🥇 กฎข้อแรกของการลงทุนหรือ? รู้ว่าเมื่อใดควรประหยัด! รับส่วนลดสูงสุด 55% สำหรับ InvestingPro ก่อนโปรโมชั่น BLACK FRIDAY จะหมดเขตรับส่วนลด

สรุปรายงานผลประกอบการ Q2: ยักษ์ใหญ่แท่งวงการเทคฯ และค้าปลีกคือผู้ชนะ

โดยInvesting.com
ผู้เขียนHaris Anwar
เผยแพร่ 20/08/2563 18:01
US500
-
BA
-
CVX
-
CAT
-
MSFT
-
GOOGL
-
AAPL
-
AMZN
-
XOM
-
WMT
-
TGT
-
CL
-
META
-
GOOG
-

ผ่านพ้นกันไปแล้วกับการรายงานผลประกอบการไตรมาสที่ 2 ปี 2020 แม้จะเป็นไตรมาสที่นักวิเคราะห์หลายๆ สำนักมองว่าเป็นไตรมาสที่หนักที่สุดของปี 2020 เพราะบริษัทโดยส่วนใหญ่ต่างได้รับผลกระทบจากวิกฤตโรคระบาดแต่ก็มีบางบริษัท (โดยเฉพาะยักษ์ใหญ่แห่งวงการค้าปลีกและเทคโนโลยี) ที่ได้พิสูจน์ตัวเองแล้วว่าสามารถมีตัวเลขผลประกอบการที่ดีในช่วงปัญหาเศรษฐกิจรุมเร้าได้

จากการรายงานผลประกอบการของบริษัทค้าปลีกรายใหญ่ในสัปดาห์นี้แสดงให้ถึงการเติบโตของยอดขายจากการสั่งซื้อของออนไลน์ให้ไปส่งยังบ้านของผู้บริโภคโดยตรง เมื่อวานนี้บริษัททาร์เก็ต (NYSE:TGT) ห้างยักษ์ใหญ่ของวงการค้าปลีกสหรัฐฯ ได้รายงานตัวเลขผลประกอบการรายไตรมาสที่เติบโตมากที่สุดในประวัติศาสตร์จากการค้าของออนไลน์ เมื่อเทียบยอดขายจากทั้งแบบปกติและแบบออนไลน์ใน 12 เดือนล่าสุดที่สิ้นสุดในวันที่ 1 สิงหาคมพบว่ายอดขายทางออนไลน์เพิ่มขึ้นมากกว่า 24% คิดเป็นการเพิ่มขึ้น 2 เท่าจากไตรมาสที่ 1 ในเดือนพฤษภาคม สินค้าของทาร์เก็ตที่ได้รับความนิยมหลักๆ ก็คืออาหาร สินค้าอิเล็กทรอนิกส์และสินค้าต่างๆ ที่เกี่ยวกับการปรับปรุงบ้านTarget 1-Year Chart.

เมื่อพูดถึงวงการค้าปลีกจะไม่พูดถึงวอลล์มาร์ท (NYSE:WMT) ก็คงไม่ได้ รายงานผลประกอบการของวอลล์มาร์ทสามารถเอาชนะตัวเลขคาดการณ์จากนักวิเคราะห์ไปได้ด้วยตัวเลขยอดขายที่เพิ่มขึ้น 9.3% จากร้านขายปลีกดั้งเดิมและมียอดขายจากออนไลน์เพิ่มขึ้นถึง 97% ชี้ให้เห็นพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปซื้อของออนไลน์เพิ่มมากขึ้นWalmart 1-Year-Chart.

