ขอขอบคุณภาพประกอบจาก:TradingView
แม้ว่าเมื่อวันพุธดัชนี S&P 500 หรือตลาดหุ้นที่รวมของ 500 บริษัทที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในสหรัฐฯ จะสามารถขึ้นไปสร้างจุดสูงสุดตลอดกาลใหม่ได้อันเป็นผลมาจากการปรับตัวขึ้นของหุ้นในกลุ่มเทคโนโลยียักษ์ใหญ่แต่ก่อนที่ตลาดจะปิดลงตัวดัชนีก็ปรับตัวลดลงมา
ไล่กันมาตั้งแต่หุ้นของบริษัทเฟซบุ๊ก (NASDAQ:FB) จ้าของซื้อโซเชียลมีเดียที่มีผู้ใช้งานมากที่สุดในโลกกระโดดขึ้นมาในวันพุธวันเดียว 3.75% หรือคิดเป็น 26.6% ตั้งแต่ต้นปี 2020 จนถึงปัจจุบัน ต่อมาบริษัทแอปเปิล (NASDAQ:AAPL) เจ้าของโทรศัพท์มือถือชื่อดัง “ไอโฟน (iPhone)” ปรับตัวขึ้นในวันเดียวกัน 3.3% และตลอดทั้งปี 2020 ขึ้นมาแล้ว 53.8% ในขณะที่ไมโครซอฟท์ (NASDAQ:MSFT) ปรับตัวขึ้น 2.9% คิดเป็น 32.65% ตลอดทั้งปี 2020 และแอมาซอน (NASDAQ:AMZN) ขึ้นมา 2.6% คิดเป็น 71.25% ตลอดทั้งปี
ที่น่าแปลกใจก็คือว่าหุ้นของบริษัทอัลฟาเบต (NASDAQ:GOOG) ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของกูเกิลและถือเป็น 1 ใน 5 เทพหุ้นเทคฯ (FAANG) กลับทำผลงานได้แย่กว่าเพื่อนๆ ตลอดทั้งวันพุธปรับตัวขึ้นเพียง 1.8% และมีการวิ่งตลอดทั้งปี 2020 มาจนถึงปัจจุบันเพียง 12.7% เท่านั้น สำหรับกูเกิลเราเคยพูดไว้ในบทความเปรียบเทียบความสามารถในการเติบโตของเฟซบุ๊กและกูเกิลเมื่อวันที่ 4 สิงหาคมแล้วว่าทั้ง 2 บริษัทมีความต่างในโครงสร้างทางธุรกิจอย่างไรซึ่งในวันนั้นเรายังมองว่ากูเกิลอาจจะพอปรับตัวขึ้นไปได้ แต่มาวันนี้เราคิดว่าหุ้นกูเดิลกำลังอ่อนแรงลงเรื่อยๆ
การเกิดขึ้นของรูปแบบธงลู่ขึ้นคือการยืนยันว่ารูปแบบหัวไหล่ (Head & Shoulder) ของหุ้นกูเกิลสร้างเสร็จเรียบร้อยซึ่งโดยปกติแล้วรูปแบบหัวไหล่คือสัญญาณบ่งบอกถึงแนวโน้มขาลง ที่สำคัญรูปแบบธงนี้ยังเกิดเหนือจุดสูงสุดของเดือนมิถุนายนด้วย (เส้นประสีดำ)
ทั้งรูปแบบธงและรูปแบบหัวไหล่ที่เกิดขึ้นอาจส่งราคาหุ้นกูเกิลลงไปจนถึงเส้นเทรนด์ไลน์ขาขึ้นเส้นทึบที่ลากมาตั้งแต่วันที่ 4 พฤษภาคมซึ่งเส้นแนวต้านนี้เกิดขึ้นในบริเวณที่เป็นช่องว่างของราคาพอดี ถ้าลองจินตนาการว่ากราฟได้ลงมาถึงเส้นเทรนด์ไลน์นี้จริงสิ่งที่นักลงทุนจะได้เห็นคือรูปแบบหัวไหล่ในภาพที่ใหญ่ขึ้น
