รับส่วนลด 40%
ใหม่! 💥 รับ ProPicks เพื่อดูกลยุทธ์ที่ให้ผลตอบแทน ชนะดัชนี S&P 500 มากกว่า 1,183% รับส่วนลด 40%

ตอนนี้หุ้น Honeywell, Saleforce และ Amgen คุ้มค่าที่ซื้อหรือไม่

โดยInvesting.com
ผู้เขียนHaris Anwar
เผยแพร่ 26/08/2563 17:57
อัพเดท 02/09/2563 13:05

สัปดาห์นี้ไม่ใช่สัปดาห์ที่ดีสำหรับบริษัทผู้ผลิตน้ำมันยักษ์ใหญ่สหรัฐฯ อย่าง Exxon Mobil (NYSE:XOM) เลย ล่าสุดหุ้น Exxon ถูกออกออกจากดัชนีหลักของประเทศอย่างดัชนีดาวโจนส์ นอกจากบริษัท Exxon Mobil แล้วยังมีอีกหลายบริษัทที่ถูกถอดออกจากดัชนีอายุ 124 ปีนี้อย่างเช่น Pfizer (NYSE:PFE) ที่ก่อนหน้านี้พึ่งมีข่าวดีเกี่ยวกับยาต้านโควิด-19 และบริษัท Raytheon Tenchnologies (NYSE:RTX) เปิดทางให้กับบริษัทใหม่ๆ ได้ถูกลิสต์ขึ้นดัชนีดาวโจนส์อย่างเช่น Honeywell (NYSE:HON) Salesforce.com (NYSE:CRM) และ Amgen (NASDAQ:AMGN)

การเปลี่ยนแปลงนี้คือสิ่งที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้หลังจากที่บริษัทแอปเปิล (NASDAQ:AAPL) ประกาศแตกพาร์หุ้นเพื่อให้นักลงทุนรายย่อยได้มีโอกาสเป็นเจ้าของหุ้นบริษัทได้มากขึ้นและยังเป็นกลยุทธ์ที่แอปเปิลใช้เพื่อลดราคาสินค้าเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์และซอฟต์แวร์ในตลาดลงมาด้วย ปัจจุบันหุ้นแอปเปิลคิดเป็น 12% ของการขับเคลื่อนบนดัชนีดาว 30

ในบทความนี้เราจะมาดูกันว่าสมาชิกใหม่ของดัชนีดาวโจนส์ทั้งสามอย่าง Honeywell, Saleforce และ Amgen คุ้มค่าหรือไม่ที่จะเป็นเจ้าของ

1. Honeywell

บริษัทชั้นนำด้านการผลิตเทคโนโลยีที่หลากหลายไล่มาตั้งแต่งานเกี่ยวกับบ้าน การก่อสร้าง การบินไปจนถึงโลกอวกาศ ด้วยการกระจายความเสี่ยงเข้าไปในธุรกิจที่หลากหลายสาขาทำให้ฮันนี่เวลล์เป็นบริษัทที่ได้เปรียบคู่แข่งและหาผู้ที่จะมาต่อกรได้ยาก

นาย Darius Adamczyk ผู้ดำรงตำแหน่งเป็น CEO บริษัทมานานถึง 3 ปีกำลังพยายามเปลี่ยนแปลงโครงสร้างทางวัฒนธรรมขององค์กรที่มีมานานกว่า 135 ปีให้กลายเป็นบริษัทที่เต็มไปด้วยธุรกิจสตาร์ทอัพ ตั้งแต่เขาเข้ามารับตำแหน่ง CEO ก็ได้พยายามสร้างผลิตภัณฑ์ที่มีซอฟต์แวร์เป็นตัวจัดการเป็นหลักเพื่อช่วยให้ผู้ใช้งานมีการจัดการในชีวิตที่ดีขึ้น

