รับส่วนลด 40%
ใหม่! 💥 รับ ProPicks เพื่อดูกลยุทธ์ที่ให้ผลตอบแทน ชนะดัชนี S&P 500 มากกว่า 1,183% รับส่วนลด 40%

ความต้องการชิป Intel จะช่วยเพิ่มยอดขายให้บริษัทในไตรมาสที่ 2

โดยInvesting.com
ผู้เขียนHaris Anwar
เผยแพร่ 23/07/2563 17:48
อัพเดท 02/09/2563 13:05

- บริษัทอินเทลจะรายงานผลประกอบการในช่วงเช้าของวันศุกร์ที่ 24 กรกฎาคมตามเวลาประเทศไทยหลังตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ ปิด
- คาดการณ์ผลประกอบการ: $18,530 ล้านเหรียญสหรัฐ
- คาดการณ์ตัวเลขการปันผลกำไรต่อหุ้น (EPS): $1.11

ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าบริษัทผู้ผลิตชิปคอมพิวเตอร์รายใหญ่ที่สุดของโลกนามอินเทล (NASDAQ:INTC) คือหนึ่งในผู้ที่รับประโยชน์จากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 นักลงทุนเชื่อมั่นเป็นอย่างยิ่งว่าหุ้นของอินเทลจะพุ่งขึ้นทันทีที่ได้ทราบรายงานผลประกอบการไตรมาสที่ 2 ที่ออกมาและบอกว่า “มีความต้องการชิปคอมพิวเตอร์ของเราเพื่อใช้บนคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊คมากขึ้นในช่วงที่โควิดทำให้ผู้คนต้องเปลี่ยนมาทำงานอยู่ที่บ้านแทนที่จะออกไปที่ทำงาน”

อินเทลเป็นบริษัทเทคโนโลยีที่น่าจะเรียกได้ว่าได้รับผลกระทบจากโควิดบ้างพอเป็นพิธีเมื่อเทียบกับริษัทผู้ผลิตฮาร์ดแวร์อื่นๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อบริษัททั้งหลายเริ่มตั้งหลักได้และเริ่มสั่งซื้อคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊คให้กับพนักงานบริษัทตัวเองมากขึ้น นอกจากนี้ความต้องการชิปคอมพิวเตอร์เพื่อทำศูนย์กลางข้อมูลของบริษัท การทำวิดีโอคอนเฟอเรนซ์และการสตรีมมิ่งยิ่งทำให้ชิปประมวลผลของอินเทลเป็นที่ต้องการของตลาดมากขึ้น

Intel Weekly Chart

ความต้องการชิปคอมพิวเตอร์เพื่อทำคอมพิวเตอร์พีซีแรงๆ ได้กลายเป็นกระแสหลักในโลกเทคโนโลยีและทำให้ยอดขายชิปอินเทลเพิ่มขึ้น 14% ในไตรมาสแรกและอินเทลยังได้มาอีก 43% จากเฉพาะความต้องชิปเพื่อไปทำศูนย์กลางข้อมูลล้วนๆ  ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมหุ้นของอินเทลจึงสามารถวิ่งขึ้นได้เป็นอย่างมากในช่วงครึ่งปีแรก ล่าสุดเมื่อวานนี้หุ้นอินเทลมีราคาปิดอยู่ที่ $61.08 ขึ้นมาจากจุดต่ำสุดเมื่อเดือนมีนาคม 40% และตลอดทั้งปี 2020 หุ้นอินเทลขึ้นมาแล้วจนถึงปัจจุบัน 2%

ความต้องการนี้จะยั่งยืนไปอีกนานแค่ไหน?

