รับส่วนลด 40%
ใหม่! 💥 รับ ProPicks เพื่อดูกลยุทธ์ที่ให้ผลตอบแทน ชนะดัชนี S&P 500 มากกว่า 1,183% รับส่วนลด 40%

อัตราการเติบโตของ Amazon ไม่น่ามีปัญหาแต่ค่าใช้จ่ายที่สูงเกินไปอาจกระทบต่อตัวเลขผลกำไร

โดยInvesting.com
ผู้เขียนHaris Anwar
เผยแพร่ 30/07/2563 12:02

- แอมะซอนจะรายงานผลประกอบการไตรมาสที่ 2 ปี 2020 ในวันพฤหัสบดีที่ 30 กรกฎาคมหลังตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ ปิด
- คาดการณ์ตัวเลขผลประกอบการ: 81,090 ล้านเหรียญสหรัฐ
- คาดการณ์ตัวเลขการปันผลกำไรต่อหุ้น: $1.38

นักลงทุนผู้ถือหุ้นของบริษัทผู้ค้าปลีกออนไลน์รายใหญ่ของโลกอย่างแอมะซอน (NASDAQ:AMZN) คงไม่ต้องรู้สึกเป็นกังวลอะไรมากนักเพราะแอมะซอนมีโครงสร้างทางธุรกิจที่ดีอยู่แล้วและยิ่งการมาของโรคระบาดโควิด-19 ยิ่งตอกย้ำว่าการค้าขายด้วยระบบออนไลน์หรือ e-commerce นั้นมีความสำคัญมากเพียงใดเมื่อโควิดบังคับให้ผู้คนต้องอยู่แต่ในบ้านพวกเราจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องซื้อของออนไลน์

ความแข็งแกร่งที่ว่านี้จะเป็นที่ประจักษ์ในการรายงานตัวเลขผลประกอบการของบริษัทแอมะซอนในไตรมาสที่ 2 คาดการณ์กันว่ายอดขายของบริษัทจะเติบโตขึ้น 28% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปี 2019 ความคาดหวังบนอัตราการเติบโตที่โตขึ้นอย่างก้าวกระโดดนี้ทำให้ตลอดทั้งปี 2020 จนถึงปัจจุบันหุ้นแอมะซอนขึ้นมาแล้ว 62% และมีราคาปิดล่าสุดอยู่ที่ $3033.53

AMZN Weekly TTM

แม้ว่าการค้าขายบนตลาดออนไลน์จะสร้างกำไรให้กับแอมะซอนเป็นอย่างมากแต่นั่นก็ยังไม่ใช่ส่วนที่ทำกำไรให้กับบริษัทได้สูงสุดเพราะแอมะซอนเป็นบริษัทผู้ให้บริการเปิดพื้นที่ให้สมาชิกสามารถใช้งานบนระบบคลาวด์ที่ใหญ่ที่สุดของโลกด้วยและ “Amazon Web Service (AWS)” คือส่วนที่ทำกำไรให้กับแอมะซอนได้มากที่สุด

AWS สามารถทำให้แอมะซอนสามารถทำการตลาดแบบ “สินค้าไม่ถูกใจยินดีคืนเงิน” ได้ มีการทำโปรโมชั่นส่งเสริมการค้าแบบดุดันแบบที่ไม่มีใครกล้าทำและการค้าอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ราคาถูกแต่สามารถใช้งานได้จริง ในไตรมาสที่ 1 AWS สร้างยอดขายให้กับแอมะซอนได้มากถึง 33% และดูเหมือนว่าการรายงานผลประกอบการในช่วงเช้าของวันพรุ่งนี้แอมะซอนจะสามารถแสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งทางเทคโนโลยีได้อีกครั้งหนึ่ง

อย่างไรก็ตามเทคโนโลยีที่ล้ำหน้าก็มักจะตามมาด้วยค่าใช้จ่ายที่แพงขึ้น ก่อนหน้านี้แอมะซอนได้ออกมาเตือนเหล่านักลงทุนของตนเองแล้วว่าในไตรมาสที่ 2 อาจจะเป็นไตรมาสที่แสดงให้เห็นถึงตัวเลขของความสามารถในการทำกำไรต่ำที่สุดเพราะนอกจากจะต้องจ่ายเงินไปกับการพัฒนาเทคโนโลยีสุดล้ำแล้วแอมะซอนยังต้องจ่ายเงินเพิ่มขึ้นเพื่อให้การขนส่งทั้งในและต่างประเทศยังสามารถดำเนินการต่อไปได้โดยไม่มีสะดุดในช่วงวิกฤตโรคระบาด

เจฟฟ์ เบซอส CEO ของแอมะซอนกล่าวเมื่อเดือนเมษายนในการรายงานผลประกอบการไตรมาสที่ 1 เอาไว้ว่า “ในสถานการณ์ปกติเราคาดการณ์ไว้ว่ากำไรในไตรมาสที่ 2 จะอยู่ที่ $4000 ล้านเหรียญสหรัฐหรือมากกว่านั้น แต่เพราะตอนนี้ไม่ใช่สถานการณ์ปกติผมจึงคิดว่าเราจะใช้เงิน $4000 ล้านเหรียญนี้ในการใช้จ่ายกับค่าใช้จ่ายที่จำเป็นและรวมไปถึงการรักษาพนักงานของเราเอาไว้”

