จากงานประชุมนักวิเคราะห์ เราสรุปประเด็นสำคัญได้ดังนี้
ผู้บริหารคาดผลดำเนินงาน 2H63 จะฟื้นตัว HoH โดยมีประเด็นบวกจาก 1) การตั้งสำรองที่จะ ผ่อนคลายลง เนื่องจากใน 1H63 บริษัทได้ตั้งสำรองพิเศษเพื่อรองรับการผิดนัดชำระหนี้ของ การบินไทย ไปทั้งหมดแล้ว รวมถึงมีการตั้งสำรองเผื่อกรณีของคุณภาพสินทรัพย์ที่จะแย่ลงในช่วงที่ ได้รับผลกระทบทาง ศก. จากการแพร่ระบาดของ COVID-19 โดยตั้งเป้า Credit Cost ทั้งปี ที่ 1.25-1.30% ลดลงจาก 1H63 ที่ 2.1% ขณะที่ NPL คาดยังทรงตัว HoH เนื่องจากบริษัทใช้ นโยบายปรับโครงสร้างหนี้เชิงรุกจัดการกับลูกหนี้ที่มีความเสี่ยงสูง 2) Non-NII มีแนวโน้มฟื้นตัว ต่อเนื่องหลังปลดล็อคดาวน์ ทำให้คาดค่าธรรมเนียมจากธุรกิจกองทุนรวมและธุรกิจประกัน อย่างไรก็ดี KTB มีปัจจัยลบจาก NIM ที่อ่อนตัวลง เพราะบริษัทมีแผนขยายสินเชื่อโครงการ ภาครัฐฯ ทำให้ Loan Mix ในส่วนของสินเชื่อ Low Yield เพิ่มขึ้น อีกทั้งมีผลกระทบจากการปรับ ลดดอกเบี้ยเงินกู้และการปรับโครงสร้างหนี้ของลูกหนี้ทำให้การรับรู้รายได้ดอกเบี้ยในแต่ละไตร มาสน้อยลง รวมทั้งค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานสูงขึ้น (ทั้งปีคาดไว้ที่ High 40% สูงขึ้นจาก 41% ใน 1H63) หลังรับรู้ค่าเสื่อมจากโครงการลงทุนในโครงสร้าง IT
ธนาคารกรุงไทย (BK:KTB) มีลูกหนี้เข้าโครงการพักชำระหนี้จำนวน 4 แสนลบ. คิดเป็น 17.5% ของพอร์ตลูกหนี้รวม ประกอบด้วยลูกหนี้รายย่อยสัดส่วน 51% และลูกหนี้ธุรกิจ (SME และ Micro SME) อีก 49% โดยแบ่งระดับความเสี่ยงดังนี้ คือ 70% มีฐานะการเงินแข็งแรงสามารถกลับมาชำระหนี้ได้หลัง ครบกำหนดโครงการ, 26% มีความเสี่ยงปานกลางแต่ไม่รุนแรงมากสามารถปรับโครงสร้างหนี้ได้ และ 4% เป็นกลุ่มลูกหนี้อ่อนแอที่บริษัทต้องติดตามอย่างใกล้ชิด ซึ่งเป็นระดับที่บริหารจัดการได้
ผบห. ระบุว่า KTB ยังมีระดับเงินกองทุนอยู่ในระดับที่แข็งแกร่งที่ 18.2% และจากผล Stress Test เบื้องต้นคาดเงินกองทุนจะลดลงเพียง 2% ภายใต้การประเมินกรณีเลวร้าย ทำให้มีโอกาส สูงที่ KTB จะสามารถจ่ายปันผลประจำปีได้ตามปกติ(เงินกองทุนยังมากกว่าเงินกองทุนขั้นต่ำ)
สำหรับกรณีรับรู้กำไรจากการขายทรัพย์ NPA จากกรณีของ AQ ผบห. ระบุว่ามีส่วนที่เหลือมูลค่า ราว 1 พันลบ. ที่จะรับรู้เข้ามาในงบกำไรขาดทุน แต่ขึ้นกับจังหวะในการขายสินทรัพย์ภายใต้ ราคาที่เหมาะสม ทำให้ไม่สามารถระบุได้ว่าจะรับรู้รายการดังกล่าวในไตรมาสใด
Our Take
เรามีมุมมองเป็นบวกเล็กน้อยหลังจบการประชุม โดยคาดผลดำเนินงานของ KTB จะเริ่มฟื้นตัว ขึ้นตั้งแต่ 3Q63 จากการตั้งสำรองที่ลดลงไปมาก เพราะผ่านการตั้งสำรองหนี้ครั้งใหญ่ไปแล้วใน 2Q63 ขณะที่หนี้เสียคาดเริ่มทรงตัวเพราะพอร์ตสินเชื่อส่วนใหญ่ของ KTB เป็นสินเชื่อโครงการ ภาครัฐฯ และสินเชื่อส่วนบุคคลของพนักงานรัฐฯ ซึ่งมีความเสี่ยงต่ำ(KTB มีลูกหนี้ในกลุ่ม ท่องเที่ยวและโรงแรมต่ำกว่า 10%) นอกจากนี้รายได้ค่าธรรมเนียมคาดเริ่มปรับตัวดีขึ้น QoQ หลังปลดล็อคดาวน์และกิจกรรมในประเทศคึกคักมากขึ้น ทำให้ทั้งปี 2563 เราคาด KTB จะมี กำไรสุทธิ 21,032 ลบ. ลดลง 28.2%YoY ได้ตามประมาณการเดิม
เรามองว่า KTB เป็ นหนึ่งในแบงก์ใหญ่ ที่พอร์ตสินเชื่อได้รับผลจาก COVID น้อยกว่ากลุ่ม เนื่องจากฐานลูกค้าส่วนใหญ่เป็นภาครัฐฯ, ข้าราชการ และวิสาหกิจที่มีรายได้มั่นคง และผ่าน การรับรู้ประเด็นลบจากกรณีของการบินไทยไปแล้ว ขณะที่ราคาหุ้นปัจจุบันซื้อขายที่ระดับ PBV ต่ำสุดในกลุ่มเพียง 0.4x และมี Upside ราว 20.8% จากมูลค่าพื้นฐานปี 2563 ที่ 11.60 บาท (วิธี GGM) จึงคงแนะนำ “ซื้อ”
บทวิเคราะห์นี้จัดทำขึ้นและเผยแพร่โดยทีมนักวิเคราะห์ของ Yuanta Securities