สำหรับนักลงทุนที่ตามราคาหุ้นของบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าชื่อดังอย่างเทสลา (NASDAQ:TSLA) มานานคงคุ้นชินกับวัฐจักรขึ้นเร็วลงแรงของหุ้นตัวนี้ดีอยู่แล้ว ดังนั้นขาลงในตอนนี้จึงไม่ใช่เรื่องที่น่าตกใจเท่าไหร่สำหรับตลาด ขาลงครั้งนี้ทำให้ขาขึ้นตลอดทั้งไตรมาสที่ขึ้นไปสร้างจุดสูงสุดเมื่อวันที่ 31 สิงหาคมหายไปเกือบหมด ถึงจะอยู่ในช่วงปรับฐานอย่างไร ความจริงที่ว่าตลอดทั้งปี 2020 หุ้นเทสลาได้ทะยานขึ้น 356% ก็ยังเป็นตัวเลขสถิติที่สูงที่สุดเมื่อเทียบกับบริษัทเทคโนโลยีที่มีมูลค่าตลาดสูงๆ ด้วยกันเอง
สาเหตุหลักที่ทำให้หุ้นเทสลามีลักษณะการวิ่งที่ขึ้นเร็วและลงแรงคือการปั่นกระแสเพื่อเรียกความน่าสนใจให้กับตัวหุ้น แต่พอถึงสถานการณ์จริงแล้วความจริงกลับไม่ได้ดีเท่าที่โฆษณาเอาไว้ ตัวอย่างล่าสุดที่แสดงให้เห็นถึงปัญหานี้คืองาน “แบตเตอรี่ เดย์” ที่แม้ตัวงานจะน่าตื่นเต้นแต่กลับไม่มีการประกาศถึงแบตเตอรี่ล้านไมล์ สร้างความผิดหวังให้กับนักลงทุนจนเกิดเป็นการเทขายหุ้นประมาณ 11% ในวันอังคารที่ 22 กันยายนที่ผ่านมา
ถึงกระนั้นนายอีลอน มัสก์ CEO ผู้เก่งกาจด้านการหาสปอตไลท์ทางสังคมให้กับตัวเองก็ยังประกาศออกมาว่าเขาเล็งที่จะผลิตรถยนต์พลังงานไฟฟ้าให้ได้ 20 ล้านคันต่อปีหรือคิดเป็นสองเท่าของจำนวนรถยนต์โฝล์คสแวกึนรุ่นเอจี (Volkswagen AG) (OTC:VWAGY) ที่ขายได้เมื่อปีที่แล้ว อย่างไรก็ตามเป้าหมายสุดอหังการนี้ออกมาโดยไม่ระบุเวลาและงบประมาณเป็นตัวเลขอย่างชัดเจนและอีลอน มัสก์ยังบอกอีกว่าเขาจะกดราคารถยนต์พลังงานไฟฟ้าในมีมูลค่าเพียงคันละ $25,000 และลดราคาต้นทุนของแบตเตอรี่ที่แพงอยู่นี้ลงให้ได้ครึ่งหนึ่งภายในอีกสามปีข้างหน้า
สำนักข่าว Wall Street Journal รายงานถึงคำพูดของอีลอน มัสก์ว่า
“การตั้งเป้าหมายให้สูงและดูเวอร์เข้าไว้คือสิ่งที่ทำให้มูลค่าของบริษัทเทสลาเพิ่มขึ้นอย่างน่าตกใจทั้งๆ ที่บริษัทขายรถได้เพียง 367,500 คันเท่านั้นในปี 2019 คุณอีลอน มัสก์นั้นมีเป้าหมายในชีวิตที่ยิ่งใหญ่มากมาย มากมายเสียจนตัวเขาเองก็ได้ลืมเป้าหมายบางอย่างที่เคยพูดเอาไว้ไปแล้วเช่น รถยนต์ที่บังคับด้วยหุ่นยนต์หรือเป้าหมายการผลิตผลิตภัณฑ์อื่นๆ ที่สื่อไม่สนใจ”