ตัวเลขผลประกอบการที่ดีของทาร์เก็ตและวอลล์มาร์ทเชื่อว่าต้องสร้างความหนักใจให้กับบริษัทที่ได้ชื่อเป็นผู้ค้าปลีกออนไลน์รายใหญ่ที่สุดของโลกในตอนนี้อย่างแอมาซอน (NASDAQ:AMZN) อยู่บ้างไม่มากก็น้อย ถึงกระนั้นตัวเลขยอดขายของแอมาซอนในช่วงไตรมาสที่ 2 ก็เพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่าเมื่อเทียบจากช่วงเวลาเดียวกันในปี 2019 แอมาซอนยังสามารถรายงานผลประกอบการออกมาได้อย่างน่าอัศจรรย์ทั้งๆ ที่บริษัทได้ใช้เงินประมาณ $4,000 ล้านเหรียญสหรัฐไปกับการเสริมเสถียรภาพให้กับซัพพลายเชนและการรักษาพนักงานของบริษัทเอาไว้Amazon 1-Year Chart.

แม้ว่าผู้ค้าปลีกรายใหญ่จะได้ประโยชน์ไปอย่างมหาศาลจากการปิดล็อกเมืองและมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบแรกที่ช่วยให้ผู้บริโภคยังมีกำลังในการจับจ่ายใช้สอย แต่ภาพรวมอนาคตเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ยังไม่แน่นอนตราบใดที่พรรคเดโมแครตและรีพับลิกันยังไม่สามารถตกลงกันเรื่องตัวเลขการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบที่ 2 ได้

ยักษ์ใหญ่แห่งวงการเทคฯ มีแต่จะแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ

ถึงเศรษฐกิจจะถูกโจมตีด้วยภัยไวรัสโรคระบาดแต่ยักษ์แห่งวงการเทคโนโลยีสหรัฐฯ ไม่ว่าจะเป็นแอปเปิล (NASDAQ:AAPL) เฟซบุ๊ก (NASDAQ:FB) อัลฟาเบต (NASDAQ:GOOGL) และไมโครซอฟต์ (NASDAQ:MSFT) ต่างก็สามารถรายงานผลประกอบการออกมาได้ “ดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์” หมดทั้งสิ้น กอบโกยเงินมากกว่าพันล้านดอลลาร์กลับบ้านไปได้อย่างไม่มีปัญหา สิ่งที่ทำให้บริษัททั้ง 4 สามารถทำผลงานได้ยอดเยี่ยมถึงเพียงนี้ก็ต้องยกเครดิตให้กับโครงสร้างทางธุรกิจที่เน้นไปทางการซื้อขายออนไลน์  การมีปฏิสัมพันธ์บนโลกโซเชียลและการให้ความสำคัญกับการเก็บข้อมูลบนคลาวด์Facebook 1-Year Chart.

สดๆ ร้อนๆ เลยกับเมื่อวานนี้ที่บริษัทแอปเปิลสามารถทำสถิติกลายเป็นบริษัทแรกในประวัติศาสตร์โลกที่มีมูลค่าตลาดสูงเกิน $2,000,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ตลอดทั้งปี 2020 หุ้นของแอปเปิลทะยานขึ้นมาแล้วมากกว่า 60% มีราคาปิดล่าสุดอยู่ที่ $462.83Apple 1-Year Chart.

ในทางกลับกันบริษัทรุ่นเก่าๆ กลับกำลังพยายามหนีตายอย่างสุดกำลัง ยกตัวอย่างเช่นบริษัทโบอิ้ง (NYSE:BA) ผู้ผลิตชิ้นส่วนเครื่องบินรายใหญ่และแคเทอร์พิลลาร์ (NYSE:CAT) บริษัทค้าขายอุปกรณ์ก่อสร้างที่กำลังประสบปัญหาผู้คนเดินทางด้วยเครื่องบินน้อยลงและอาจจะกลับไปจุดก่อนโควิดไม่ได้ตราบใดที่ยังไม่มีวัคซีนต้านโควิดออกมาอย่างเป็นทางการ

ในการรายงานผลประกอบการครั้งล่าสุดของโบอิ้งพวกเขาต้องปลดพนักงานเพิ่มและยังต้องลดค่าใช้จ่ายในส่วนของการผลิตชิ้นส่วนเครื่องบินบางส่วนออก ที่สำคัญเครื่องบินรุ่น 737 MAX ที่เคยเป็นข่าวแม้ว่าอาจจะสามารถกลับมาบินขึ้นฟ้าได้อีกครั้งในไตรมาสที่ 4 แต่ก็ต้องรอดูทิศทางของนักเดินทางในช่วงเวลาดังกล่าวด้วย ความเชื่อใจของผู้คนที่มีต่อการเดินทางอาจจะยังไม่สามารถกลับมาได้เร็วขนาดนั้นBoeing 1-Year Chart.

