นับตั้งแต่มีข่าวเกี่ยวกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบที่สองออกมาอย่างมีความเป็นไปได้มากที่สุด นักลงทุนในตลาดหุ้นสหรัฐฯ ก็ตั้งความหวังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งมีข่าวเมื่อวันศุกร์ที่แล้วว่าพรรครีพลับลิกันซึ่งเป็นเสียงส่วนใหญ่ในสภาสูงอาจจะยอมให้ร่างกฏหมายกระตุ้นเศรษฐกิจมูลค่า $2,200,000 ล้านเหรียญสหรัฐของเดโมแครตผ่านยิ่งทำให้หุ้นในกลุ่มธนาคารสามารถฟื้นตัวกลับมาได้เร็วที่สุด หุ้นของธนาคารชื่อดังของอเมริกาอย่างแบงก์ ออฟ อเมริกา (NYSE:BAC) ตอนแรกร่วงลงไปแล้ว 2% แต่ก็สามารถวิ่งกลับขึ้นมาปิดบวกได้ 0.5% ภายในวันเดียวกัน
แม้ว่าข่าวดีเหล่านี้จะส่งผลให้นักลงทุนในตลาดรีบกลับเข้าสู่ตลาดหุ้นก่อนสุดสัปดาห์แต่เรากลับมองว่าหุ้นของแบงก์ ออฟ อเมริกาหรือ BofA จะไม่สามารถขึ้นไปได้ไกลมากกว่านี้แล้ว ที่สำคัญกว่านั้นเรากลับมองว่าหุ้นของ BofA กำลังจะร่วงลงมากกว่าตอนนี้ด้วยซ้ำ ต่อให้มีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบสองออกมาแล้วแต่สุดท้ายแพทย์ก็ไม่สามารถให้ยาโด๊ปแก่คนไข้ไปได้ตลอด สุดท้ายหมอก็ต้องปล่อยให้ร่างกายคนไข้ได้ฟื้นฟูด้วยตัวเอง ที่สำคัญหากมีการกระตุ้นฯ ขึ้นมาแล้วจริงๆ หุ้นกลุ่มธนาคารนอกจากจะเป็นกลุ่มแรกที่ดีดขึ้นก่อนก็ยังเป็นกลุ่มแรกที่มีโอกาสร่วงลงก่อนหุ้นกลุ่มอื่นด้วย นอกจากนี้อย่าลืมว่าตอนนี้ธนาคารกำลังอยู่ในช่วงลดอัตราดอกเบี้ยเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ดังนั้นธนาคารจึงอาจจะเป็นกลุ่มสุดท้ายที่กลับมาในยามเศรษฐกิจฟื้นตัว
ถ้าการอธิบายด้วยคำพูดอาจฟังดูแล้วยากเกินไปงั้นลองมาดูการวิเคราะห์ทางเทคนิคที่อาจจะบอกนักลงทุนได้ว่าหุ้นของ BofA มีแนวโน้มว่าจะวิ่งไปทางไหนกันแน่
การดีดขึ้นของหุ้น BofA เมื่อวันศุกร์ทำให้กราฟรอดพ้นจากการหลุดกรอบรูปธงซึ่งร่วงลงมาจากเส้นเทรนด์ไลน์ขาขึ้นระยะยาวก่อนจะมาฟอร์มตัวเป็นรูปแบบธงเล็กๆ นอกจากนี้การวิ่งขึ้นมาแต่ไม่ไปต่อยังเป็นการยืนยันความแข็งแกร่งของแนวต้านในรอบสองสัปดาห์อีกด้วย ที่น่าสังเกตกว่านั้นคือตำแหน่งที่เกิดรูปแบบธงเป็นตำแหน่งเดียวกันกับที่ราคาเคยทดสอบจุดต่ำสุดของเดือนกรกฎาคม เมื่อไหร่ก็ตามที่กราฟหลุดกรอบรูปธงลงมาและมีราคาปิดด้านล่างเพื่อจบรูปแบบธงโดยสมบูรณ์ กราฟ BofA จะสร้างเป็นรูปแบบ peak & trough ใหม่ เปิดโอกาสให้แนวโน้มขาลงและรูปแบบสามเหลี่ยมสมมาตรใหม่ซึ่งเป็นรูปแบบการปรับฐานที่มีนัยสำคัญมากกว่าเดิม
