เมื่อวานนี้ ขณะที่หลายคนกำลังวางแผนพาคุณแม่ว่า วันนี้จะไปเที่ยวที่ไหนดี หรือ จะมีของขวัญอะไรให้แม่ของเรา ณ ขณะนั้นเองที่ราคาทองคำในตลาดโลกโดนเทขายอย่างรุนแรง และรวดเร็วมากครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์เลยก็ว่าได้ เกิดเหตุการณ์อะไรขึ้น ผมจะมาลำดับให้อ่านกัน
1. ราคาทอง Spot Gold XAU/USD ขึ้นไปทำจุดสูงสุดตลอดการในวันที่ 7 ส.ค. ที่ระดับ $2,070 ซึ่งเบื้องหลังปัจจัยที่ทำให้ราคาทองขยับขึ้นมาในรอบนี้ ผมเคยโพสไปแล้ว ไม่ว่าจะเป็น การอ่อนค่าของดอลล่าร์สหรัฐฯ, การเกิด Negative Real Yield, การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19, สงครามระหว่างมหาอำนาจสหรัฐฯกับจีน และ การที่งบดุลของเฟดขยับขึ้นช้า คนก็กลัวว่า มาตรการช่วยเศรษฐกิจจะออกมาไม่ทันท่วงที สิ่งเหล่านี้ ทำให้ Investment Demand ในราคาทองมีมาอย่างต่อเนื่อง
2. รู้ได้ไงว่าทองวิ่งรอบนี้ มาจาก Investment Demand? เพราะยอดการสะสมซื้อทองคำแท่งของกองทุนทองคำที่เรียกว่า ETF ทั้งโลกพุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจนถึงเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว รวมกันถือขึ้นมากกว่า 3,700 ตัน หากเปรียบเทียบกับช่วงต้นปีก่อนโลกจะเจอโควิด-19 ตอนเดือนม.ค. อยู่ที่ 3,000 ตัน ก็ขยับขึ้นมามากกว่า 23% ทีเดียว
3. แต่ราคาทอง Spot Gold หากนับในช่วงเวลาเดียวกันตั้งแต่ต้นปีจนถึงระดับ All Time High ขยับขึ้นมามากกว่า 35% ก็แสดงให้เห็นว่า ไม่ใช่แค่ Demand จากกองทุน ETF เพียงอย่างเดียว แต่ก็มีมาจากที่อื่นด้วย นั่นก็คือ มาจาก Gold Futures อีกส่วนหนึ่ง
4. แล้วเมื่อวานเกิดอะไรขึ้น ราคาทองถึงร่วงแรง? ต้องบอกก่อนว่า ในบรรดาปัจจัยที่ดันราคาทองมาถึงจุดนี้ทั้งหมด ที่ผมบอกไว้ในข้อ 1. ผมมองว่า การอ่อนค่าของดอลล่าร์สหรัฐฯ เป็นปัจจัยที่สำคัญที่สุด ซึ่งความสัมพันธ์ของ 2 ประเภทสินทรัพย์นี้ ก็ชัดเจนว่า เพราะเมื่อวันที่ราคาทองทำจุดสูงสุดวันที่ 7 ส.ค. คือ วันที่ Dollar Index ทำจุดต่ำสุดในเวลาเดียวกัน โดยวันนั้น Dollar Index ลงมาทำจุดต่ำสุดระหว่างวันที่ 92.52 จุด ก่อนที่จะดีดกลับขึ้นมา 93.84 จุด ณ เวลาที่ผมเขียนบทความนี้อยู่ (10 โมงครึ่งของวันที่ 12 ส.ค.)