ยอดขายของบริษัทแคเทอร์พิลลาร์ที่เน้นการขายวัสดุอุปกรณ์ก่อสร้างให้กับประเทศแทบเอเชียแปซิฟิกลดลง 10% ในไตรมาสที่ 2 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปี 2019 และมียอดขายเพียง 54% ในสหรัฐอเมริกาทางตอนเหนือ ภาพรวมแล้วยักษ์ใหญ่แห่งวงการก่อสร้างรายนี้เริ่มตกที่นั่งลำบากมากขึ้นโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อจีนเดินหน้าเข้าแข่งขันเพื่อแย่งชิงตลาดในฝั่งเอเชียมากขึ้น  Caterpillar 1-Year Chart.

บริษัทผู้ผลิตน้ำมันยังไม่ฟื้นตัวจากภัยโควิด

เป็นที่ทราบกันดีว่าบริษัทผู้ผลิตน้ำมันต่างก็กำลังประสบปัญหาราคาน้ำมันตกต่ำมาตั้งแต่ไตรมาสที่ 1 แม้ว่าตอนนี้ราคาน้ำมันจะสามารถกลับขึ้นมามีราคาซื้อขายอยู่ที่ $42 ได้แต่นั่นก็ยังไม่พอที่จำให้บริษัทผู้ผลิตน้ำมันเหล่านี้สามารถบริหารธุรกิจในมือของพวกเขาได้ ดังนั้นพวกเขาจึงต้องใช้กลยุทธ์อื่นเข้ามาช่วยลดต้นทุนเช่น การลดงบประมาณการจัดการ บางแห่งถึงกับตั้งลดเงินปันผลเลยทีเดียว

เมื่อพูดถึงบริษัทผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ของสหรัฐฯ ก็ต้องพูดถึง 2 บริษัทอย่างเอ็กซอนโมบิล (NYSE:XOM) และเชฟรอน (NYSE:CVX) รายงานผลประกอบการไตรมาสที่ 2 ปี 2020 จากทั้ง 2 บริษัทชี้ให้เห็นว่าพวกเขาต้องอดทนกับแผลที่เกิดขึ้นอุปสงค์น้ำมันที่ลดลงมากเพียงใด

ในไตรมาสที่ 2 เชฟรอนสูญเงินไปมากถึง $8,300 ล้านเหรียญสหรัฐซึ่งถือเป็นความสูญเสียที่มากที่สุดนับตั้งแต่ปี 1998 ตัวเลขดังกล่าวแสดงให้เห็นถึงการหดตัวของผลกำไรเป็นอย่างมากเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปี 2019 ที่เชฟรอนเคนได้กำไร $4,300 ล้านเหรียญสหรัฐ

Chevron 1-Year Chart.

สถานการณ์ของเอ็กซอนโมบิลก็ไม่ต่างจากของเชฟรอนมากนัก ในไตรมาสที่ 2 ปี 2020 เอ็กซอนเผยว่ากำไรของบริษัทขาดทุนถึง $1,100 ล้านเหรียญสหรัฐเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปีที่แล้วที่ได้กำไรอยู่ที่ $3,100 ล้านเหรียญสหรัฐ นี่คือการรายงานผลประกอบการรายไตรมาสที่ขาดทุนต่อเนื่องของบริษัทเป็นครั้งแรกของศตวรรษนี้และเอ็กซอนก็ได้ยอมรับกับเหล่านักลงทุนว่าไม่สามารถดำเนินการตามแผนในการฟื้นฟูสภาพคล่องของบริษัทได้ในไตรมาสนี้Exxon 1-Year Chart.

