเทคโนโลยีสหรัฐฯ ไม่ว่าจะเป็นแอมาซอน (NASDAQ:AMZN) แอปเปิล (NASDAQ:AAPL) เฟซบุ๊ก (NASDAQ:FB) และกูเกิล (NASDAQ:GOOGL) เข้ามาชี้แจงข้อกล่าวหาเกี่ยวกับพฤติกรรมจำกัดการแข่งขันทางการค้าในสัปดาห์นี้ ที่น่าสนใจก็คือความสามารถในการหาข้อกล่าวหาในครั้งนี้จะนำไปสู่การปฏิรูปกฏหมายจำกัดการแข่งขันทางการค้าและบั่นทอนอำนาจของสี่ยักษ์ใหญ่ที่ทำหน้าที่เป็นเหมือนผู้กุมเศรษฐกิจโลกได้หรือไม่
แน่นอนว่าหากมีการเปลี่ยนแปลงกฎหมายหรือข้อบังคับใดๆ ภายในกฏหมายฉบับนี้ย่อมส่งผลกระทบต่อกำไรของบริษัททั้งสี่ หนึ่งในบริษัทที่คาดว่าจะเป็นเป้าหมายถูกซักถามก่อนใครคือบริษัทค้าปลีกออนไลน์ยักษ์ที่สามารถทำกำไรได้อย่างเป็นกอบเป็นกำในช่วงวิกฤตโควิด-19 “แอมาซอน” บริการของแอมาซอนถือเป็นที่ถูกอกถูกใจของผู้บริโภคที่จำเป็นต้องเปลี่ยนมาซื้อของออนไลน์เป็นอย่างมากและนั่นคือสาเหตุว่าทำไมหุ้นแอมาซอนจึงทะยานสูงขึ้นจนสามารถขึ้นไปสร้างจุดสูงสุดตลอดกาลที่ $3,531.45 ในวันที่ 2 กันยายน
แต่การที่หุ้นแอมาซอนปรับตัวลดลงมาจากจุดสูงสุดดังกล่าวจนถึงปัจจุบัน 12% อาจทำให้นักลงทุนเริ่มรู้สึกสงสัยจริงๆ แล้วว่านี่คือการย่อของราคาหรือเป็นการเปลี่ยนแนวโน้มแล้วจริงๆ หรือว่านักลงทุนกำลังกลัวการไต่สวนจากคณะกรรมธิการครั้งนี้จริงๆ จึงตัดสินใจเทหุ้นแอมาซอนก่อน?
หุ้นแอมาซอนไม่สามารถสร้างจุดสูงสุดใหม่ที่สูงขึ้นกว่าของเดือนกันยายนได้ซึ่งหมายความว่ามีแรงขายอยู่ในตลาดมากกว่าแรงซื้อจนสามารถกดดันให้ราคาลงไปต่ำกว่าจุดสูงสุดระหว่างเดือนกรกฎาคม-สิงหาคมได้ สุดท้ายราคาก็สามารถลงมาถึงแนวรับของจุดต่ำสุดวันที่ 24 กรกฎาคม ที่บริเวณนั้นเองเป็นจุดที่นักลงทุนจำได้ว่าราคาหุ้นเคยลงมาถึงจุดนี้แล้วดีดกลับขึ้นไป ดังนั้นรอบนี้นักลงทุนจึงทำเหมือนเดิมด้วยการพาหุ้นแอมาซอนวิ่งกลับขึ้นไปอีกครั้ง
กลายเป็นว่าการพาราคากลับขึ้นไปครั้งนี้เป็นทำให้รูปแบบหัวไหล่ (Head & Shoulder) มีความสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น ที่สำคัญก่อนหน้านี้หุ้นแอมาซอนได้ตัดเส้นเทรนด์ไลน์ขาขึ้นลงมาด้วย ยิ่งเป็นการยืนยันน้ำหนักของขาลงให้ดูน่าเชื่อถือเพิ่มขึ้นไปอีก หากตอนนี้จะทำให้รูปแบบหัวไหล่เสร็จสมบูรณ์เหลือเพียงแค่รอให้ราคาตัดเส้น neckline ลงมาได้เท่านั้น
