อีกหนึ่งเหตุการณ์สำคัญทางประวัติศาสตร์ตลาดหุ้นเกิดขึ้นเมื่อวันอังคารที่ 25 สิงหาคมที่ผ่านมา หุ้นบริษัทเอ็กซอนโมบิล (NYSE:XOM) ซึ่งเป็นบริษัทผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ที่สุดของสหรัฐฯ ถูกปลดออกจากดัชนีดาวโจนส์ซึ่งถือเป็น 1 ใน 4 ดัชนีหลักของประเทศ นี่คือการดีดบริษัทที่อยู่ในเศรษฐกิจยุคเก่าออกและเปิดทางให้กับหุ้นจากบริษัทเทคโนโลยีที่นับวันมีแต่จะเติบโตมากขึ้นเรื่อยๆ
ก่อนหน้านี้เราเคยเขียนบทความที่พูดถึงการเติบโตของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีแล้วว่าจะกลายเป็นหุ้นกลุ่มหลักที่สามารถควบคุมทิศทางของตลาดได้มากที่สุด ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมาลองไปเปิดดูกราฟของหุ้นในกลุ่มเทคโนโลยีตัวไหน กรอบเวลาไหนก็ได้จะพบว่ามีแต่แนวโน้มขาขึ้น แม้การเข้ามาของโควิด-19 จะส่งผลกระทบต่อธุรกิจทุกภาคส่วนแต่มีเพียงบริษัทเทคโนโลยีเท่านั้นที่สามารถเอาตัวรอดได้ ดังนั้นหากจะพูดว่าโควิดคือตัวเร่งให้การมาถึงของโลกอนาคตที่ต้องพึ่งพาอินเตอร์เน็ตเกือบ 100% มาถึงเร็วขึ้นก็ไม่ผิดมากนัก
เอ็กซอนถือเป็นหุ้นที่อยู่กับดัชนีดาวโจนส์มาอย่างยาวนานตั้งแต่ปี 1928 แต่การที่เอ็กซอนมีกำลังในการควบคุมตลาดลดลงเป็นหนึ่งในสัญญาณที่ชี้ให้เห็นว่าโลกกำลังเปลี่ยนจากการพึ่งพาน้ำมันเป็นการพึ่งพาเทคโนโลยี หุ้นในกลุ่มพลังงานบนดัชนี S&P 500 ในปีนี้สามารถทำผลงานขาขึ้นได้เพียง 2.5% เท่านั้นซึ่งลดลงจาก 5 ปีที่แล้ว 6.84% และลดลงจาก 10 ปีที่แล้ว 10.89% ในขณะที่หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีสามารถทำผลงานขาขึ้นได้ 18.48% ในปี 2010 และจนถึงวันนี้สามารถทำผลงานขาขึ้นได้มากถึง 28.17%
หุ้นของเอ็กซอนโมบิลร่วงลงทันที 3% เมื่อวันอังคารที่ 25 สิงหาคมหลังจากที่ได้ทราบข่าวว่าถูกถอดออกจากดาวโจนส์และจากการวิเคราะห์ทางเทคนิคแล้วเราเห็นความเป็นไปได้ที่หุ้นของบริษัทผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่จะปรับตัวลงมากยิ่งกว่าเดิม
ที่ผ่านมาหุ้นของบริษัทเอ็กซอนโมบิลวิ่งเป็นรูปแบบหัวไหล่ (Head & Shoulder) ขนาดใหญ่มาโดยตลอดจนกระทั่งราคาสามารถสร้างไหล่ขวาสำเร็จและเจาะเส้นเทรนด์ไลน์ขาขึ้นสีดำที่ทำหน้าที่เป็นเส้น neckline ลงมาได้ แม้ว่าราคาจะพยายามแล้วในการกลับขึ้นไปยืนเหนือเส้น neckline ที่ทะลุลงมาให้ได้แต่ก็ไม่สำเร็จจนเกิดเป็นรูปแบบหัวไหล่ขนาดเล็กขึ้นมาอีก 1 อันซึ่งแรงเทขายที่เกิดขึ้นเมื่อวันอังคารคือการลงไปทดสอบเส้น neckline สีแดงเป็นครั้งที่สอง