โดยสรุปแล้ว

รายงานผลประกอบการไตรมาสที่ 2 จะว่าไปแล้วก็มีแต่เรื่องที่น่าเหลือเชื่อ ดัชนี S&P 500 กลับสามารถฟื้นตัวแบบ V-Shape จนสร้างจุดสูงสุดใหม่ได้ในไตรมาสที่ใครๆ ต่างก็บอกว่าน่ากลัวที่สุด ยักษ์ใหญ่แห่งเทคฯ และค้าปลีกต่างก็มีความสุขกันทั่วหน้าและได้ประโยชน์จากภัยโรคระบาดในขณะที่ธุรกิจในยุคเก่าแค่คิดถึงคำว่า “เอาตัวรอด” ยังลำบาก

ความคิดเห็นล่าสุด

กำลังโหลดบทความถัดไป...
การเปิดเผยความเสี่ยง: การซื้อขายตราสารทางการเงินและ/หรือเงินดิจิตอลจะมีความเสี่ยงสูงที่รวมถึงความเสี่ยงต่อการสูญเสียจำนวนเงินลงทุนของคุณบางส่วนหรือทั้งหมดและอาจไม่เหมาะสมกับนักลงทุนทั้งหมด ราคาของเงินดิจิตอลแปรปรวนอย่างมากและอาจได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอกต่าง ๆ เช่น เหตุการณ์ทางการเงิน กฎหมายกำกับดูแล หรือ เหตุการณ์ทางการเมือง การซื้อขายด้วยมาร์จินทำให้ความเสี่ยงทางการเงินเพิ่มขึ้น
ก่อนการตัดสินใจซื้อขายตราสารทางการเงินหรือเงินดิจิตอล คุณควรตระหนักดีถึงความเสี่ยงและต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายในตลาดการเงิน ควรพิจารณาศึกษาอย่างรอบคอบในด้านวัตถุประสงค์การลงทุน ระดับประสบการณ์ และ การยอมรับความเสี่ยงและแสวงหาคำแนะนำทางวิชาชีพหากจำเป็น
Fusion Media อยากเตือนความจำคุณว่าข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้ไม่ใช่แบบเรียลไทม์หรือเที่ยงตรงแม่นยำเสมอไป ข้อมูลและราคาที่แสดงไว้บนเว็บไซต์ไม่ใช่ข้อมูลที่ได้รับจากตลาดหรือตลาดหลักทรัพย์เสมอไปแต่อาจได้รับจากผู้ดูแลสภาพคล่องและดังนั้นราคาจึงอาจไม่เที่ยงตรงแม่นยำและอาจแตกต่างจากราคาจริงในตลาดซึ่งหมายความว่าราคานี้เป็นเพียงราคาชี้นำและไม่เหมาะสมสำหรับวัตถุประสงค์เพื่อการซื้อขาย Fusion Media และผู้ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้จะไม่รับผิดชอบใด ๆ สำหรับความเสียหายหรือการสูญเสียที่เป็นผลมาจากการซื้อขายของคุณหรือการพึ่งพาของคุณในข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้
ห้ามใช้ จัดเก็บ ทำซ้ำ แสดงผล ดัดแปลง ส่งผ่าน หรือ แจกจ่ายข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้โดยไม่ได้รับการอนุญาตล่วงหน้าอย่างชัดแจ้งแบบเป็นลายลักษณ์อักษรจาก Fusion Media และ/หรือจากผู้ให้ข้อมูล ผู้ให้ข้อมูลขอสงวนสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาและ/หรือการแลกเปลี่ยนข้อมูลที่ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้
Fusion Media อาจได้รับผลตอบแทนจากผู้โฆษณาที่ปรากฎบนเว็บไซต์โดยอิงจากปฏิสัมพันธ์ของคุณที่มีกับโฆษณาหรือผู้โฆษณา
เวอร์ชั่นภาษาอังกฤษของเอกสารฉบับนี้เป็นเวอร์ชั่นหลักซึ่งจะเป็นเวอร์ชั่นที่เหนือกว่าเมื่อใดก็ตามที่มีข้อขัดแย้งไม่สอดคล้องตรงกันระหว่างเอกสารเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษกับเอกสารเวอร์ชั่นภาษาไทย