ก่อนวันสุดท้ายของเดือนกันยายนตลาดหุ้นนิวเยอร์กได้มีสองบริษัทเทคโนโลยีน้องใหม่เข้ามาสังกัดคือ พาแลนเทียร์ (NYSE:PLTR) และอาซานา (NYSE:ASAN) ทั้งสองบริษัทเข้ามาในตลาดหุ้นด้วยวิธีการเปิดระดมทุนสาธารณะหรือที่รู้จักกันในวงการว่า IPO
ถือเป็นสองบริษัทที่น่าจับตามองมากๆ ที่สามารถมีชื่ออยู่บนตลาดหุ้นนิวยอร์กได้ด้วยวิธี IPO เพราะการเปิดให้ใครก็ได้สามารถเข้ามาเป็นเจ้าของหุ้นบริษัทต้องรับความเสี่ยงในเวลาที่นักลงทุนต้องการถอนเงินออกเมื่อมองว่าบริษัทไม่สามารถทำกำไรให้กับพวกเขาได้ แต่หากมองอีกด้านหนึ่งการมีชื่ออยู่บน NYSE ผ่าน IPO เข้ามาก็แปลว่าทั้งสองบริษัทต้องมีความเก่งกาจอยู่พอตัวจนทำให้คนเชื่อว่าผลิตภัณฑ์ของบริษัทจะสามารถกลายเป็นบางสิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่านี้ได้่ในอนาคต ในบทความนี้เราจะมาไขความลับกันว่าทั้งพาแลนเทียร์และ อาซานามีดีอะไร
Palantir
พาแลนเทียร์เป็นบริษัทที่ทำกระบวนการกับข้อมูลจำนวนมากเพื่อค้นหารูปแบบและความสัมพันธ์ที่ซ่อนอยู่ในชุดข้อมูลนั้นๆ หรือเรียกสั้นๆ ว่าทำเหมืองข้อมูลให้กับองค์กรของรัฐบาลและบริษัทใหญ่ๆ บริษัทมีที่ตั้งอยู่ที่ เมืองเดนเวอร์ รัฐโคโรราโด รับทำทุกกระบวนการที่เกี่ยวกับข้อมูลตั้งแต่เก็บ วิเคราะห์ ไปจนถึงทำแผนที่ขนาดใหญ่ นอกจากนี้เทคโนโลยีของพาแลนเทียร์ยังสามารถดึงเอาฐานข้อมูลที่มีมาใช้กับการเปลี่ยนแปลงข้อมูลที่เกิดขึ้นในทุกๆ วันกลายเป็นข้อมูลที่ “ใกล้เคียงความจริงที่สุด” ที่ลูกค้าสามารถเลือกข้อมูลที่ต้องการมาประกอบการตัดสินใจให้แม่นยำที่สุดได้
ลูกค้าของพาแลนเทียร์มีหลายบริษัทซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีอยู่แล้วเช่น เมิรคก์ (Merck) บริษัทผู้ผลิตยาและยูไนเต็ต แอร์ไลน์ที่ใช้เทคโนโลยีของพาแลนเทียร์ในการวางเส้นทางการบิน ส่วนรัฐบาลสหรัฐฯ ก็ใช้เทคโนโลยีของพาแลนเทียร์ในการระบุตำแหน่งการวางระเบิดบนถนนในอัฟกานิสถาน ตรวจจับคนหนีภาษีและระบุคนที่มีโอกาสทำผิดกฎหมายสหรัฐฯ
ก่อนที่ถูกลิสต์ขึ้น NYSE พาแลนเทียร์เคยคาดการณ์ว่าภายในปีนี้บริษัทจะมียอดขายเติบโตขึ้น 42% นี่เป็นตัวเลขที่อ้างอิงมาจากกำไรที่เติบโตในปี 2019 25% จนทำให้บริษัทมีกำไรมากถึง $742.6 ล้านเหรียญสหรัฐ ในปี 2021 พาแลนเทียร์คาดว่ากำไรจะเติบโตมากกว่า 30%
อย่างไรก็ตามด้วยความใกล้ชิดกับรัฐบาลสหรัฐฯ และ CIA สื่อบางแห่งจึงตั้งข้อสงสัยกับโครงสร้างบริษัทนี้ว่าที่จริงแล้วเป็นบริษัทเอกชนทั่วไปหรือเป็นบริษัทที่มีรัฐบาลเป็นผู้สนับสนุนหลักกันแน่ บลูมเบิร์กรายงานเกี่ยวพาแลนเทียร์ว่า