ตอนแรกเราวิเคราะห์กรอบราคาตั้งแต่จุดสูงสุดเดือนกุมภาพันธ์และสโลปของจุดสูงสุดบริเวณนั้นว่าสามารถพิจารณาให้เป็นรูปแบบหัวไหล่ (Head & Shoulder) ที่รอลงเพื่อไปต่อได้ แต่หลังจากที่เราได้พิจารณาเส้นค่าเฉลี่ย 200 DMA และพฤติกรรมการวิ่งของราคาแล้วเราเอนเอียงไปทางสามเหลี่ยมสมมาตรที่มีภาพใหญ่กว่า
อันที่จริงแล้วทั้งรูปแบบหัวไหล่หรือรูปแบบสามเหลี่ยมต่างเป็นพฤติกรรมราคาที่เชื่อถือได้ทั้งคู่ แต่การพิจารณาว่ากราฟควรวิ่งเป็นรูปแบบอะไรขึ้นอยู่กับว่านักลงทุนคนนั้นต้องการตั้งเป้าหมายของราคาเอาไว้ที่ใด รูปแบบหัวไหล่มักจะวัดระยะเป้าหมายของราคาจากจุดสูงสุดลงมาจนถึงบริเวณ neckline ในขณะที่รูปแบบสามเหลี่ยมจะวัดจากจุดสูงสุดของกรอบลงมายังจุดต่ำสุด
ที่เราเลือกรูปแบบสามเหลี่ยมมาตรมากกว่าเพราะในครั้งนี้จะเห็นว่ารูปแบบหัวไหล่เกิดขึ้นก็จริงแต่เป็นหัวไหล่แบบเอียงขึ้น หากอ้างอิงการวัดระยะห่างจากจุดสูงสุดลงมายัง neckline จะพบว่าระยะจากเป้าหมายปัจจุบันลงไปถึงบริเวณทำกำไรนั้นสั้นกว่ารูปแบบสามเหลี่ยมสมมาตร หากกราฟหุ้น BofA สามารถลงมาถึงจุดต่ำสุดของเดือนมีนาคมได้เมื่อไหร่ เท่ากับว่ามีระยะในการทำกำไรยาวถึง $12.35 เลยทีเดียว
นอกจากนี้อินดิเคเตอร์ RSI ตอนนี้ก็กำลังกลับขึ้นมาทดสอบแนวต้านจากเส้นเทรนด์ไลน์ซึ่งใกล้เคียงกันกับพฤติกรรมราคาปัจจุบันที่อยู่ในกรอบธงลู่ขึ้นและกำลังทดสอบแนวต้านจากเส้น 200 DMA อยู่
ตัวอย่างการเทรด
เทรดเดอร์ที่ไม่ชอบความเสี่ยง จะรอจนกว่ากราฟจะหลุดกรอบธงลงมา สร้างเป็น trough ใหม่ที่ลงต่ำกว่า $22.40 จึงจะมั่นใจและวางคำสั่งขาย
เทรดเดอร์ที่รับความเสี่ยงได้ปานกลาง จะวางคำสั่งขายทันทีที่กราฟสามารถหลุดกรอบรูปธงลงมาได้
เทรดเดอร์ที่รับความเสี่ยงได้สูง จะวางคำสั่งขายทันทีตอนนี้โดยเชื่อว่าไม่ว่าอย่างไรกราฟก็สามารถหลุดกรอบออกมาได้ทางเดียวคือขาลง อย่างไรก็ตามนี่เป็นความมั่นใจส่วนบุคคลของนักลงทุน ในกรณีที่ราคาวิ่งกลับขึ้นไปและไม่ลงมาตามที่คาดการณ์ นักลงทุนกลุ่มนี้ต้องสามารถยอมรับความเสี่ยงได้
ตัวอย่างการเทรด
- จุดเข้า: $25
- Stop-Loss: $27
- ความเสี่ยง: $2
- เป้าหมายในการทำกำไร:$13 (เป้าหมายของการหลุดกรอบสามเหลี่ยมสมมาตร)
- ผลตอบแทน: $12
- อัตราความเสี่ยงต่อผลตอบแทน: 1:6