เมื่อพูดถึงขาลงสิ่งที่ต้องพิจารณาก็คือแนวรับ จากในภาพเราจะเห็นว่ากราฟมีแนวรับที่ใกล้ที่สุดคือเส้นค่าเฉลี่ย 50 วันและแนวรับของเส้นเทรนด์ไลน์ในกรอบรูปแบบธง แนวรับสำคัญที่อยู่ไกลกว่านั้นก็จะมีเส้นค่าเฉลี่ย 100 และ 200 วันที่อยู่ต่ำกว่าเส้นเทรนด์ไลน์ขาขึ้นสีทึบอีกที
ในส่วนของอินดิเคเตอร์เราจะเริ่มพิจารณากันที่แท่งวอลลุ่มกันก่อน จากรูปจะเห็นว่ามีแท่งวอลลุ่มแท่งเทียนที่ทะลุขึ้นมาใหญ่ที่สุดซึ่งแท่งเทียนแท่งนั้นแสดงให้เห็นถึงการเข้ามาของนักลงทุนขาลงหลังจากที่ได้เห็นรูปแบบหัวไหล่เกิดขึ้นแล้ว ถัดมาอินดิเคเตอร์ 3 สหายอย่าง RSI, MACD และ ROC ต่างก็ส่งสัญญาณไดเวอร์เจนต์ขาลงแล้วทั้งหมด ชี้ให้เห็นว่าแม้ราคาจะยังอยู่ในแนวโน้มขาขึ้นแต่เป็นขาขึ้นที่หมดแรงและพร้อมเข้าสู่การพักฐาน หากว่ากราฟเข้าสู่ขาลงจริงเป็นไปได้ว่าหุ้นกูเกิลอาจลงมาถึงระดับราคา 1,200 เลยก็เป็นได้
สรุปสั้นๆ เราวิเคราะห์ว่าหุ้นกู้เกิลในตอนนี้แม้จะอยู่ในแนวโน้มขาขึ้นอยู่แต่ก็เป็นขาขึ้นที่อ่อนแรงเต็มที่แล้ว การทะลุเส้นเทรนด์ไลน์สีดำทึบลงมาได้จะเป็นการยืนยันการเปลี่ยนแนวโน้มจากขึ้นเป็นลงที่สมบูรณ์ซึ่งเราเชื่อว่าขาขึ้นของหุ้นกูเกิลจะทรงตัวอยู่ได้อีกไม่นาน
กลยุทธ์การเทรด
เทรดเดอร์ที่ไม่ชอบความเสี่ยง จะรอจนกว่ากราฟสามารถทะลุเส้นเทรนด์ไลน์ขาขึ้นเส้นทึบลงมาได้และก่อเกิดเป็นรูปแบบหัวไหล่ขนาดใหญ่จึงจะยอมวางคำสั่งขาย แต่ถ้าจะวางคำสั่งซื้อพวกเขาจะรอให้กราฟทะลุระดับราคา $1,600 ขึ้นมาให้ได้ก่อน
เทรดเดอร์ที่รับความเสี่ยงได้ปานกลาง จะรอจนกว่ากราฟจะสร้างรูปแบบธงเสร็จสิ้นและไม่ว่าราคาจะทะลุด้านไหนก็จะตามแนวโน้มฝั่งนั้นไป
เทรดเดอร์ที่รับความเสี่ยงได้สูง จะวางคำสั่งขายทันทีเพื่อให้คำสั่งซื้อขายของตัวเองมี stop-loss ที่อยู่ใกล้กับจุดสูงสุดของรูปแบบหัวไหล่เล็กมากที่สุด
ตัวอย่างการเทรด (ขาลง)
- จุดเข้า: $1,507
- Stop-Loss: $1,517 (เหนือจุดสูงสุดของวันที่ 7 สิงหาคมหรือจุดสูงสุดของรูปแบบธง)
- ความเสี่ยง: $10
- เป้าหมายในการทำกำไร:$1,427 (เหนือเส้นเทรนไลน์เส้นทึบที่ลากมาตั้งแต่เดือนพฤษภาคม)
- ผลตอบแทน: $80
- อัตราความเสี่ยงต่อผลตอบแทน: 1:8