ถามว่าอะไรคือแรงผลักดันทางจิตวิทยาที่ก่อให้เกิดรูปแบบหัวไหล่? คำตอบก็คือผู้ถือหุ้นรายใหญ่สามารถไหวตัวทันในตอนที่หุ้นแอมาซอนสามารถขึ้นสู่จุดสูงสุด พวกเขารู้ดีว่าตอนนี้ตลาดโดยรวมวิ่งขึ้นมาไกลเกินไปแล้ว ดังนั้นการปิดคำสั่งซื้อขายเพื่อทำกำไรและรอเข้าซื้อในจังหวะที่ราคาปรับลดลงมาจึงเป็นอะไรที่คุ้มค่ากว่าและอีกสาเหตุหนึ่งก็เกิดจากข่าวการเรียกบริษัททั้งสี่ของคณะกรรมธิการที่ทำให้นักลงทุนรายย่อยถอดใจขออกไปดูท่าทีของการไต่สวนก่อน
จากการสังเกตของเราพบสิ่งที่น่าสนใจประการหนึ่ง การไต่สวนครั้งก่อนที่เกิดขึ้นในช่วงระหว่างเดือนมิถุนายนมาจนถึงเดือนสิงหาคม ตอนนั้นก็เป็นเวลาเดียวกันกับที่กราฟสร้างไหล่ทางด้านซ้าย ดังนั้นการไต่สวนที่กำลังจะเกิดขึ้นนี้อาจทำให้ไหล่ขวาเสร็จสมบูรณ์ได้ โปรดจับตาดูพฤติกรรมราคาให้ดีเพราะหากราคาวิ่งลงต่ำกว่า $2,800 ได้เมื่อไหร่ นอกจากจะเป็นการยืนยันรูปแบบหัวไหล่ที่ดสร็จสมบูรณ์ ยังจะเป็นการเปิดประตูสู่ขาลงระยะยาวไปยัง $2,300 อีกด้วย
กลยุทธ์การเทรด
เทรดเดอร์ที่ไม่ชอบความเสี่ยง จะวางคำสั่งขายต่อเมื่อหุ้นแอมาซอนสามารถทะลุเส้น neckline ลงมาได้ 3% ซึ่งตอนนี้อยู่ที่ $2,860 จากนั้นจะรอให้กราฟวิ่งกลับขึ้นมาทดสอบเส้น neckline ที่พึ่งกลายเป็นแนวต้าน จากนั้นรอแท่งเทียนขาลงออกมายืนยันอีกแท่งแล้วจึงจะวางคำสั่งขายตามลงไป โดยปกติแล้วรูปแบบหัวไหล่ถือเป็นรูปแบบที่เชื่อถือได้อย่างมากรูปแบบหนึ่ง หากหัวไหล่ถูกสร้างจนเสร็จสมบูรณ์จริง นักลงทุนฝั่งขายจะไม่รีรอที่จะตามสัญญาณขาลงนี้ไปทันที
เทรดเดอร์ที่รับความเสี่ยงได้ปานกลาง วางคำสั่งขายเหมือนกันกับนักลงทุนในกลุ่มแรก แต่จะรอการทะลุเส้น neckline เพียง 2% เท่านั้น
เทรดเดอร์ที่รับความเสี่ยงได้สูง วางคำสั่งขายเช่นเดียวกันแต่รอทะลุเส้น neckline เพียง 1% เท่านั้น นอกจากนี้นักลงทุนในกลุ่มนี้ยังสามารถเทรดในช่วงแคบๆ ระหว่างเส้น neckline และบริเวณไหล่ขวาได้
ตัวอย่างการเทรด (ขาลง)
- จุดเข้า: $3,200 (บริเวณใกล้ๆ กับแท่งเทียนรูปแบบดาวตก (Evening Star))
- Stop-Loss: $3,250
- ความเสี่ยง: $50
- เป้าหมายในการทำกำไร:$2,900 (เส้น neckline)
- ผลตอบแทน: $300
- อัตราความเสี่ยงต่อผลตอบแทน: 1:6