เดือนกันยายนปี 2020 ได้ผ่านไปอย่างสมบูรณ์แล้วด้วยความพ่ายแพ้ของฝั่งขาขึ้น เรียกว่าเป็นหนังคนละม้วนกับเดือนสิงหาคมเลยก็ว่าได้ที่ตอนนั้นดัชนี S&P 500 สามารถขึ้นไปสร้างจุดสูงสุดตลอดกาลใหม่ แต่พอมาเป็นเดือนกันยายนกลับติดลบ 4.7% ทำสถิติขาลงที่แย่ที่สุดในช่วงเวลาเดียวกันตั้งแต่ปี 2015 ซึ่งตอนนั้น S&P 500 ก็ปรับตัวลงมา 5.1% แต่หากจะพูดถึงขาลงทั้งหมดภายในเดือนกันยายนแล้วต้องบอกว่า S&P 500 เคยลงไปต่ำที่สุด 8.3% ตามหลังสถิติขาลงที่แย่ที่สุด 8.6% ในเดือนกันยายนปี 2011 เพียงนิดเดียว
ขาลงในดัชนี S&P 500 ที่เหมือนจะเกิดขึ้นจากความตาสว่างของนักลงทุนที่พึ่งจะมาคิดได้ว่าดัชนีขึ้นมามากเกินไปแล้วทำให้อดไม่ได้ที่จะถูกนำไปเปรียบเทียบกับยุคฟองสบู่ดอทคอม อย่างไรก็ตามกลุ่มหุ้นเทคโนโลยีที่มีส่วนสำคัญทำให้ดัชนี S&P 500 ร่วงลงก็สามารถรับผิดชอบต่อความอหังการของตัวเองด้วยการพาตลาดกลับขึ้นมาจากจุดต่ำสุดเหล่านั้น แต่ก็กลายเป็นว่าขาขึ้นตอนนี้ก็สลับกันขึ้นลงระหว่างความกล้าและความกลัว ลุ้นกันว่าจะมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบที่สองออกมาทันก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ หรือไม่
แม้ว่าล่าสุดจะมีข่าวดีจากนายสตีฟ มนูชิน รมต.กระทรวงการคลังที่เผยว่าอาจจะได้เห็นการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบที่สองจริงๆ ตอนนี้ตัวเลขที่เก็งกันเอาไว้อยู่ที่ $2,200,000 ล้านเหรียญสหรัฐแต่ดัชนี S&P 500 ที่สามารถวิ่งขึ้น 4 จาก 5 วันล่าสุดกลับไม่สามารถสร้างจุดสูงสุดใหม่ที่สูงขึ้นกว่าจุดสูงสุดเดิมได้ หรือนักลงทุนในตลาดจะถอดใจกับเรื่องนี้ไปแล้วจริงๆ เพราะหากวิเคราะห์กันทางเทคนิคตอนนี้แล้วกราฟกำลังบอกกับเราว่ามีโอกาสที่ดัชนีซึ่งเป็นที่รวมของบริษัทขนาดใหญ่ในสหรัฐฯ 500 บริษัทกำลังจะปรับตัวลงต่อ
จากแท่งเทียนเมื่อวันพุธจะเห็นว่าแท่งเทียนปิดวันด้วยการถอยร่นลงมาจากจุดสูงสุดของวัน หลังจากที่พยายามจะเจาะกรอบสามเหลี่ยมธงลู่ขึ้นที่เกิดจากขาลง 7% ตั้งแต่วันที่ 3-8 กันยายนกลับขึ้นไปแต่ไม่สำเร็จ แท่งเทียนเมื่อวันพุธคือความพยายามจะกลับเข้าสู่ขาขึ้นครั้งที่สามแต่ไม่สำเร็จ จบลงด้วยการวิ่งอยู่นอกกรอบสามเหลี่ยมเท่านั้น
นอกจากกรอบสามเหลี่ยมจะทำหน้าที่เป็นแนวต้านที่แข็งแกร่งแล้ว เส้นค่าเฉลี่ย 50 วันยังขอเข้ามามีส่วนร่วมทำหน้าที่เป็นอีกหนึ่งหน้าด่านทดสอบความแข็งแกร่งของขาขึ้น ที่เด่นชัดกว่านั้นอีกคือแท่งเทียนเมื่อวันพุธสร้างรูปแบบที่เรียกว่า “ดาวตก (Shooting Star)” ออกมาที่แนวต้านดังกล่าวเป็นสัญญาณยืนยันขาลงชัดเจน เมื่อนำปัจจัยทั้งหมดเหล่านี้มารวมกันยิ่งเพิ่มความเป็นไปได้ว่าขาขึ้นใน S&P 500 ตอนนี้กำลังหมดแรงส่งลงไปเรื่อยๆ การทะลุกรอบสามเหลี่ยมลงมาก็ทำให้ขาขึ้นเสียความมั่นใจไปครั้งหนึ่งแล้ว ตอนนี้ยังจะต้องมาเสียความมั่นใจซ้ำกับแท่งเทียนดาวตกอีก
สรุปก็คือการวิเคราะห์ทางเทคนิคได้ข้อสรุปออกมาค่อนข้างจะชัดเจนมากแล้วว่าตลาดเลือกจะไปทางไหน การวิ่งขึ้นเพื่อเจอแนวต้านหลักทั้งสองนั้นยากเกินกว่ากำลังของขาขึ้นจะมีในช่วงที่ตลาดหุ้นสหรัฐฯ นับวันที่เข้าใกล้การเลือกตั้งก็ยิ่งมีความเสี่ยงเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งถ้าข่าวความเป็นไปได้ว่าจะกระตุ้นเศรษฐกิจรอบนี้จบลงที่ความล้มเหลวอีกจะยิ่งเป็นการซ้ำเติมขาขึ้นมากกว่าเดิม
กลยุทธ์การเทรด
เทรดเดอร์ที่ไม่ชอบความเสี่ยง จะรอวางคำสั่งขายเมื่อกราฟสามารถสร้าง trough ได้อีกครั้ง สร้างเป็นรูปแบบ peak-trough ที่สมบูรณ์ขึ้นมาอีกคู่
เทรดเดอร์ที่รับความเสี่ยงได้ปานกลาง จะเสี่ยงวางคำสั่งขายเมื่อกราฟสามารถสร้างราคาปิดต่ำกว่าจุดต่ำสุดของสัปดาห์นี้ได้เพื่อยืนยันว่าขาขึ้นได้หมดแรงที่จะสู้ในไฟท์นี้ไปแล้วจริงๆ
เทรดเดอร์ที่รับความเสี่ยงได้สูง จะวางคำสั่งขายทันทีตอนนี้เพราะมีสัญญาณยืนยันเป็นขาขึนล้มเหลวที่พยายามจะกลับเข้าไปอยู่ในกรอบรูปธง
ตัวอย่างการเทรด (ขาลง)
- จุดเข้า: 3,365
- Stop-Loss: 3,400
- ความเสี่ยง: 35 จุด
- เป้าหมายในการทำกำไร:3,225
- ผลตอบแทน: 140
- อัตราความเสี่ยงต่อผลตอบแทน: 1:4