5. แต่ถ้าดูการขยับแข็งค่าของ US Dollar Index ครั้งนี้ ก็จะพบว่าไม่ได้แข็งเร็วหรือรุนแรงอะไรมากมาย แล้วทำไมราคาทองถึงลงได้แรงกว่า? พอลองไปดู ก็พบว่า อีกปัจจัยที่เริ่มกลับทิศก็คือ Real Yield ซึ่งเคยติดลบไปถึง -1.08% เมื่อวันที่ 6 ส.ค. อยู่ดีๆ ก็ติดลบน้อยลงเหลือต่ำกว่า -1% ณ ตอนนี้ (ทั้งนี้ Real Yield หาได้จากการเอา อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล (Nominal Bond Yield) หักลบด้วย Breakeven Inflation) ซึ่งในช่วง 2 วันที่ผ่านมา พบว่า อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลเพิ่มสูงขึ้น จากการที่มีแรงขายพันธบัตรสหรัฐฯออกมา
6. แรงขายพันธบัตรที่ออกมา ส่งผลทำให้ US Government Bond Yield ทุกช่วงอายุปรับตัวสูงขึ้น สาเหตุเพราะกระทรวงการคลังสหรัฐฯเตรียมออกพันธบัตรชุดใหม่มาเพื่อนำมาช่วยเหลือและเยียวยาเศรษฐกิจ หลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ไม่รอการตกลงในสภา และลงนามใน Executive Order ในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาว่าจะขยายสิทธิประโยชน์การว่างงานของรัฐบาลกลางเป็น $400 ต่อสัปดาห์ เพื่อรองรับการประมูลที่วงเงินเพิ่มขึ้น เลยมีความพยายามจาก Dealers Bond ที่จะทำให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรในตลาดขยับสูงขึ้นบ้าง
7. ขณะที่ความต้องการทองเพื่อป้องกันความเสี่ยงจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 จะทำให้เศรษฐกิจทรุดลงไปอีก ก็กลับมาลดลงในช่วงเวลาเดียวกัน หลังประธานาธิบดีรัสเซีย นายวลาดิมีร์ ปูติน เปิดเผยเมื่อวานว่า รัสเซียขึ้นทะเบียนวัคซีนไวรัสโควิด-19 แล้วเป็นประเทศแรกของโลก และพร้อมนำไปใช้ได้ทันที ทั้งนี้เจ้าหน้าที่รัสเซียเผยว่า จะเริ่มผลิตวัคซีนออกมาเป็นปริมาณมากขึ้นในเดือน ก.ย. นี้ ส่วนการผลิตเพื่อนำมาใช้กับคนจำนวนมากจะเริ่มเร็วที่สุดในเดือน ต.ค. ซึ่งเร็วกว่าที่ตลาดคาดการณ์ว่าโลกจะได้วัคซีนต้นปี 2021
8. แรงขายทองในรอบนี้ จากข้อมูล Bloomberg พบว่า มาจากกองทุน Gold ETF ค่อนข้างแน่ (แม้ตอนนี้ผมจะยังไม่มีข้อมูลแรงขายของวันที่ 11 ส.ค.) เพราะวันที่ 10 ส.ค. สำนักข่าว Bloomberg iยงานว่า มีแรงขายในกองทุน SPDR Gold Trust ซึ่งเป็นกองทุน Gold ETF ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ออกมาวันเดียวสูงถึง $382 million ซึ่งถือว่าเป็นแรงขายวันเดียวที่หนักที่สุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค. เลยทีเดียว
9. สรุปคือ 3 ปัจจัยมาบรรจบกันในเวลาอันสั้น ก็คือ การหยุดอ่อนค่าของดอลล่าร์สหรัฐฯ , Real Yield ขยับขึ้นมาจากการที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรปรับตัวสูงขึ้น และ ความต้องการทองในการป้องกันความเสี่ยงลดลง ส่งผลให้ ณ เวลานี้ ราคาทองลงมาต่ำกว่า $1,900 หรือ ติดลบภายใน 24 ชม. มากกว่า -6% ไปแล้ว
10. สมาคมค้าทองคำไทย ประกาศราคาทองคำแท่งเช้านี้ร่วงคืนเดียวลงมาอยู่ที่ 27,750 บาท ร่วงจากเมื่อวานถึง 1,400 บาท (จุดสูงสุดคือ วันที่ 3 ส.ค. 30,300)
11. แล้วราคาจะเป็นอย่างไรต่อไป ไปดูมุมมองทางเทคนิค เคยบอกไปแล้วเมื่อปลายเดือนก.ค. ว่า เราไม่ควรไล่ราคา เพราะว่า ราคาทองโลกห่างจากเส่นค่าเฉลี่ย 20 วัน มากเกินไป มีความเสี่ยงเจอแรงเทขายรุนแรง และมันก็เพิ่งมาเกิดขึ้นเอาเมื่อวานนี้
แนวรับทองรอบนี้ มีตรงเส้นค่าเฉลี่ย 50 วันที่ระดับ $1,856 และ Fibonacci Retracement 61.80% ของคลื่นขาขึ้นรอบใหญ่นับตั้งแต่เดือนมี.ค. อยู่ที่ $1,837 ซึ่งต้องบอกว่าคลื่นขาขึ้นลูกต่อไปของทอง (ถ้ายังมีนะ) ไม่น่าจะชันเหมือนลูกที่ผ่านมา
ส่วนว่าจะกลับเป็นขาลงทันทีเลยไหม ยังตอบยากมากว่า เพิ่งจะลงมาแค่ 2 วันเอง รอดูกันไปก่อนครับ
บทความนี้ได้รับการเผยแพร่ครั้งแรกบนเพจ MrMessengerDiary
Mr.Messenger รายงาน