- บริษัทได้รายงานผลประกอบการแบบปีบัญชีของไตรมาสที่ 1 ปี 2021 ในวันอังคารที่ 15 กันยายนหลังตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ ปิด
- รายงานตัวเลขผลประกอบการ: $19,300 ล้านเหรียญสหรัฐ
- รายงานตัวเลขการปันผลกำไรต่อหุ้น: $4.87
บริษัทผู้ให้บริการส่งสินค้าชื่อดังของโลก FedEx (NYSE:FDX) สามารถทำกำไรได้เป็นอย่างมากในช่วงวิกฤตโรคระบาดโควิด-19 การเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตมาทำงานและทำกิจกรรมอยู่ที่บ้านมากขึ้นทำให้ธุรกิจ e-commerce เติบโตเป็นอย่างก้าวกระโดดในช่วงล็อกดาวน์ซึ่งนั่นทำให้ยอดการสั่งของและกำไรของบริษัท FedEx เติบโตตามไปด้วย
นักลงทุนในตลาดใช้โอกาสนี้เข้าถือหุ้นของบริษัทส่งของและโลจิสติกส์ซึ่งส่งผลให้หุ้น FedEx ปรับตัวขึ้นมากกว่า 125% ภายช่วง 6 เดือนล่าสุด เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาหุ้นของ FedEx ได้ปรับตัวขึ้นอีก 3.5% มีราคาปิดล่าสุดอยู่ที่ $236.67
คำถามที่นักลงทุนซึ่งไม่สามารถเป็นเจ้าของหุ้น FedEx ได้ทันในจังหวะที่หุ้นปรับตัวลดลงมาต่างตั้งคำถามว่ายังมีโอกาสอยู่ไหมที่หุ้นของ FedEx จะวกกลับลงมารับพวกเขาอีกครั้ง? คำตอบที่เราสามารถให้ได้คือการตั้งคำถามกลับไปยังนักลงทุนเหล่านั้นว่า “พวกเขามองขาขึ้นของธุรกิจ E-commerce เป็นอย่างไร?” ในฐานะนักวิเคราะห์ตอนนี้เราเชื่อว่ามนุษยชาติได้เรียนรู้แล้วว่าการอยู่บ้านสั่งของผ่านโทรศัพท์มือถือของตนเองนั้นสะดวกสบายกว่าการต้องออกไปร้านค้าใกล้บ้านมากแค่ไหน ดังนั้นเราจึงเชื่อว่าการเติบโตของ e-commerce มีแต่จะเพิ่มขึ้นซึ่งความต้องการที่เพิ่มขึ้นนี้เองจะช่วยให้หุ้น FedEx สามารถมีอัตราเติบโตที่สูงกว่าในช่วง 2 ปีล่าสุดได้
หากจะบอกว่าโควิด-19 ไม่สร้างผลกระทบใดๆ เลยกับ FedEx เลยก็คงไม่ใช่ การขนส่งของ FedEx กับลูกค้าที่ทำสัญญากันไว้ต้องล่าช้าลงอย่างช่วยไม่ได้ในช่วงของการแพร่ระบาด โชคยังดีที่บริษัทยังสามารถชดเชยความสูญเสียนั้นได้จากการขนส่งไปยังบ้านของผู้บริโภครายย่อยแทน ตัวเลขผลกำไรจากการรายงานผลประกอบการในไตรมาสล่าสุดซึ่งสิ้นสุดลงในเดือนพฤษภาคมปรากฎว่าสามารถเอาชนะตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ไปได้ด้วยยอดขายที่เพิ่มขึ้น 20% ตัวเลขกำไรของปี 2020 ระบุว่าการส่งของให้กับผู้บริโภครายย่อยเพิ่มขึ้นเป็น 72% จาก 56% ซึ่งเป็นตัวเลขของปี 2019 ในช่วงเวลาเดียวกัน
ก่อนที่การระบาดจะเกิดขึ้น FedEx เคยประสบปัญหาสูญเสียความเชื่อมั่นจากนักลงทุนเพราะการควบรวมกับธุรกิจส่งของในพื้นที่ยุโรปอย่างบริษัท TNT ในปี 2015 ทำให้บริษัทมีค่าใช้จ่ายที่สูงเกินความจำเป็นและทำให้ผู้ถือหุ้นไม่ได้กำไรมากเท่าที่ควร
การเติบโตของบริษัทจากพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงถาวร
การควบรวมกิจการเข้ากับบริษัท TNT และความเร็วในการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของยุโรปคือปัจจัยหลักที่ทำให้นักลงทุนตั้งตำถามกับ FedEx ว่านี่เป็นดีลที่คุ้มค่าแล้วหรือไม่ แต่เพราะการเข้ามาของโควิดทำให้จุดโฟกัสของนักลงทุนเปลี่ยนไป เมื่อบริษัทมีกำไรมากขึ้นการตั้งคำถามจึงลดลงและเปิดโอกาสให้กับ FedEx สร้างข่าวดีใหม่ๆ ขึ้นมาทดแทน
หัวหน้าฝ่ายการตลาดของ FedEx นาง Brie Carere ให้สัมภาษาณ์กับนักวิเคราะห์ท่านหนึ่งในเดือนมิถุนายนว่า “ฉันหวังว่าจะได้เห็นลูกค้าใช้บริการของเราเพิ่มขึ้นในช่วงหน้าหนาวและช่วงเทศกาลในเดือนพฤศจิกายนและธันวาคม ที่สำคัญเราหวังให้เทรนด์การสั่งซื้อของออนไลน์นั้นอยู่กับตลาดซื้อขายไปตลอดกาล”
ถึงจะได้เปรียบในช่วงโควิด-19 บริษัท FedEx ก็ไม่ได้ชะล่าใจและตัดสินใจลดต้นทุนบางส่วนลงอย่างเช่นปรับลดตำแหน่งในบางหน้าที่ ลดการจ่ายเงินชดเชย เลื่อนแผนการลงทุนในโปรเจคบางอย่างออกไปและลดจำนวนเที่ยวบินที่ใช้สำหรับการส่งของลงซึ่งดูเหมือนว่าการดำเนินการเหล่านี้ได้ผล นักวิเคราะห์บางคนเชื่อว่าการดำเนินการเหล่านี้มีส่วนช่วยให้หุ้นของ FedEx ปรับตัวสูงขึ้น นาง Helane Becker นักวิเคราะห์ของ Cowen ได้ปรับเพิ่มราคาเป้าหมายของหุ้น FedEx ขึ้น 58% จาก $167 ขึ้นเป็น $264
“ถึงแม้ว่ามูลค่าของหุ้น FedEx ขึ้นใกล้จะถึงจุดสูงสุดของหุ้นตัวเองแล้วแต่เพราะพฤติกรรมการซื้อสินค้าของมนุษยชาติกำลังจะเปลี่ยนไปอย่างถาวร จากความเชื่อนั้นฉันจึงมั่นใจว่ามูลค่าของหุ้นบริษัทที่ทำเกี่ยวกับการขนส่งโดยเฉพาะ FedEx จะเพิ่มขึ้นอย่าทวีคุณ จากนี้ไปไม่ว่าโลก E-commerce จะเติบโตขึ้นเพียงใด ตลาดจะยินดีลงทุนกับความเสี่ยงนี้”
นักวิเคราะห์จากธนาคารเพื่อการลงทุนโกลด์แมน แซคส์ยังคงให้หุ้นของ FedEx อยู่ในระดับ “น่าซื้อ” และปรับเป้าหมายของหุ้นบริษัทขึ้นเป็น $233 นอกจากนี้ความเห็นของนักวิเคราะห์ระดับท็อปของประเทศ 23 คนยังโหวตให้หุ้นของ FedEx อยู่ในระดับ “น่าซื้อ” โดยมีราคาเป้าหมายเฉลี่ยอยู่ที่ $206.59
โดยสรุปแล้ว
FedEx ถือเป็นอีกหนึ่งบริษัทที่ได้เปรียบจากวิกฤตโรคระบาดอย่างไม่ต้องสงสัยเพราะการเติบโตของธุรกิจ E-commerce นอกจากปัจจัยภายนอกที่เหมาะสมแล้วการควบคุมปัจจัยภายในของบริษัท FedEx ยังถือว่าทำได้ดี มีการควบคุมสภาพคล่องที่ยอดเยี่ยม ถึงจะมีความเคลือบแคลงเกี่ยวกับการตีตลาดในยุโรปแต่การที่รายงานผลประกอบการออกมาดีเช่นนี้สามารถการันตีได้ว่าแบรนด์ FedEx ยังคงไว้ใจได้เสมอ