ขาขึ้นของหุ้นเทสลาหมดตัวเร่ง
ความน่าผิดหวังจากงานวัน “แบตเตอรี่ เดย์” มาในเวลาเดียวกันกับช่วงที่ตลาดลงทุนสหรัฐฯ กำลังอิ่มตัวกับขาขึ้นตลอดทั้งเดือนสิงหาคมที่ส่งให้ตลาดสำหรับหุ้นเทคโนโลยีอย่าง NASDAQ ทะยานขึ้นสร้างจุดสูงสุดใหม่ก่อนที่จะร่วงลงมาอย่างที่เห็นในปัจจุบัน
“โชคไม่ดีสำหรับงานแบตเตอรี่ เดย์เลยที่ดันมาสร้างความผิดหวังในช่วงเวลาเดียวกันกับตอนนี้ตลาดหุ้นพักตัวเสียนี่” สำนักข่าวบลูมเบิร์กยืมคำพูดของนายเบน คัลโล จากธนาคารเพื่อการลงทุนอิสระ Robert W. Baird ก่อนหน้าที่หุ้นเทสลาจะปรับตัวลดลงมา อีลอน มัสก์พึ่งฉลองข่าวดีเกี่ยวกับการเปิดโรงงานผลิตรถยนต์ใหญ่ที่ประเทศจีนและพึ่งยินดีกับตัวเลขผลประกอบการเป็นบวกสี่ไตรมาสติดต่อกันไปแม้ว่าจะยังไม่ได้ขึ้นไปอยู่บนดัชนี S&P 500
นักลงทุนบางคนมองว่าความสำเร็จเหล่านี้ถูกแปลงเป็นมูลค่าของหุ้นเทสลาไปเรียบร้อยแล้วและไม่ใช่ปัจจัยหนุนเชิงบวกใหม่ ธนาคารเพื่อการลงทุนชื่อดังเจพี มอร์แกนได้ปรับลดความน่าซื้อของหุ้นเทสลาลงพร้อมทั้งปรับเป้าหมายราคาหุ้นเทสลาลงมาอีก $65
นักวิเคราะห์จากเจพี มอร์แกนมีความเห็นต่อหุ้นเทสลาดังนี้
“ในภาพรวมแล้วมูลค่าของหุ้นเทสลาก็ยังอยู่สูงเกินกว่าปัจจัยพื้นฐานจริงที่บริษัทมี ถึงกระนั้นงานแบตเตอรี่ เดย์ยังสามารถเรียกความเชื่อมั่นให้กับคนที่เชื่อในปัจจัยพื้นฐานของบริษัทได้จากข้อมูลราคาและความสามารถของแบตเตอรี่ที่ว่ากันด้วยเรื่องของตัวเลขทางคณิตศาสตร์ล้วนๆ”
โดยสรุปแล้ว
การวิเคราะห์ในมุมที่ไม่ได้เห็นดีเห็นงามกับภาพฝันอันสวยหรูจากบริษัทเทสลาเหล่านี้ทำให้เราได้เห็นว่าการเดินทางของเทสลาไม่ดีมีแต่จะเป็นเส้นตรงที่สูงขึ้นเรื่อยๆ อย่างเดียว ตั้งแต่ปี 2018 เป็นต้นมามีสองครั้งใหญ่ๆ ที่เราได้เห็นหุ้นเทสลาถูกเทขายซึ่งแต่ละครั้งในตอนนั้นหุ้นเทสลาก็ลงมาประมาณ 50% ของขาขึ้นทุกครั้งที่ขึ้นไป ดังนั้นหากคุณเป็นคนที่เชื่อมั่นในเทสลาหรือเชื่อมั่นในนวัตกรรมก็ควรจะเตรียมตัวเตรียมใจรับมือกับขาลงของหุ้นเทสลาครั้งนี้เอาไว้ด้วย