หุ้นใน MAI ปรับตัวขึ้นเด่นในปีนี้โดย YTD เหลือลบเพียง -1% เทียบกับ SET INDEX ที่ยังลบ ราว -13% YTD ปัจจัยหนุนสำคัญมาจากสภาพคล่องที่สูง และ Valuation ที่อยู่ในโซนต่ำ เมื่อเทียบกับอดีต แนวโน้มหลังจากนี้เราคาดว่า MAI ยังมีโอกาส Outperform ในช่วง 6-12 เดือน ข้างหน้า เพราะ Spread PBV และ Spread Dividend Yield หรือส่วนต่างในเชิง Valuation ระหว่าง MAI และ SET ยังสะท้อนว่า MAI อยู่ในโซนถูก และเมื่อพิจารณาจากปัจจัยสภาพคล่อง โดยเทียบ Market Cap. กับปริมาณเงินในระบบเศรษฐกิจ เราคาดว่า MAI มีโอกาส ปรับตัวขึ้นได้อีก 15-20% ใน 12 เดือนข้างหน้า ขณะที่่คุณภาพในการทำกำไรของ MAI ดีขึ้นเป็นลำดับ แต่เนื่องจากหุ้นใน MAI มีสภาพคล่องในการซื้อขายที่ไม่สูง เราจึงแนะนำในเชิงกลยุทธ์ โดยให้น้ำหนักเพียง “เก็งกำไร” และคัดเลือกหุ้นจากแนวโน้มผลประกอบการที่โตต่อเนื่อง+ Valuation ยังไม่แพง โดยกำไร 1Q63 ต้องมากกว่า 25% ของกำไรทั้งปีที่ผ่านมา และ แนวโน้ม 2Q63 ยังมีการเติบโต YoY รวมถึง ได้ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของ Theethanat Jindarat ภาครัฐฯ ซึ่งได้แก่STI, TACC, ARROW, AMA, JKN, 2S, SELIC
MAI กลับมาคึกคัก และยังน่าสนใจกว่า SET
นับตั้งแต่ มี.ค. 63 ที่เป็น Bottom ของตลาดในช่วง COVID-19 เราพบพัฒนาการเชิงบวกใน MAI 6 ด้าน ซึ่งทำให้คาดหวังได้ว่า MAI จะ Outperform SET ในอีก 6-12 เดือนข้างหน้า
(1) มูลค่าการซื้อ ขายรายเดือนเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง เป็น 2.4% ของ SET จากเพียง 0.6% ใน มี.ค. 63 สะท้อนความน่าสนใจของหุ้นใน MAI ที่เร่งตัวขึ้น
(2) อัตราส่วนดัชนีระหว่าง MAI / SET เพิ่มขึ้น เป็น 22.4% จาก19.2% ใน มี.ค. 63 สะท้อน หุ้นใน MAI เริ่มกลับมา Outperform หุ้นใน SET
(3) Spread PBV ระหว่าง MAI-SET อยู่ที่ -0.10 เท่า โดย PBV ของ MAI อยู่ที่1.40 เท่า ยังต่า กว่า SET ที่1.49 เท่า ซึ่งถือเป็นโซนด้านล่างเมื่อเทียบบกับอดีต สะท้อนว่า Valuation ของ MAI ยังไม่แพง
(4) Spread Dividend Yield กว้างขึ้น ต่อเนื่องเป็น -0.8% โดย Dividend Yield ของ MAI อยู่ที่ 2.9% ของ SET อยู่ที่3.7% แม้ MAI ให้ปันผลน้อยกว่า SET แต่ส่วนต่างแคบลงมาก
(5) Spread ROE สูงสุดในรอบ 28 เดือนล่าสุดอยู่ที่ -1.5% โดย ROE ของ MAI อยู่ที่6.6% ส่วนของ SET อยู่ที่8.1% แม้ MAI ยังให้ROE น้อยกว่า SET แต่ส่วนต่างแคบลงมาก
(6) Spread GPM สูงสุดในรอบ 14ไตรมาสล่าสุดอยู่ที่4.4% โดยอัตรากำไรขั้นต้นของ MAI อยู่ที่21.6% ส่วนของ SET อยู่ที่17.2%
สภาพคล่องในระบบเศรษฐกิจล้นเหลือ ทำให้เงินมีโอกาสไหลทะลักเข้า MAI
จากการพิจารณาปริมาณเงิน M2 เทียบ Market Cap. ของ SET และ MAI เราพบว่า สภาพคล่องในระบบเศรษฐกิจอยู่ในระดับสูงใกล้เคยีงปี2555 ที่เป็นจุดเริ่มต้นการปรับขึ้น ครั้งใหญ่ ของ MAI ซึ่งถือเป็นปัจจัยสนับสนุนมุมมองของเราว่าหุ้นขนาดกลาง-เล็กยังมีความน่าสนใจ แม้ว่า MAI INDEX จะฟื้นตัวขึ้นมาเร็ว โดยเหลือลบเพยีง -1% YTD เทียบกับ SET INDEX ที่ยัง -13% YTD แต่ด้วยแรงหนุนด้านสภาพคล่อง และปัจจัยพนื้ฐานของ MAI ที่กลับมาแข็งแกร่ง ผนวกกับนโยบายการคลังที่จะเน้นกระตุ้นธุรกิจขนาดกลาง-เล็กมากกว่าขนาดใหญ่ ทำให้เราคาดว่า MAI INDEX ยังมีโอกาส Outperform SET INDEX โดยถ้าอิงปริมาณเงิน M2 ในปัจจุบันที่22.5 ล้านลบ. และค่าเฉลี่ยของ 10 ปีย้อนหลังของอัตราส่วน ปริมาณเงิน M2 ต่อ Market Cap. ของ MAI ที่ 90 เท่า เราคาดว่า Market Cap. ของ MAI จะปรับตัวขึ้นได้อีก 15-20% ในช่วง 12 เดือนข้างหน้า
เน้นทที่หุ้นเล็กกำไรโต STI, TACC, ARROW, AMA, JKN, 2S, SELIC
เราคัดเลือกหุ้นใน MAI จากแนวโน้มผลประกอบการที่โตต่อเนื่องและ Valuation ที่ยังไม่แพง โดยกำไร 1Q63 ต้องมากกว่า 25% ของกำไรทั้งปีที่่ผ่านมา และแนวโน้ม 2Q63 ยังมีการเติบโต YoY รวมถึง ได้ประโยชนจ์ากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐฯ ซึ่งได้แก่ STI, TACC, ARROW, AMA, JKN, 2S, SELIC ทั้งนี้เนื่องจากหุ้นใน MAI หลายตัวเป็นหุ้นทเี่รายังไม่ได้Cover และสภาพคล่องในการซื้อ ขาย ไม่สูง เราจึงแนะนำเป็นเชงิกลยุทธ์และให้นา ้หนักการลงทุนเพียง “เก็งก าไร” เท่านั้น
บทวิเคราะห์นี้จัดทำขึ้นและเผยแพร่โดยทีมนักวิเคราะห์ของ Yuanta Securities