เป็นคำถามที่มาคู่กับขาขึ้นโดยตลอดว่า “ขาขึ้นนี้จะขึ้นไปได้ตลอดหรือไม่” ในฐานะมนุษย์ธรรมดาคนหนึ่งเราก็ไม่สามารถมองเห็นอนาคตและหาคำตอบที่ชัดเจนมาให้กับคำถามนี้ได้ อินเทลอาจจะเจอปัญหายอดขายชะลอตัวลงก็เป็นได้เพราะในช่วงครึ่งปีหลังคือช่วงเวลาที่ตลาดมั่นใจว่าเศรษฐกิจได้ผ่านจุดที่ย่ำแย่ที่สุดมาแล้วนับตั้งแต่ปี 2008

บ๊อบ สวาน CEO ของอินเทลเคยบอกกับนักวิเคราะห์เมื่อเดือนเมษายนว่า “ภาพรวมความต้องการของผู้บริโภคในช่วงครึ่งปีหลังยิ่งไม่มีความชัดเจนมากกว่าครึ่งปีแรกเพราะช่วงต้นปีเรายังมียอดขายมาจากความต้องการคอมพิวเตอร์เพื่อทำงานอยู่บ้านแต่เมื่อทุกคนสามารถออกไปใช้ชีวิตได้ตามปกติแล้วและโลกยังไม่ได้เข้าสู่ยุคดิจิทัล 100% ความต้องการนี้ก็อาจจะชะลอตัวลง”

ในปี 2019 หนึ่งในปัจจัยที่ชะลอความสำเร็จของอินเทลเอาไว้คือความสามารถในการผลิตชิปคอมพิวเตอร์รุ่นใหม่เพราะคู่แข่งคนสำคัญอย่างบริษัท Taiwan Semiconductor Manufacturing (NYSE:TSM) และ Advanced Micro Devices (NASDAQ:AMD) สามารถผลิตชิปคอมพิวเตอร์ที่มีขนาดเล็กกว่าและสามารถกดต้นทุนให้ต่ำกว่าของอินเทลได้ซึ่งอย่างที่รู้กันว่าการผลิตชิปคอมพิวเตอร์คือช่องทางการทำมาหากินหลักของอินเทล

เพื่อจะรักษาตำแหน่งผู้นำแห่งวงการเอาไว้ในปีเดียวกันนั้นเองอินเทลก็ได้ตัดสินใจลงทุนเงินจำนวนมหาศาลเพื่อพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตชิปคอมพิวเตอร์ของตนเองจนสามารถผลิตชิปคอมพิวเตอร์ที่มีขนาดความยาว 10 นาโนเมตรหรือเล็กกว่าขนาดความกว้างของเส้นผมมนุษย์ออกมาได้สำเร็จ แม้ชิปตัวนี้จะสามารถสู้กับผลิตภัณฑ์ของบริษัทคู่แข่งได้อย่างสมน้ำสมเนื้อแต่บริษัทคู่แข่งอื่นๆ โดยเฉพาะ AMD ก็ยังถือว่าเป็นภัยคุกคามอินเทลอยู่ ที่สำคัญคือ AMD เริ่มขยับมาเล่นตลาดศูนย์กลางข้อมูลแล้ว

ล่าสุดข่าวร้ายอีกหนึ่งอย่างของอินเทลคือบริษัทแอปเปิล (NASDAQ:AAPL) ตัดสินใจยุติความสัมพันธ์อันยาวนานตลอด 15 ปีหันมาผลิตชิปประมวลผลเป็นของตัวเองทำให้อินเทลเสียลูกค้ารายใหญ่มากๆ ไปแล้วเรียบร้อย

อย่างไรก็ตามผู้เชี่ยวชาญก็ยังแนะนำให้ซื้อหุ้นของอินเทลเอาไว้เพราะอัตราส่วนราคาต่อผลกำไร (P/E Ratio) ถือว่าอยู่ในจุดที่คุ้มทุนและหุ้นยังมีราคาถูก ที่สำคัญอินเทลไม่เคยละเลยที่จะให้ความสำคัญกับแผนกวิจัยและค้นคว้าของตัวเองเพื่อที่จะสามารถผลิตชิปคอมพิวเตอร์ที่ดีออกมาอีกในอนาคต ในแง่ของการปันผลกำไรรายปีหุ้นอินเทลสามารถปันได้ $1.32 ต่อหุ้นคิดเป็นอัตราการเติบโตประมาณ 7% ต่อปี