ถึงแม้ประวัติของฮันนี่เวลล์จะสวยหรูเพียงใดแต่ธุรกิจบริษัทก็ยังได้รับผลกระทบจากวิกฤตโควิด-19 จนทำให้งานทางด้านธุรกิจอวกาศซึ่งถือเป็นรายได้หลักได้รับผลกระทบ จากการรายงานผลประกอบการไตรมาสที่ 2 พบว่ากำไรจากธุรกิจทางด้านอวกาศลดลง 28% เนื่องจากบริษัทผู้ผลิตเครื่องบินหลายแห่งจำเป็นต้องลดการผลิตเครื่องบินเพราะไวรัสโควิด-19 ทำให้การเดินทางทั่วโลกหยุดชะงัก CEO ของฮันนี่เวลล์ได้ให้สัมภาษณ์กับ Wall Street Journal ว่า

“ไตรมาสที่ 2 ปี 2020 คือไตรมาสที่บริษัทฮันนี่เวลล์ต้องเผชิญกับความท้าทายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่บริษัทก่อตั้งมา การเข้ามาของโควิด-19 และความผันผวนในตลาดราคาน้ำมันกระทบต่อหลายๆ ธุรกิจที่อยู่ในมือของเราจริงๆ”

อย่างไรก็ตามฮันนี่เวลล์ยังสามารถสร้างประวัติศาสตร์ทำตัวเลขผลกำไรประจำไตรมาสรวมได้มากถึง $1,080 ล้านเหรียญสหรัฐซึ่งยอดขายดังกล่าวมาจากธุรกิจค้าขายสินค้าทางการแพทย์ หน้ากาก N-95 และธุรกิจอื่นๆ ล่าสุดหุ้นฮันนี่เวลล์มีราคาปิดอยู่ที่ $164.53 ปรับตัวขึ้นภายในเมื่อวานวันเดียว 3.24% ซึ่งถือเป็นตัวเลขที่ดีในช่วงวิกฤตโรคระบาดเช่นนี้

Honeywell International 1-Year Chart.

นักลงทุนบางคนอาจแย้งว่าการซื้อหุ้นของฮันนี่เวลล์ในตอนนี้ถือเป็นความเสี่ยงที่มากเกินไปโดยเฉพาะอย่างยิ่งในสถานการณ์ที่หลายธุรกิจของบริษัทกำลังเจอปัญหาโควิดเข้ารุมเร้า แต่ในความเห็นของเราหุ้นฮันนี่เวลล์ถือเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับการลงทุนในระยะยาวเพราะบริษัทมีการกระจายความเสี่ยงไปยังธุรกิจหลายรูปแบบ เมื่อไหร่ก็ตามที่ปัญหาไวรัสนี้จบลงหุ้นฮันนี่เวลล์หากยังสามารถเอาตัวรอดไปได้จนถึงตอนนั้นจะกลายเป็นตัวเลือกที่ดีมากๆ สำหรับนักลงทุน

2. Salesforce.com

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาเซลล์ฟอร์ซบริษัทผู้สร้างแพลตฟอร์มการจัดการลูกค้าสัมพันธ์ (CRM) และขายซอฟต์แวร์กับบริการคลาวด์ได้ขยายอาณาเขตออกไปมากมายผ่านการควบรวมธุรกิจเพื่อกระจายช่องทางการทำกำไรผ่านธุรกิจหลายๆ ประเภทที่ดูแล้วสามารถเติบโตต่อไปได้ในอนาคต ล่าสุดเมื่อปีที่แล้วเซลล์ฟอร์ซสามารถซื้อบริษัท Tableau Software มาได้ในมูลค่า $15,300 ล้านเหรียญสหรัฐซึ่งถือเป็นดีลประวัติศาสตร์ที่ใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งของบริษัท นี่คือตัวอย่างของการเปิดเส้นทางสู่ธุรกิจในวงการ AI ของเซลล์ฟอร์ซ

จากการรายงานผลประกอบการครั้งล่าสุดของบริษัทเริ่มแสดงให้เห็นแล้วว่าเส้นทางที่เซลล์ฟอร์ซเลือกเดินมานั้นถูกต้อง จากการรายงานผลประกอบการใน 12 ไตรมาสล่าสุดพบว่ามีมากถึง 10 ไตรมาสที่บริษัทสามารถปิดกำไรได้ การควบรวมบริษัทช่วยให้เซลล์ฟอร์ซสามารถทำยอดขายจากบริการอื่นที่ไม่ใช่เพียงแค่คลาวด์ได้อย่างมีนัยสำคัญ 

