เฝ้าระวังปัญหาความขัดแย้งระหว่างจีน-สหรัฐฯ
- สัปดาห์ที่ผ่านมา แม้ว่าข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯจะออกมาดีกว่าคาด แต่ความขัดแย้งระหว่างจีนกับสหรัฐฯที่ร้อนแรงขึ้นก็อาจกระทบการฟื้นตัวเศรษฐกิจได้
- ระวังความขัดแย้งระหว่างจีนกับสหรัฐฯ โดยตลาดจะรอลุ้นผลการเจรจาการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐฯ ในวันที่ 15 สิงหาคม ซึ่งอาจกดดันให้ตลาดปิดรับความเสี่ยง (Risk-off) ได้ หากการเจรจาประสบความล้มเหลว
- เงินดอลลาร์จะยังเป็นที่ต้องการของตลาด ท่ามกลางความเสี่ยงสงครามการค้า ปัญหาค่าเงินลีราตุรกีและการระบาดของ COVID-19ทั้งนี้เงินดอลลาร์อาจเผชิญแรงขายจากบรรดาผู้ส่งออก เมื่อเคลื่อนไหวเข้าใกล้ 31.30
- กรอบเงินบาทสัปดาห์หน้า 30.85-31.35 บาท/ดอลลาร์
มุมมองนโยบายการเงิน
- การประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินธนาคารกลางนิวซีแลนด์ (RBNZ) ในวันพุธ ตลาดคาดว่า RBNZ จะ“คง”อัตราดอกเบี้ยนโยบาย (Cash Rate) ไว้ที่ระดับ 0.25%ทั้งนี้ RBNZ อาจส่งสัญญาณพร้อมใช้นโยบายการเงินที่ผ่อนคลายมากขึ้น อาทิ นโยบายดอกเบี้ยติดลบและการอัดฉีดสภาพคล่อง (QE) หลังค่าเงิน NZD แข็งค่าขึ้นต่อเนื่องและอาจกระทบการฟื้นตัวเศรษฐกิจได้
มุมมองเศรษฐกิจทั่วโลก
- ฝั่งสหรัฐฯ –ตลาดประเมินว่าการฟื้นตัวของการบริโภคในสหรัฐฯอาจเรื่มอ่อนแรงลงสะท้อนจากยอดค้าปลีก (Retail Sales) ในเดือนกรกฎาคมที่จะขยายตัวเหลือ 1.9% จากเดือนก่อนหน้า ลดลงจากที่ขยายตัวราว 8% ในเดือนมิถุนายน ขณะเดียวกันความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่สำรวจโดยมหาวิทยาลัยมิชิแกน (UofM Consumer Sentiment) ในเดือนสิงหาคม ก็อาจลดลงสู่ระดับ 71.9จุด จาก 72.5จุดในเดือนก่อนหน้า จากปัญหาการระบาดของ COVID-19 ที่ยังรุนแรงอยู่ในหลายพื้นที่
- ฝั่งยุโรป – ตลาดอาจมีความเชื่อมั่นต่อการฟื้นตัวเศรษฐกิจเยอรมนีลดลง ชี้จากดัชนีความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจเยอรมนี (ZEW Economic Sentiment) ในเดือนสิงหาคมที่จะลดลงจากระดับ 59.3จุด สู่ระดับ 55.6จุด ท่ามกลางความกังวลการระบาดระลอกที่ 2 ของ COVID-19ในเยอรมนีและความเสี่ยงสงครามการค้าระหว่างจีน-สหรัฐฯ และยุโรป-สหรัฐฯ ที่อาจกระทบการฟื้นตัวเศรษฐกิจ ทั้งนี้ในไตรมาสที่ 2 เศรษฐกิจอังกฤษและยูโรโซนจะหดตัวราว 22% และ 15% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน ตามลำดับ สะท้อนถึงภาวะเศรษฐกิจถดถอยที่รุนแรงจากมาตรการควบคุมการระบาด COVID
ฝั่งเอเชีย – ตลาดคาดว่าเศรษฐกิจจีนจะเดินหน้าฟื้นตัวต่อเนื่อง โดยในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมายอดผลผลิตอุตสาหกรรม(IndustrialProduction) จะเพิ่มขึ้นราว 5.1% จากปีก่อนหน้า ส่วนยอดค้าปลีก (Retail Sales) จะพลิกกลับมาโต 0.1% ดีขึ้นจากที่หดตัวราว 2% ในเดือนก่อนหน้า ขณะที่ยอดการลงทุนในสินทรัพย์ถาวร (Fixed Asset Investment) แม้จะหดตัวราว 1.6% แต่ก็ดีขึ้นจากที่หดตัวกว่า 3% ในเดือนมิถุนายน อย่างไรก็ดี การฟื้นตัวเศรษฐกิจจีนอาจเผชิญความไม่แน่นอนมากขึ้น เพราะสหรัฐฯพร้อมใช้มาตรการกีดกันการค้าและการลงทุนกับจีนเพิ่มเติม หากการเจรจาเกี่ยวกับข้อตกลงการค้าเฟส 1 กับสหรัฐฯ ในวันที่ 15 สิงหาคมนี้ประสบความล้มเหลว