แอมะซอนยังคงขยายอาณาจักรอย่างต่อเนื่อง

ถึงจำเป็นต้องมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นแต่นักลงทุนระยะยาวก็ไม่ได้เป็นห่วงกับการจัดการของเจฟฟ์มากนักเพราะที่ผ่านมาเจฟฟ์ใช้เทคโนโลยีทำให้ผู้ถือหุ้นรู้สึกสบายใจได้ตลอดด้วยศูนย์กลางข้อมูลที่สามารถติดตามข้อมูลของการลงทุนและการขยายอาณาจักร e-commerce ได้ ที่สำคัญการลงทุนใน e-commerce ก่อนของแอมะซอนเป็นการปิดกั้นคู่แข่งให้ไม่สามารถขึ้นมาทำบริษัท e-commerce แข่งกับแอมะซอนได้โดยง่าย

นอกจากนี้เจฟฟ์ยังได้เลือกกระจายความเสี่ยงและเพิ่มโอกาสการเติบโตของบริษัทไปยังธุรกิจส่วนอื่นๆ นอกจากการขายของออนไลน์ยังมีการเปิดพื้นที่ฝากโฆษณา การมีช่องเป็นของตัวเองอย่าง Amazon Prime และมีหนังหรือซีรีส์ออกมาแข่งกับคู่แข่งคนสำคัญอย่างเน็ตฟลิกซ์ (NASDAQ:NFLX) และ HBO (NYSE:T) ยิ่งไปกว่านั้นเจฟฟ์ยังไม่หยุดกระจายความเสี่ยงเพราะแอมะซอนได้ควบรวม “Whole Foods Market” ในปี 2017 และกำลังพยายามสร้างร้านสะดวกซื้อที่ไม่มีแคชเชียร์

โดยสรุปแล้ว

แม้ตัวเลขผลกำไรของแอมะซอนในไตรมาสนี้อาจจะไม่โดดเด่นแต่ยอดขายของแอมะซอนเชื่อว่ามีแต่จะเติมโตขึ้นเรื่อยๆ สำหรับนักลงทุนระยะยาวการลงมาของหุ้นแอมะซอนคือการย่อและเปิดโอกาสให้เข้าซื้อหุ้นเพิ่มเพราะโลกต่อจากนี้คือการก้าวเข้าสู่ยุคดิจิทัลที่ทั้งวโลกถูกเชื่อมเข้าด้วยกัน

ความคิดเห็นล่าสุด

การเปิดเผยความเสี่ยง: การซื้อขายตราสารทางการเงินและ/หรือเงินดิจิตอลจะมีความเสี่ยงสูงที่รวมถึงความเสี่ยงต่อการสูญเสียจำนวนเงินลงทุนของคุณบางส่วนหรือทั้งหมดและอาจไม่เหมาะสมกับนักลงทุนทั้งหมด ราคาของเงินดิจิตอลแปรปรวนอย่างมากและอาจได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอกต่าง ๆ เช่น เหตุการณ์ทางการเงิน กฎหมายกำกับดูแล หรือ เหตุการณ์ทางการเมือง การซื้อขายด้วยมาร์จินทำให้ความเสี่ยงทางการเงินเพิ่มขึ้น
ก่อนการตัดสินใจซื้อขายตราสารทางการเงินหรือเงินดิจิตอล คุณควรตระหนักดีถึงความเสี่ยงและต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายในตลาดการเงิน ควรพิจารณาศึกษาอย่างรอบคอบในด้านวัตถุประสงค์การลงทุน ระดับประสบการณ์ และ การยอมรับความเสี่ยงและแสวงหาคำแนะนำทางวิชาชีพหากจำเป็น
Fusion Media อยากเตือนความจำคุณว่าข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้ไม่ใช่แบบเรียลไทม์หรือเที่ยงตรงแม่นยำเสมอไป ข้อมูลและราคาที่แสดงไว้บนเว็บไซต์ไม่ใช่ข้อมูลที่ได้รับจากตลาดหรือตลาดหลักทรัพย์เสมอไปแต่อาจได้รับจากผู้ดูแลสภาพคล่องและดังนั้นราคาจึงอาจไม่เที่ยงตรงแม่นยำและอาจแตกต่างจากราคาจริงในตลาดซึ่งหมายความว่าราคานี้เป็นเพียงราคาชี้นำและไม่เหมาะสมสำหรับวัตถุประสงค์เพื่อการซื้อขาย Fusion Media และผู้ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้จะไม่รับผิดชอบใด ๆ สำหรับความเสียหายหรือการสูญเสียที่เป็นผลมาจากการซื้อขายของคุณหรือการพึ่งพาของคุณในข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้
ห้ามใช้ จัดเก็บ ทำซ้ำ แสดงผล ดัดแปลง ส่งผ่าน หรือ แจกจ่ายข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้โดยไม่ได้รับการอนุญาตล่วงหน้าอย่างชัดแจ้งแบบเป็นลายลักษณ์อักษรจาก Fusion Media และ/หรือจากผู้ให้ข้อมูล ผู้ให้ข้อมูลขอสงวนสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาและ/หรือการแลกเปลี่ยนข้อมูลที่ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้
Fusion Media อาจได้รับผลตอบแทนจากผู้โฆษณาที่ปรากฎบนเว็บไซต์โดยอิงจากปฏิสัมพันธ์ของคุณที่มีกับโฆษณาหรือผู้โฆษณา
เวอร์ชั่นภาษาอังกฤษของเอกสารฉบับนี้เป็นเวอร์ชั่นหลักซึ่งจะเป็นเวอร์ชั่นที่เหนือกว่าเมื่อใดก็ตามที่มีข้อขัดแย้งไม่สอดคล้องตรงกันระหว่างเอกสารเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษกับเอกสารเวอร์ชั่นภาษาไทย