นอกจากนี้หุ้นเซลล์ฟอร์ซยังถือเป็นหุ้นอีก 1 ตัวที่ทำผลงานได้ดีที่สุดในช่วงโควิด หากนับตั้งแต่เดือนมีนาคมปี 2009 เป็นต้นมาจะพบว่าหุ้นเซลล์ฟอร์ซได้วิ่งขึ้นมาแล้วมากถึง 27 เท่า มีราคาปิดล่าสุดอยู่ที่ $216.05 และตลอดทั้งปี 2020 ปรับตัวขึ้นมาแล้วประมาณ 29%Salesforce.com 1-Year Chart.

นักวิเคราะห์และนักลงทุนบางส่วนยังรู้สึกตื่นเต้นกับการเติบโตของบริษัทเซลล์ฟอร์ซแม้ว่าก่อนหน้านี้ CEO คนก่อนอย่าง Keith Block จะตัดสินใจลาออกจากตำแหน่งไปและได้ Marc Benioff กลับขึ้นมารับตำแหน่ง CEO อีกครั้ง 

นอกจากนี้เซลล์ฟอร์ซยังมีประวัติการปันผลกำไรที่สามารถปันผลได้ต่อเนื่องและมีการเติบโตขึ้นอยู่ตลอดระยะ 10 ปีล่าสุด แม้ว่าการรายงานตัวเลขยอดขายแบบปีงบประมาณครั้งล่าสุดบริษัทได้คาดการณ์ว่าตัวเลขยอดขายจะลดลงแต่นักลงทุนในตลาดยังคงเชื่อมั่นว่าเซลล์ฟอร์ซจะสามารถเติบโตได้อีกในอนาคต ยิ่งการควบรวมบริษัทครั้งล่าสุดยิ่งทำให้นักลงทุนมีความเชื่อมั่นในเซลล์ฟอร์ซมากยิ่งขึ้น

3. Amgen

แอมเจนคือบริษัทชั้นนำระดับโลกด้านเทคโนโลยีชีวิภาพที่มีมูลค่าในตลาดประมาณ $145,000 ล้านเหรียญสหรัฐ จากความเชี่ยวชาญด้านวิทยาศาสตร์ และนวัตกรรม แอมเจนมุ่งมั่นที่จะช่วยเหลือดูแลรักษาผู้ป่วยในหลายกลุ่มโรค ได้แก่ โรคกระดูก โรคระบบหลอดเลือดและหัวใจ และโรคมะเร็ง

แม้ว่าผลิตภัณฑ์หลักของบริษัทจะมียอดขายแซงหน้าตัวเลขผลกำไรรวมเฉลี่ยแต่ละไตรมาสที่ $6,000 ล้านเหรียญสหรัฐแต่ผลิตภัณฑ์ของแอนเจนกำลังถูกคุกคามจากบริษัทคู่แข่งอื่นในตลาด ในปี 2020 หุ้นแอมเจนมีผลงานที่ไม่สู้ดีนักเมื่อเทียบกับบริษัทเทคโนโลยีชีวภาพอื่นๆ ที่สังกัดอยู่ในดัชนี NASDAQ เดียวกัน ล่าสุดหุ้นแอมเจนมีราคาปิดอยู่ที่ $248.22 ปรับตัวขึ้น 5.37% ภายในวันอังคารวันเดียว

Amgen 1-Year Chart.

