บริษัทอินเทล (NASDAQ:INTC) ซึ่งเป็นผู้ผลิตชิปคอมพิวเตอร์รายใหญ่ที่สุดของสหรัฐอเมริกาจะรายงานผลประกอบการในวันพฤหัสบดีที่ 23 กรกฎาคมนี้หลังจากตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ ปิดซึ่งนักวิเคราะห์คาดกันว่าผลประกอบการครั้งนี้จะสามารถออกมาดีกว่าที่คาดการณ์ ตัวเลขคาดการณ์การปันผลกำไรต่อหุ้นของอินเทลครั้งนี้อยู่ที่ $1.11 ต่อหุ้นในขณะที่ตัวเลขคาดการณ์ผลกำไรอยู่ที่ $18,530 ล้านเหรียญสหรัฐ มากกว่าตัวเลขการปันผลไตรมาสที่ 2 ปี 2019 $1.06 และตัวเลขผลกำไร $15,680 ล้านเหรียญสหรัฐ
การที่ตัวเลขผลประกอบการออกมาดีกว่าที่คาดการณ์ถือเป็นสิ่งที่ดีแต่เพราะไตรมาสที่ 2 คือไตรมาสที่เขาว่ากันว่าจะเป็นไตรมาสที่ตลาดลงทุนได้รับผลกระทบจากโควิด-19 มากที่สุด ดังนั้นแล้วอะไรก็สามารถเกิดขึ้นได้ ในตอนนี้กราฟหุ้นอินเทลมีราคาค่าเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ $60 ซึ่งถือเป็นแนวต้านที่จะขึ้นให้ผ่านไปทีเดียวก็ไม่ยากหรือจะกดราคาให้ลงก็เป็นสิ่งที่สามารถทำได้สบายๆ เพื่อเป็นการเลี่ยงปัญหาพวกนักลงทุนอาจจะช่วยกันดันราคาให้ขึ้นเหนือ $60 ให้ได้โดยเร็วก่อนที่การรายงานผลประกอบการจะออกมาหรือพยายามกดราคาเอาไว้ให้ต่ำกว่า $60 จนกว่าจะได้ทราบตัวเลขก็เป็นได้
เพื่อให้ทุกอย่างมีความชัดเจนขึ้นเราจำเป็นต้องนำการวิเคราะห์ทางเทคนิคเข้ามาช่วย
นับตั้งแต่ช่วงต้นเดือนเมษายนเป็นต้นมาหุ้นอินเทลได้วิ่งปรับตัวอยู่ในกรอบและได้สร้างรูปแบบหัวไหล่ขาลงขึ้นมาเกือบเสร็จแล้วเหลือเพียงแค่ไหล่ขวาที่ต้องตัดเส้น neckline ลงมาเท่านั้น แต่อินดิเคเตอร์ตอนนี้ทั้ง MACD RSI และ ROC กลับส่งสัญญาณของขาขึ้น เส้นค่าเฉลี่ยระยะสั้นใน MACD สามารถตัดเส้นระยะยาวขึ้นมาได้ เส้น ROC หลุดออกนอกกรอบขาลงและหันหัวขึ้นเช่นเดียวกันกับ RSI
จากที่เห็นทั้งตัวกราฟเองและอินดิเคเตอร์ต่างส่งสัญญาณที่ขัดแย้งกัน แม้ว่าราคาจะแสดงพฤติกรรมออกมาว่ามีความเป็นไปได้ที่จะปรับตัวลดลงแต่ตัววอลลุ่ม (Volume) เองก็ยังเข้าข้างฝั่งขาขึ้นมากกว่า ทั้งหมดนี้ชี้ให้เห็นว่าแม้แต่ในหมู่เทรดเดอร์เองยังไม่มีความมั่นใจว่าหุ้นอินเทลสมควรจะวิ่งไปในทิศทางไหนกันแน่ ในตอนนี้เราได้วางกรอบราคาของหุ้นอินเทลเอาไว้ ฝั่งขาขึ้นควรต้องรอให้ราคาขึ้นยืนเหนือจุดสูงสุดของวันที่ 5 มิถุนายน $65.11 ขึ้นไปก่อนในขณะที่ขาลงต้องรอให้ราคาหลุดเส้น neckline หรือ $57 ลงมาให้ได้
ตัวอย่างการเทรด
เทรดเดอร์ที่ไม่ชอบความเสี่ยง จะรอจนกว่าราคาจะเลือกทิศทางที่แท้จริงด้วยการทะลุแนวราคาที่กล่าวถึง ไม่ว่าราคาจะวิ่งขึ้นหรือลงจะต้องวิ่งทะลุแนวราคาไปมากกว่า 3% เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เจอการทะลุหลอก
เทรดเดอร์ที่รับความเสี่ยงได้ปานกลาง จะเทรดแบบเดียวกันกับกลุ่มที่ไม่ชอบความเสี่ยงแต่ขอเพียงทะลุแนวราคา 2% พอและไม่ต้องรอแท่งเทียนยืนยันแนวโน้ม
เทรดเดอร์ที่รับความเสี่ยงสูง ขึ้นหรือลงก็ได้เช่นเดียวกับกลุ่มอื่นๆ แต่ขอเพียงการทะลุ 1% เพื่อยืนยันสัญญาณวางออเดอร์
ตัวอย่างการเทรด (ขาลง)
- จุดเข้า: $56
- Stop-Loss: $58
- ความเสี่ยง: $2
- เป้าหมายในการทำกำไร:$48
- ผลตอบแทน: $8
- อัตราความเสี่ยงต่อผลตอบแทน: 1:4