- บริษัทจะรายงานผลประกอบการไตรมาสที่ 2 ปี 2020 ในวันจันทร์ที่ 31 สิงหาคมหลังตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ ปิด
- คาดการณ์ผลกำไร: $500.1 ล้านเหรียญสหรัฐ
- คาดการณ์ตัวเลขการปันผลกำไรต่อหุ้น: $0.45
ในช่วงเริ่มต้นของการแพร่ระบาดโควิด-19 หนึ่งแอปพลิเคชันที่ใครๆ ต่างก็พูดถึงคือ “ซูม (NASDAQ:ZM)” ที่อนญาตให้ผู้ใช้งานสามารถสื่อสารผ่านวีดีโอบนแพลตฟอร์มของบริษัทได้ในตอนที่ใครๆ ไม่สามารถออกจากบ้านไปทำงานได้เพราะมาตรการปิดล็อกเมือง การสื่อสารด้วยวิดีโอกลายเป็นสิ่งที่จำเป็นขึ้นมาจนบริษัทยักษ์ใหญ่อื่นๆ ต้องรีบเข็นผลิตภัณฑ์ที่มีความใกล้เคียงกันกับซูมออกมาเพื่อเพิ่มยอดผู้ใช้งานของตน สิ่งที่นักลงทุนอยากทราบจากรายงานผลประกอบการของซูมในช่วงเช้าของวันพรุ่งนี้ตามเวลาประเทศไทยคือบริษัทจะยังสามารถรักษาผลกำไรในไตรมาสที่ 2 ให้สูงเหมือนไตรมาสที่ 1 ได้หรือไม่
ตลอดทั้งปี 2020 หุ้นของซูมวิ่งขึ้นมาแล้วทั้งสิ้น 300% จนทำให้บริษัทมีมูลค่าตลาดอยู่ที่ $85,000 ล้านเหรียญสหรัฐภายในระยะเวลาเพียง 4 เดือน นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่ากำไรของซูมในไตรมาสนี้ที่นับมาจนถึงวันที่ 30 มิถุนายนจะเพิ่มขึ้นมากกว่า 3 เท่าหรือคิดเป็นเงิน $500 ล้านเหรียญสหรัฐ ตัวเลขการปันผลกำไรต่อหุ้นจะออกมาอยู่ที่ $0.45 เพิ่มขึ้นจาก $0.08 ซึ่งเป็นตัวเลขในช่วงเวลาเดียวกันปี 2019 ซูมคาดว่าในปีนี้บริษัทจะสามารถทำกำไรได้รวมแล้วทั้งสิ้น $18,000 ล้านเหรียญสหรัฐเพิ่มขึ้นเป็น 3 เท่าจากขนาดของบริษัทเมื่อปีที่แล้ว
มูลค่าของหุ้นซูมในตอนนี้แสดงให้เห็นว่านักลงทุนมีความเชื่อมั่นในการจัดการของบริษัทและเชื่อว่าซูมจะสามารถเป็นหนึ่งในแนวหน้าของวงการสื่อสารยุคดิจิทัลต่อไป นอกจากนี้นักลงทุนบางส่วนเชื่อว่ารูปแบบการทำงานของมนุษย์จะเปลี่ยนไป ลดการออกไปทำงานนอกบ้านมากขึ้นแม้ว่าโควิดจะผ่านไปแล้ว นั่นทำให้หุ้นซูมจะกลายเป็นตัวเลือกที่ดีในการลงทุนระยะยาว
ความปลอดภัยคือคำถามที่ซูมถูกโจมตีมาโดยตลอด
ความท้าทายที่ซูมและ CEO บริษัทนายอิริค หยวน ต้องเจอคือต้องทำให้ผู้บริโภคมั่นใจให้ได้ว่าแพลตฟอร์มของซูมมีพื้นที่มากพอที่จะรองรับการใช้งานของลูกค้าที่อยู่ในทุกช่วงอายุและทุกกลุ่มตั้งแต่นักเรียนขึ้นไปจนถึงระดับองค์กร ที่สำคัญนักลงทุนอยากรู้ว่าซูมจะให้ความเชื่อมั่นแก่พวกเขาได้อย่างไรเมื่อต้องถูกถามถึงเรื่องความปลอดภัยในการเก็บรักษาข้อมูลของลูกค้าและความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้งาน
ก่อนหน้านี้ในเดือนเมษายน FBI เคยออกมาเตือนผู้ใช้งานซูมว่าไม่ควรตั้งค่าห้องประชุมให้เป็นสาธารณะหรือแชร์ลิงก์ห้องประชุมในที่สาธารณะเพราะผู้ใช้งานอาจเจอบุคคลที่ไม่รู้จักเข้ามาในห้องประชุมดังกล่าวได้จนมีศัพท์ที่เรียกกันขึ้นมาเล่นๆ ว่า “ซูมบอมมิ่ง (Zoombombing)” ไม่ใช่เฉพาะ FBI เท่านั้นแต่อีลอน มักส์ก็เคยมีข่าวออกมาสั่งห้ามพนักงานใน SpaceX ห้ามใช้ซูมโดยเด็ดขาดโดยอ้างเรื่องการเก็บข้อมูลเช่นกัน
ล่าสุดเมื่อวันจันทร์ที่แล้วพึ่งมีข่าวว่าการประชุมออนไลน์ผ่านซูมมีปัญหาไม่สามารถเข้าประชุมได้ทั้งๆ ที่เป็นลูกค้าที่อยู่ในกลุ่มเสียเงินค่าบริการแล้วก็ตาม จนถึงตอนนี้ซูมก็ยังไม่ยอมออกมาเปิดเผยถึงสาเหตุว่าเกิดขึ้นจากปัญหาใด
แม้ว่าปัจจุบันซูมจะมีข้อเสนอที่น่าสนใจสำหรับผู้ใช้งานใหม่คืออนุญาตให้ประชุมฟรี 40 นาทีโดยไม่คิดค่าบริการ แต่อย่างที่บอกไปก่อนหน้านี้แล้วว่าตอนนี้บริษัทใหญ่ๆ เริ่มมีฟังก์ชั่นการประชุมเอาไว้บนแพลตฟอร์มของตัวเองแล้วไม่ว่าจะเป็นไมโครซอฟต์ (NASDAQ:MSFT), ซิสโก (NASDAQ:CSCO) หรือกูเกิล (NASDAQ:GOOGL) เองก็ตาม การแข่งขันในยุคต่อจากนี้จะเป็นเรื่องของความเสถียรในการใช้งาน ใครที่มีระบบรองรับลื่นไหล ไม่มีสะดุดจะสามารถกลายเป็นตัวเลือกอันดับหนึ่งของผู้บริโภคได้อย่างง่ายดาย
โดยสรุปแล้ว
แม้ว่าหุ้นของซูมจะสร้างผลงานขาขึ้นได้อย่า่งน่าประทับใจมาตั้งแต่เดือนเมษายนแต่บริษัทก็ยังต้องพิสูจน์ตัวเองด้วยการเพิ่มยอดผู้สมัครสมาชิกที่เต็มใจชำระค่าบริการและการเรียกความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในเรื่องของความปลอดภัยจากการใช้งานให้ได้ แต่ถึงอย่างนั้นในระยะยาวเราเชื่อว่าซูมจะยังเป็นบริษัทที่ได้ประโยชน์จากรูปแบบการทำงานที่เปลี่ยนไปเป็นการอยู่บ้านและสื่อสารผ่านวิดีโอแทนแม้ว่าโควิด-19 จะผ่านไปแล้วก็ตาม