รับส่วนลด 40%
ใหม่! 💥 รับ ProPicks เพื่อดูกลยุทธ์ที่ให้ผลตอบแทน ชนะดัชนี S&P 500 มากกว่า 1,183% รับส่วนลด 40%

คาดการณ์ผลประกอบการ: ยอดขาย Disney ไตรมาส 3 ร่วงเซ่นพิษโควิด-19

โดยInvesting.com
ผู้เขียนHaris Anwar
เผยแพร่ 04/08/2563 17:55

- ดิสนีย์จะรายงานผลประกอบการไตรมาสที่ 3 ปี 2020 ในวันอังคารที่ 4 สิงหาคมหลังตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิด
- คาดการณ์ตัวเลขผลกำไร: $12,400 ล้านเหรียญสหรัฐ
- คาดการณ์ตัวเลขการปันผลกำไรต่อหุ้น: -$0.61

การถามว่าวันนี้ราคาทองคำจะวิ่งไปทางไหนยังตอบง่ายกว่าการที่จะหาเหตุผลมาสักข้อเพื่อซื้อหุ้นของอาณาจักรมิกกี้เมาส์หรือ “ดิสนีย์” (NYSE:DIS) ในเวลานี้ โควิด-19 ยังคงเป็นปัจจัยหลักที่รุมเร้าธุรกิจหลักของดิสนีย์ไม่ว่าจะเป็นดิสนีย์แลนด์และรีสอร์ทส่วนธุรกิจภาพยนตร์และรายการโทรทัศน์ก็ไม่สามารถทำกำไรได้อย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วยในยุคที่โรงภาพยนตร์ 1 โรงไม่สามารถรับความจุได้เต็มอัตราเหมือนอย่างที่เคยเป็นในยุคก่อนโควิด 

นักลงทุนจะได้เข้าใจถึงสาเหตุว่าทำไมดิสนีย์ยังจะต้องรับผลกระทบเชิงลบต่อไปจากการรายงานผลประกอบการในช่วงเช้าของวันพรุ่งนี้ที่จะสรุปสิ่งที่เกิดขึ้นในช่วงระหว่างเดือนเมษายนมาจนถึงเดือนมิถุนายนซึ่งเป็นช่วงเวลาที่รีสอร์ทและโรงภาพยนตร์ของดิสนีย์ในหลายๆ พื้นที่ทั่วโลกถูกสั่งให้ระงับการบริการชั่วคราว นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่ากำไรของบริษัทดิสนีย์ในไตรมาสที่ 3 จะลดลง 40% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวในในปีที่แล้ว ตัวเลขการปันผลกำไรต่อหุ้นจะติดลบ $0.61 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้วที่เคยปันผลได้ $1.35 ตลอดทั้งปี 2020 หุ้นดิสนีย์ปรับตัวลดลง 20% และมีราคาปิดล่าสุดเมื่อวานนี้อยู่ที่ $116.35DIS Weekly TTM

ข่าวล่าสุดเกี่ยวกับสถานการณ์โควิด-19 ที่เกี่ยวข้องกับดิสนีย์คือรัฐฟลอริด้าและพื้นที่บางแห่งในสหรัฐฯ ที่มีดิสนีย์แลนด์ตั้งอยู่ยังไม่สามารถเปิดให้บริการได้ ที่ฮ่องกงนอกจากจะมีปัญหาการเมืองแล้วก็ยังได้รับผลกระทบจากโควิดจนดิสนีย์แลนด์ที่ฮ่องกงก็ถูกสั้งปิดด้วยเช่นกันตัดความเป็นไปได้ของข่าวดีจากดิสนีย์แลนด์ในการรายงานผลประกอบการรอบนี้ค่อนข้างจะแน่นอนแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อเดือนที่แล้วดิสนีย์พึ่งออกมาประกาศเลื่อนการเข้าฉายหนัง “มู่หลาน” ออกไปจากวันที่ 21 สิงหาคมออกไปอย่างไม่มีกำหนดรวมถึงการพูดถึงอนาคตของหนัง “สตาร์ วอร์” และ “อวาตาร์” ออกไปเป็นปีหน้า