โดยสรุปแล้ว

อินเทลยังคงเป็นตัวเลือกอันดับต้นๆ ในวงการเซมิคอนดักเตอร์และยังได้รับประโยชน์จากการแสโลกที่ต้องเปลี่ยนแปลงเข้าสู่ยุคดิจิทัลไวขึ้นเพราะวิกฤตโควิด-19 จากตรงนี้คอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีจะกลายเป็นกระแสหลักของโลกอย่างแท้จริงและนั่นคือเหตุผลว่าทำไมนักลงทุนจึงควรมีหุ้นอินเทลเอาไว้ในพอร์ตการลงทุนระยะยาว  

ความคิดเห็นล่าสุด

ขอบคุณข้อมูลดีๆครับ
thankyou
การเปิดเผยความเสี่ยง: การซื้อขายตราสารทางการเงินและ/หรือเงินดิจิตอลจะมีความเสี่ยงสูงที่รวมถึงความเสี่ยงต่อการสูญเสียจำนวนเงินลงทุนของคุณบางส่วนหรือทั้งหมดและอาจไม่เหมาะสมกับนักลงทุนทั้งหมด ราคาของเงินดิจิตอลแปรปรวนอย่างมากและอาจได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอกต่าง ๆ เช่น เหตุการณ์ทางการเงิน กฎหมายกำกับดูแล หรือ เหตุการณ์ทางการเมือง การซื้อขายด้วยมาร์จินทำให้ความเสี่ยงทางการเงินเพิ่มขึ้น
ก่อนการตัดสินใจซื้อขายตราสารทางการเงินหรือเงินดิจิตอล คุณควรตระหนักดีถึงความเสี่ยงและต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายในตลาดการเงิน ควรพิจารณาศึกษาอย่างรอบคอบในด้านวัตถุประสงค์การลงทุน ระดับประสบการณ์ และ การยอมรับความเสี่ยงและแสวงหาคำแนะนำทางวิชาชีพหากจำเป็น
Fusion Media อยากเตือนความจำคุณว่าข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้ไม่ใช่แบบเรียลไทม์หรือเที่ยงตรงแม่นยำเสมอไป ข้อมูลและราคาที่แสดงไว้บนเว็บไซต์ไม่ใช่ข้อมูลที่ได้รับจากตลาดหรือตลาดหลักทรัพย์เสมอไปแต่อาจได้รับจากผู้ดูแลสภาพคล่องและดังนั้นราคาจึงอาจไม่เที่ยงตรงแม่นยำและอาจแตกต่างจากราคาจริงในตลาดซึ่งหมายความว่าราคานี้เป็นเพียงราคาชี้นำและไม่เหมาะสมสำหรับวัตถุประสงค์เพื่อการซื้อขาย Fusion Media และผู้ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้จะไม่รับผิดชอบใด ๆ สำหรับความเสียหายหรือการสูญเสียที่เป็นผลมาจากการซื้อขายของคุณหรือการพึ่งพาของคุณในข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้
ห้ามใช้ จัดเก็บ ทำซ้ำ แสดงผล ดัดแปลง ส่งผ่าน หรือ แจกจ่ายข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้โดยไม่ได้รับการอนุญาตล่วงหน้าอย่างชัดแจ้งแบบเป็นลายลักษณ์อักษรจาก Fusion Media และ/หรือจากผู้ให้ข้อมูล ผู้ให้ข้อมูลขอสงวนสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาและ/หรือการแลกเปลี่ยนข้อมูลที่ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้
Fusion Media อาจได้รับผลตอบแทนจากผู้โฆษณาที่ปรากฎบนเว็บไซต์โดยอิงจากปฏิสัมพันธ์ของคุณที่มีกับโฆษณาหรือผู้โฆษณา
เวอร์ชั่นภาษาอังกฤษของเอกสารฉบับนี้เป็นเวอร์ชั่นหลักซึ่งจะเป็นเวอร์ชั่นที่เหนือกว่าเมื่อใดก็ตามที่มีข้อขัดแย้งไม่สอดคล้องตรงกันระหว่างเอกสารเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษกับเอกสารเวอร์ชั่นภาษาไทย