Earning results
► (BK:TASCO) รายงานรายได้ใน 2Q63 อยู่ที่ 6,542 ลบ. เติบโต 28.0%QoQ เพราะ Demand ที่ เร่งเข้ามาจากช่วง Working season ของตลาดต่างประเทศโดยเฉพาะในประเทศจีน ขณะที่ ตลาดในประเทศได้แรงหนุนจากการเร่งใช้งบประมาณปี 2563 แต่ลดลง 39.3%YoY เป็นผล จากคำสั่งซื้อที่ชะลอออกไปในช่วงการระบาดของ COVID – 19 และราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัว ลงอย่างรวดเร็วในช่วงเดือน มี.ค. ส่งผลให้ราคาขายยางมะตอยลดลงเช่นกัน อย่างไรก็ตาม ราคาขายยางมะตอยทยอยฟื้นตัวจากราว US$200/ตัน ในเดือน พ.ค. 63 ขึ้นมายืนเหนือ ระดับ US$300/ตัน ในปัจจุบัน นอกจากนี้ ช่วงระบาด COVID – 19 ทำให้โรงกลั่นหลายแห่ง ในภูมิภาคลดกำลังการผลิตลง ทำให้ Supply ยางมะตอยตึงตัว หนุนราคาขายยางมะตอย
► GPM ใน 2Q63 อยู่ที่ 38.3% ดีกว่าที่เราคาดที่ 24.7% พลิกลับมาเป็นบวกจากที่ -12.8% ใน 1Q63 และ +8.5% ใน 2Q62 เนื่องจากราคาน้ำมันดิบที่เริ่มฟื้นตัวใน 2Q63 ส่งผลให้บริษัทมี การบันทึกกำไรสต๊อกน้ำมันดิบในที่ 2,103 ลบ.จากที่บันทึกขาดทุนสต๊อกน้ำมันดิบใน 1Q63 ที่ 2,163 ลบ. และมี Hedging loss เพียง 164 ลบ. ใน 2Q63 ต่ำกว่าที่เราคาดไว้ที่ราว 800 ลบ. ขณะที่ราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวลงแรงจะทำให้บริษัทมีต้นทุนการผลิตที่ต่ำ และจะเห็น ผลอย่างชัดเจนใน 2Q63 เป็นต้นไป
► TASCO มีการบันทึกขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน 52 ลบ., บันทึกขาดทุนจากการด้อยค่า สินทรัพย์ทางการเงิน 33 ลบ. และค่าใช้จ่ายสำหรับการเช่าถังน้ำมันดิบและเหตุการณ์ไฟไหม้ อีก 23 ลบ. รวม 107 ลบ. จึงมีกำไรสุทธิใน 2Q63 อยุ่ที่ 1,719 ลบ. ขณะที่กำไรปกติอยู่ที่ 1,826 ลบ. พลิกจากขาดทุน 751 ลบ. ใน 1Q63 ซึ่งดีกว่าที่เราคาดที่ 1,302 ลบ. หรือราว 40.3%
Our Take
► คาดกำไรปกติใน 3Q63 จะชะลอลง QoQ เพราะไม่มีการบันทึกผลกำไรจากสต๊อกน้ำมันดิบ ที่สูงอย่างใน 2Q63 แต่คำสั่งซื้อจะกลับมาโดดเด่นใน 3Q63 เนื่องจากเป็นไตรมาสแรกที่ ภาคธุรกิจกลับมาดำเนินงานปกติเต็มไตรมาสภายหลังจากคลายมาตรการ Lock down รวมทั้งเป็นไตรมาสสุดท้ายสำหรับการเบิกจ่ายงบประมาณปี 2563 และคำสั่งซื้อจากจีนที่ เพิ่มขึ้นเพื่อเร่งซ่อมแซมถนนจากเหตุการณ์น้ำท่วม ขณะที่ 4Q63 มีแรงหนุนจากงบประมาณ ปี 2564 และเป็นช่วง Working season ของประเทศอินโดนีเซีย ทำให้ผลกำไรปกติใน 2H63 คาดจะทรงตัว – เติบโต HoH
► กำไรใน 1H63 เท่ากับ 1,075 ลบ. คิดเป็น 53.1% ของประมาณการกำไรปกติทั้งปี เราจึง ยังคงประมาณการกำไรปกติปี 2563 ที่ 2,024 ลบ. ลดลง 17.5%YoY ได้รับผลกระทบจาก การที่ราคาน้ำมันดิบปรับตัวแรงในช่วงต้นปี 2563 และโรคระบาด COVID –19 ทำให้คำสั่ง ซื้อทั้งในและต่างประเทศต้องชะลอออกไป ส่งผลให้ราคายางมะตอยปรับตัวลงในช่วงต้นปี อย่างไรก็ตาม เราคาดกำไรปกติในปี 2564 จะกลับมาเติบโตที่ 3,008 ลบ. (+48.6%YoY) จากการที่ภาคธุรกิจกลับมาดำเนินงานได้ปกติเต็มปี และได้รับประโยชน์จากมาตรการ IMO2020 ทำให้ผลิตภัณฑ์ผลพลอยได้ยางมะตอยลดลง หนุนราคาขายในระยะยาว
► อย่าไรก็ตาม ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นมาราว 55.4% หลักจากที่เราแนะนำซื้อ ณ ราคาปิดวันที่ 10 ส.ค. 63 อยู่ที่ 28.75 บาทต่อหุ้นสูงกว่าราคาเหมาะสม ณ 2Q64 ที่ 26.0 บาทต่อหุ้น อิงที่ PER 16.4x (+1.0SD) ไม่เหลือ Upside เราจึงยังคงคำแนะนำ “TRADING” พร้อมคาดเงิน ปันผลทั้งปี 2563 ที่ 1.0 บาทต่อหุ้น หรือให้ผลตอบแทนราว 3.6%
► ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งได้สะท้อนผลกำไรที่เติบโตเด่นใน 2Q63 ไปแล้ว บางส่วน ระยะสั้น หากราคาหุ้นปรับตัวขึ้นมาเรามองเป็นโอกาสในการทำกำไรเพื่อ Lock-inProfit บางส่วน
บทวิเคราะห์นี้จัดทำขึ้นและเผยแพร่โดยทีมนักวิเคราะห์ของ Yuanta Securities