“ปีเตอร์ ธีล ผู้ก่อตั้งพาเลนเทียร์ตั้งแต่เมื่อ 17 ปีก่อนมีอำนาจควบคุมบริษัทมากกว่ากลุ่มนักลงทุนหรือนักลงทุนรายย่อยคนอื่นๆ ดังนั้นความเป็นประชาธิปไตยภายในบริษัทจะมีน้อยกว่าภาพลักษณ์ที่เราเห็น”
อีกหนึ่งคำถามที่ผู้คนอยากรู้คือพาแลนเทียร์ได้รับเงินสนับสนุนจากรัฐบาลเท่าไหร่ เพราะจากรายงานผลประกอบการในปี 2019 พบว่ากำไร 53% หรือ $345.5 ล้านเหรียญสหรัฐเป็นกำไรที่ได้มาจากลูกค้าของรัฐบาลทั้งนั้น
พาแลนเทียร์เคยรายงานว่าลูกค้าที่เป็นหน่วยงานจากรัฐบาลได้แก่กระทรวงสุขภาพและบริการมนุษย์สหรัฐ กระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ องค์การอาหารและยา สถาบันสุขภาพแห่งชาติ ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค กระทรวงการทหารผ่านศึกสหรัฐ กองทัพบก เรือและอากาศ
Asana
อาซานาเป็นบริษัทที่ให้บริการเครื่องมือช่วยในการจัดการการทำงานของลูกค้าเพื่อติดตามการทำงานโปรเจคแบบเป็นทีม มีฐานที่ตั้งอยู่ในซาน ฟรานซิสโก ก่อตั้งในปี 2008 โดยนายดัสติน มอสโควิทส์ หนึ่งในผู้ก่อตั้งเฟซบุ๊ก (NASDAQ:FB) และจัสติน รอเซนสไตน์ อดีตผู้จัดการผลิตภัณฑ์ของกูเกิล (NASDAQ:GOOGL)
ในรายงานผลประกอบการที่บันทึกข้อมูลมาจนถึงวันที่ 31 มกราคมระบุว่าอาซานาเสียกำไรไป $118.6 ล้านเหรียญสหรัฐจากกำไรรวม $142.6 ล้านเหรียญสหรัฐ แต่เพราะกระแสการทำงานอยู่บ้านมากขึ้นในช่วงไวรัสโควิด-19 รวมแล้วกำไรแบบปีต่อปีที่รายงานมาจนถึงวันที่ 31 กรกฎาคมจึงเติบโตขึ้น 57% เมื่อเทียบในช่วงเวลาเดียวกันระหว่างปีนี้กับปี 2019 พบว่าปีนี้อาซานาสูญเงินไป $41.1 ล้านเหรียญเทียบกับปีที่แล้วที่ $15.6 ล้านเหรียญสหรัฐ
ดัสติน มอสโควิทส์ ผู้ร่วมก่อตั้งและ CEO กล่าวในการรายงานผลประกอบการเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า
“เราอยู่ในจุดที่จะกลายเป็นผู้นำในตลาดระยะยาวและยังมีโอกาสสร้างเงินมูลค่าหลายพันล้านเหรียญอีกด้วย สภาพแวดล้อมในตอนนี้ค่อนข้างเป็นใจให้กับเรา และผมเชื่อว่าทีมงานคุณภาพของเราทำงานตามที่วาดฝันไว้ได้อย่างชัดเจน เป็นขั้นเป็นตอนและมีคุณภาพ”
ในอนาคตอาซานาคาดการณ์ว่าจะสามารถทำกำไรได้ประมาณ $210 - $213 ล้านเหรียญ คิดเป็นการเติบโตทางผลกำไรแบบปีต่อปีอยู่ที่ 47%-49% ส่วนต้นทุนจากการดำเนินการแบบ non-GAAP คาดว่าจะมีค่าใช้จ่ายอยู่ที่ $136 - $140 ล้านเหรียญสหรัฐ
โดยสรุปแล้ว
ทั้งสองบริษัทต่างก็มีนักลงทุนมากมายที่คอยสนับสนุนทางการเงินและยังมีประวัติตัวเลขผลกำไรที่ผ่านมาอย่างชัดเจน ในขณะที่พาแลนเทียร์มีผู้สนับสนุนการเงินเป็นรัฐบาลและนักลงทุนรายใหญ่ อาซานาก็ได้ประโยชน์จากการเปลี่ยนพฤติกรรมของผู้คนไปทำงานอยู่บ้านเพื่อเลี่ยงวิกฤตโรคระบาด ดังนั้นจึงขึ้นอยู่กับสไตล์และความชอบส่วนตัวของนักลงทุนแล้วว่าจะเลือกลงทุนกับใคร