วิกฤตในระยะยาวของดิสนีย์

ผู้บริหารระดับสูงของดิสนีย์กำลังพยายามจำแนกระยะเวลาของผลกระทบที่จะเกิดกับแต่ละผลิตภัณฑ์ทำเงินของบริษัทเพื่อประเมินว่าธุรกิจไหนที่น่าจะได้รับผลกระทบเป็นลำดับสุดท้าย 

บทวิเคราะห์จากนาย Cowen นักวิเคราะห์ของ Wall Street Journal ระบุว่า “ความยากของการกลับมาเปิดให้บริการในครั้งนี้ไม่ได้ถูกควบคุมจากบริษัทเจ้าของกิจการ แต่ถูกกำหนดจากภาครัฐ ผู้บริโภค โรคระบาดและความสามารถในการกลับมาทำงานได้ของลูกจ้าง ดังนั้นการประเมินผลกระทบในวิกฤตครั้งนี้จึงเป็นสิ่งที่ไม่เคยมีใครเคยเจอมาก่อน” นอกจากนี้เขายังประเมินว่ากว่าดิสนีย์จะสามารถกลับมาทำกำไรได้จากดิสนีย์แลนด์ในระดับที่เคยเป็นก่อนยุคโควิดอาจจะต้องรอไปจนถึงปี 2025

อีกหนึ่งนักวิเคราะห์นาย Doug Creutz กล่าวว่า “หุ้นดิสนีย์แม้จะเป็นตัวเลือกสำหรับการลงทุนระยะยาวที่ดี แต่หากจะถือหุ้นดิสนีย์เอาไว้ในตอนนี้ก็อาจจะต้องอดทนรอกันสักระยะหนึ่งอย่างน้อยก็จนกว่าวิกฤตโควิด-19 จะหมดไปจากสหรัฐฯ หลังจากนั้นถึงจะสามารถมาประเมินความเสียหายที่เกิดขึ้นกันได้จริงๆ” สรุปสั้นๆ ก็คือดิสนีย์ในตอนนี้ไม่มีทางเลือกมากนอกจากใช้วิธีลดต้นทุนที่จำเป็น

ที่ผ่านมาดิสนีย์ได้ตัดสินใจลดค่าใช้จ่ายบางส่วนลงแล้วและพนักงานบางส่วนจาก 1 แสนคนที่ทำงานในสวนสนุกยังได้รับการว่าจ้างอยู่แต่ไม่ได้ค่าจ้างให้ได้ซึ่งเราหวังว่าในการรายงานผลประกอบการครั้งนี้จะได้เห็นดิสนีย์ออกมาประกาศว่าจะทำเช่นไรกับเรื่องนี้ต่อไป

ความหวังเดียวที่ดิสนีย์เหลืออยู่ในตอนนี้คือธุรกิจภาพยนตร์สตรีมมิ่ง “ดิสนีย์พลัส (Disney+)” ที่พึ่งเปิดตัวไปเมื่อปลายปีที่แล้ว ถือเป็นความโชคดีอย่างมากที่ธุรกิจนี้ทำกำไรได้ในช่วงที่มีการปิดล็อกเมือง ช่วงเวลานั้นดิสนีย์พลัสได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว มีผู้ใช้งานมากถึง 56 ล้านคนนับตั้งแต่การเปิดตัว แม้ว่าตอนนี้จะเหมือนกับเป็นการเอาเงินไปทิ้งแต่เชื่อว่าหลังจากวิกฤตโควิด-19 ผ่านไปดิสนีย์พลัสจะเป็นหนึ่งในธุรกิจหลักที่สามารถหาเงินให้กับดิสนีย์ได้อย่างต่อเนื่อง

อ้างอิงข้อมูลจากธนาคารเพื่อการลงทุนชื่อดังโกลด์แมน แซคส์ระบุว่าตอนนี้นักลงทุนกำลังประเมินความแข็งแกร่งของดิสนีย์พลัสต่ำเกินไป โกลด์แมนคาดว่าดิสนีย์พลัสจะสามารถมียอดสมาชิกเพิ่มขึ้นถึง 150 ล้านคนในปี 2025 ซึ่งเป็นตัวเลขที่ใกล้เคียงกับคู่แข่งคนสำคัญอย่างเน็ตฟลิกซ์ (NASDAQ:NFLX) ในตอนนี้