อย่างไรก็ตามหุ้นแอมเจนก็ยังถือเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุนเมื่อพิจารณาจากความสามารถของบริษัทในการทำกำไรได้มากกว่าเดิม 20 เท่าและความเป็นได้ที่จะทำกำไรในอนาคตเพิ่มอีก 15 เท่า ที่สำคัญบริษัทยังมีผลิตภัณฑ์ที่กำลังอยู่ระหว่างการพัฒนามากมายเพื่อรองรับโลกที่ผู้คนหันมาสนใจสุขภาพมากยิ่งขึ้น 

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาหุ้นแอมเจนสามารถปันผลได้อย่างมั่นคงและตัวเลขการปันผลยังมีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ปัจจุบันหุ้นแอมเจนมีตัวเลขการปันผลรายปีอยู่ที่ 2.7% การปันผลรายไตรมาสอยู่ที่ $1.60 ต่อหุ้นเพิ่มขึ้นจาก $0.61 ต่อหุ้นในปี 2014

ความคิดเห็นล่าสุด

การเปิดเผยความเสี่ยง: การซื้อขายตราสารทางการเงินและ/หรือเงินดิจิตอลจะมีความเสี่ยงสูงที่รวมถึงความเสี่ยงต่อการสูญเสียจำนวนเงินลงทุนของคุณบางส่วนหรือทั้งหมดและอาจไม่เหมาะสมกับนักลงทุนทั้งหมด ราคาของเงินดิจิตอลแปรปรวนอย่างมากและอาจได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอกต่าง ๆ เช่น เหตุการณ์ทางการเงิน กฎหมายกำกับดูแล หรือ เหตุการณ์ทางการเมือง การซื้อขายด้วยมาร์จินทำให้ความเสี่ยงทางการเงินเพิ่มขึ้น
ก่อนการตัดสินใจซื้อขายตราสารทางการเงินหรือเงินดิจิตอล คุณควรตระหนักดีถึงความเสี่ยงและต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายในตลาดการเงิน ควรพิจารณาศึกษาอย่างรอบคอบในด้านวัตถุประสงค์การลงทุน ระดับประสบการณ์ และ การยอมรับความเสี่ยงและแสวงหาคำแนะนำทางวิชาชีพหากจำเป็น
Fusion Media อยากเตือนความจำคุณว่าข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้ไม่ใช่แบบเรียลไทม์หรือเที่ยงตรงแม่นยำเสมอไป ข้อมูลและราคาที่แสดงไว้บนเว็บไซต์ไม่ใช่ข้อมูลที่ได้รับจากตลาดหรือตลาดหลักทรัพย์เสมอไปแต่อาจได้รับจากผู้ดูแลสภาพคล่องและดังนั้นราคาจึงอาจไม่เที่ยงตรงแม่นยำและอาจแตกต่างจากราคาจริงในตลาดซึ่งหมายความว่าราคานี้เป็นเพียงราคาชี้นำและไม่เหมาะสมสำหรับวัตถุประสงค์เพื่อการซื้อขาย Fusion Media และผู้ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้จะไม่รับผิดชอบใด ๆ สำหรับความเสียหายหรือการสูญเสียที่เป็นผลมาจากการซื้อขายของคุณหรือการพึ่งพาของคุณในข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้
ห้ามใช้ จัดเก็บ ทำซ้ำ แสดงผล ดัดแปลง ส่งผ่าน หรือ แจกจ่ายข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้โดยไม่ได้รับการอนุญาตล่วงหน้าอย่างชัดแจ้งแบบเป็นลายลักษณ์อักษรจาก Fusion Media และ/หรือจากผู้ให้ข้อมูล ผู้ให้ข้อมูลขอสงวนสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาและ/หรือการแลกเปลี่ยนข้อมูลที่ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้
Fusion Media อาจได้รับผลตอบแทนจากผู้โฆษณาที่ปรากฎบนเว็บไซต์โดยอิงจากปฏิสัมพันธ์ของคุณที่มีกับโฆษณาหรือผู้โฆษณา
เวอร์ชั่นภาษาอังกฤษของเอกสารฉบับนี้เป็นเวอร์ชั่นหลักซึ่งจะเป็นเวอร์ชั่นที่เหนือกว่าเมื่อใดก็ตามที่มีข้อขัดแย้งไม่สอดคล้องตรงกันระหว่างเอกสารเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษกับเอกสารเวอร์ชั่นภาษาไทย