เส้นค่าเฉลี่ย 200 วันทำหน้าที่เป็นแนวต้านขาลงระยะยาวที่กดขาขึ้นของกราฟเอาไว้จนเกิดเป็นส่วนหัวเมื่อวันที่ 8 มิถุนายนในขณะที่เส้นค่าเฉลี่ย 50 วันและ 100 วันกำลังทำสงครามยันราคากันอยู่ใกล้ๆ กับบริเวณไหล่ขวา การขึ้นๆ ลงๆ ของราคาที่บริเวณดังกล่าวแสดงให้เห็นว่านักลงทุนในตลาดยังไม่มั่นใจพอว่าขาขึ้นจะสามารถกลับขึ้นไปได้จริงๆ ทำได้เพียงประคองราคาเอาไว้ไม่ให้ลงมาต่ำกว่าเส้น neckline เท่านั้น
เหตุการณ์ที่น่าสนใจก็คือบริเวณส่วนหัวของรูปแบบหัวไหล่อันเล็ก จากขาขึ้นก่อนที่จะไปถึงส่วนหัวสังเกตว่าราคาได้พยายามไต่ขึ้นไปอย่างช้าก่อนที่จะทะยานพุ่งขึ้นไป แต่เมื่อตลาดรับรู้ได้ว่าต้องเผชิญกับแนวต้านที่เคยทะลุกลับลงมาแล้วฝั่งขายก็ไม่อนุญาตให้กลับตัวกลายเป็นขาขึ้น ถีบราคากลับลงมาอยู่ใต้เส้น neckline อย่างรวดเร็ว จากนั้นราคาก็ไม่เคยกลับขึ้นมาได้อีกเลย
เมื่อพิจารณาที่อินดิเคเตอร์ทั้งสามอย่าง MACD, RSI และ ROC ต่างก็ส่งสัญญาณว่าราคาได้อยู่ใแนวโน้มขาลงแล้วทั้งสิ้น เหตุการณ์ที่ราคาหุ้นและอินดิเคเตอร์จะบอกเป็นเสียงเดียวกันได้อย่างพร้อมเพรียงแบบนี้ถือเป็นโอกาสที่หาได้ยาก
จุดที่ต้องระวังสำหรับนักลงทุนขาลงก็คือตอนนี้กราฟกำลังอยู่ในช่วงทดสอบเส้นแนวรับสำคัญ ในทุกๆ แนวรับมักจะมีนักลงทุนสายสวนเทรนด์ที่คิดว่านี่คือโอกาสอันดีในการหาจุดเข้าซื้อสวยๆ หากคิดว่าจะวางคำสั่งขายในตอนนี้ก็ไม่ควรประมาทนักลงทุนฝั่งตรงข้ามด้วย
กลยุทธ์การเทรด
เทรดเดอร์ที่ไม่ชอบความเสี่ยง จะรอจนกว่ากราฟจะยืนยันการสร้างรูปแบบหัวไหล่เล็กเสร็จสิ้นด้วยการทะลุเส้น neckline ลงไปก่อนย่อกลับขึ้นมาทดสอบเส้นดังกล่าวอีกครั้ง
เทรดเดอร์ที่รับความเสี่ยงได้ปานกลาง จะวางคำสั่งขายเมื่อเห็นกราฟดีดกลับขึ้นมาจากเส้น neckline โดยพิจารณาแนวต้านเอาไว้ที่จุดสูงสุดของเดือนกรกฎาคมและสิงหาคม รวมไปถึงแนวต้านใกล้ๆ อย่างเส้น neckline ที่พึ่งหลุดลงมาด้วย
เทรดเดอร์ที่รับความเสี่ยงได้สูง จะเสี่ยงสวนแนวโน้มด้วยการวางคำสั่งซื้อ เพราะมั่นใจว่าราคาต้องดีดขึ้นมาก่อนที่จะตามแนวโน้มใหญ่ขาลงด้วยการวางคำสั่งขาย อย่างไรก็ตามคำว่าความเสี่ยงสูงหมายความว่านักลงทุนกลุ่มนี้ต้องมีความระมัดระวังมากกว่าเทรดเดอร์ในกลุ่มอื่นๆ ยิ่งเป็นคนรับความเสี่ยงได้สูงต้องยิ่งมีวินัยในการลงทุนมากกว่าคนอื่นๆ หากคุณไม่เข้าใจรูปแบบการวางคำสั่งในบทความนี้ก็ไม่ควรอย่างยิ่งที่จะเสี่ยงเทรด
ตัวอย่างการเทรด (ขาขึ้น)
- จุดเข้า: $40.75 (เหนือจุดที่ราคาย่อตัวลงมา)
- Stop-Loss: $40.50 (ต่ำกว่าจุดต่ำสุดของวันศุกร์)
- ความเสี่ยง: $0.25
- เป้าหมายในการทำกำไร:$44.50 (ต่ำกว่าตัวเลขจิตวิทยา เหนือจุดสูงสุดของเดือนกรกฎาคม สิงหาคมและเหนือเส้นเทรนด์ไลน์ที่ถูกเจาะลงมาแล้ว)
- ผลตอบแทน: $3.75
- อัตราความเสี่ยงต่อผลตอบแทน: 1:5