โดยสรุปแล้ว

มีความเป็นไปได้น้อยมากที่เราจะได้เห็นตัวเลขในรายงานผลประกอบการครั้งนี้ของดิสนีย์สามารถหลุดออกจากภาวะถดถอยได้เพราะยังมีธุรกิจและภาพยนตร์มากมายของดิสนีย์ที่ต้องถูกชะลอหรือเลื่อนออกไปก่อน โดยเฉพาะอย่างยิ่งธุรกิจที่ทำกำไรได้ 30% จากกำไรทั้งหมดของบริษัทอย่างดิสนีย์แลนด์ แต่จากชื่อเสียงและประวัติศาสตร์อันยาวนานของบริษัทก็ยังทำให้เชื่อว่าดิสนีย์จะมีสายป่านที่ยาวพอจนเอาตัวรอดจากวิกฤตครั้งนี้ไปได้แต่อาจต้องใช้ระยะเวลานานในระดับหนึ่ง

ความคิดเห็นล่าสุด

การเปิดเผยความเสี่ยง: การซื้อขายตราสารทางการเงินและ/หรือเงินดิจิตอลจะมีความเสี่ยงสูงที่รวมถึงความเสี่ยงต่อการสูญเสียจำนวนเงินลงทุนของคุณบางส่วนหรือทั้งหมดและอาจไม่เหมาะสมกับนักลงทุนทั้งหมด ราคาของเงินดิจิตอลแปรปรวนอย่างมากและอาจได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอกต่าง ๆ เช่น เหตุการณ์ทางการเงิน กฎหมายกำกับดูแล หรือ เหตุการณ์ทางการเมือง การซื้อขายด้วยมาร์จินทำให้ความเสี่ยงทางการเงินเพิ่มขึ้น
ก่อนการตัดสินใจซื้อขายตราสารทางการเงินหรือเงินดิจิตอล คุณควรตระหนักดีถึงความเสี่ยงและต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายในตลาดการเงิน ควรพิจารณาศึกษาอย่างรอบคอบในด้านวัตถุประสงค์การลงทุน ระดับประสบการณ์ และ การยอมรับความเสี่ยงและแสวงหาคำแนะนำทางวิชาชีพหากจำเป็น
Fusion Media อยากเตือนความจำคุณว่าข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้ไม่ใช่แบบเรียลไทม์หรือเที่ยงตรงแม่นยำเสมอไป ข้อมูลและราคาที่แสดงไว้บนเว็บไซต์ไม่ใช่ข้อมูลที่ได้รับจากตลาดหรือตลาดหลักทรัพย์เสมอไปแต่อาจได้รับจากผู้ดูแลสภาพคล่องและดังนั้นราคาจึงอาจไม่เที่ยงตรงแม่นยำและอาจแตกต่างจากราคาจริงในตลาดซึ่งหมายความว่าราคานี้เป็นเพียงราคาชี้นำและไม่เหมาะสมสำหรับวัตถุประสงค์เพื่อการซื้อขาย Fusion Media และผู้ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้จะไม่รับผิดชอบใด ๆ สำหรับความเสียหายหรือการสูญเสียที่เป็นผลมาจากการซื้อขายของคุณหรือการพึ่งพาของคุณในข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้
ห้ามใช้ จัดเก็บ ทำซ้ำ แสดงผล ดัดแปลง ส่งผ่าน หรือ แจกจ่ายข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้โดยไม่ได้รับการอนุญาตล่วงหน้าอย่างชัดแจ้งแบบเป็นลายลักษณ์อักษรจาก Fusion Media และ/หรือจากผู้ให้ข้อมูล ผู้ให้ข้อมูลขอสงวนสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาและ/หรือการแลกเปลี่ยนข้อมูลที่ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้
Fusion Media อาจได้รับผลตอบแทนจากผู้โฆษณาที่ปรากฎบนเว็บไซต์โดยอิงจากปฏิสัมพันธ์ของคุณที่มีกับโฆษณาหรือผู้โฆษณา
เวอร์ชั่นภาษาอังกฤษของเอกสารฉบับนี้เป็นเวอร์ชั่นหลักซึ่งจะเป็นเวอร์ชั่นที่เหนือกว่าเมื่อใดก็ตามที่มีข้อขัดแย้งไม่สอดคล้องตรงกันระหว่างเอกสารเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษกับเอกสารเวอร์ชั่นภาษาไทย