🥇 กฎข้อแรกของการลงทุนหรือ? รู้ว่าเมื่อใดควรประหยัด! รับส่วนลดสูงสุด 55% สำหรับ InvestingPro ก่อนโปรโมชั่น BLACK FRIDAY จะหมดเขตรับส่วนลด

ความต้องการสินค้า Microsoft มีแต่จะเพิ่มมากขึ้นในโลกยุคดิจิทัล

โดยInvesting.com
ผู้เขียนHaris Anwar
เผยแพร่ 22/07/2563 17:54
MSFT
-

- บริษัทไมโครซอฟท์จะรายงานผลประกอบการปีบัญชีไตรมาสที่ 4 ปี 2020 ในวันพุธที่ 22 กรกฎาคมหลังตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ ปิด
- คาดการผลประกอบการ: $36,430 ล้านเหรียญสหรัฐ
- คาดการณ์ตัวเลขการปันผลกำไรต่อหุ้น (EPS): $1.38

เมื่อพูดถึงการรายงานผลประกอบการทางบัญชีไตรมาสที่ 4 ปี 2020 ของบริษัทผู้สร้างระบบปฏิบัติการคอมพิวเตอร์ที่ใช้กันทั่วโลกอย่างไมโครซอฟท์ (NASDAQ:MSFT) แล้วสิ่งที่ตลาดคาดหวังคือตัวเลขการเติบโตทางธุรกิจที่แสดงให้เห็นว่าไมโครซอฟท์จะยังสามารถครองตลาดเทคโนโลยีได้่ในเศรษฐกิจยุคหลังโควิด-19

ความต้องการของลูกค้าที่ต้องการใช้ระบบพื้นฐานด้วยคลาวด์เพื่อติดต่อสื่อสาร ทำ CRM และงานในรูปแบบต่างๆ เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญหลังจากที่วิกฤตโควิด-19 เข้ามาเมื่อเดือนมีนาคมและบังคับให้พฤติกรรมการทำงานของมนุษย์ต้องเปลี่ยนแปลงไป นั่นคือเหตุผลว่าทำไมเราจึงได้เห็นไมโครซอฟท์ออกผลิตภัณฑ์ใหม่มาเพื่อรองรับการทำงานออนไลน์อย่าง “Microsoft Team”

ธนาคารเพื่อการลงทุนชื่อดังโกลด์แมน แซคส์ยืนคำพูดจาก Comescore ที่รายงานว่า “เฉพาะเดือนพฤษภาคมเดือนเดียวพบว่ามีผู้ใช้งานบนแพลตฟอร์มของไมโครซอฟท์เพิ่มขึ้นมากถึง 943% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปี 2019 ” และจากข้อมูลของไมโครซอฟท์เองพวกเขารายงานว่ามีผู้เข้าใช้งานผลิตภัณฑ์ “Microsoft Team” เฉลี่ยแล้วมี 75 ล้านคนทุกวันในช่วงเดือนเมษายนซึ่งมากกว่ายอดผู้ใช้งาน 3 เดือนก่อนหน้านั้นรวมกัน 3 เท่า

การประมวลผลข้อมูลด้วยระบบคลาวด์มีความสำคัญมากขึ้นมาตั้งแต่ยุคก่อนโควิดและยิ่งกลายเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการทำงานในช่วงโควิดมากขึ้น บริษัทที่ลงทุนเกี่ยวกับเทคโนโลยีหรือไอทีต้องหันมาให้ความสำคัญกับคลาวด์จนเรียกว่าใครไม่ทำมีโอกาสล้มละลายได้เลย การทำงานในยุคนี้ต้องสามารถทำได้จากทั้งบริษัทและที่บ้าน นั่นคือสาเหตุว่าทำไมยอดขายเฉพาะระบบคลาวด์ของไมโครซอฟท์ในการรายงานผลประกอบการไตรมาสล่าสุดถึงสามารถทำเงินให้ไมโครซอฟท์ได้เพิ่มขึ้นถึง 59%

MSFT Weekly TTM

จากความแข็งแกร่งทางธุรกิจทำให้นักลงทุนพากันเข้าถือหุ้นไมโครซอฟท์และหุ้นของบริษัทจึงทะยานสูงขึ้นจากอัตราการเติบโตทางยอดขายในไตรมาสแรก ไมโครซอฟท์จึงสามารถทำผลงานขาขึ้นได้อย่างโดดเด่นมาตลอดปี 2020 ปัจจุบันไมโครซอฟท์ถือเป็นบริษัทที่มีมูลค่าทางการตลาดสูงที่สุดในโลกด้วยตัวเลข $1,600,000 ล้านเหรียญสหรัฐ หุ้นของบริษัทปรับตัวขึ้นตลอดทั้งปี 2020 คิดเป็น 31% คืนกำไรแก่ผู้ถือหุ้นในปี 2019 ประมาณ 60% สร้างจุดสูงสุดของราคาหุ้นเอาไว้ที่ $216.38 เมื่อวันที่ 9 กรกฎาคมและมีราคาปัจจุบันอยู่ที่ $208.75

โลกที่เข้าสู่ยุคดิจิทัลเร็วขึ้น

คำถามที่นักลงทุนทุกคนอยากรู้ตอนนี้คือขาขึ้นของหุ้นไมโครซอฟท์จะไปได้อีกไกลแค่ไหน? ด้วยสถิติการปันผลจากการถือหุ้นมากถึง 33 เท่าทำให้ไม่มีใครอยากขายหุ้นของไมโครซอฟท์และต่อให้ขายก็ขายในราคาที่แพงมากๆ เมื่อเทียบกับบริษัทท๊อป 10 ทางเทคโนโลยีอื่นๆ 

ในความเห็นของเราต้องยอมรับว่าไมโครซอฟท์มองเห็นสิ่งที่เป็นอยู่ในปัจจุบันมาตั้งแต่ 5 ปีที่แล้ว พวกเขาวางแผนปรับตัวเองเข้าสู่ยุคดิจิทัลมาตั้งแต่ตอนนั้นและการมาถึงของโควิดคือการเร่งให้โลกเข้าสู่ยุคดิจิทัลเร็วขึ้นกว่าเดิม นี่คือสาเหตุว่าทำไมความต้องการผลิตภัณฑ์และบริการของไมโครซอฟท์ถึงเพิ่มขึ้นภายในระยะเวลาอันรวดเร็ว อ้างอิงข้อมูลจากไมโครซอฟท์เฉพาะรายได้จากระบบคลาวด์นั้นมากพอที่จะทำให้บริษัทเติบโตไปได้อีก 3-4 ปีข้างหน้าโดยที่ไม่ต้องทำอะไรใหม่เลย

ความสามารถในการปันผลของหุ้นไมโครซอฟท์คือสถิติที่ดีที่สุดตลอดกาลอันหนึ่งของตลาดหุ้นสหรัฐฯ ตั้งแต่ปี 2004 ที่ไมโครซอฟท์เริ่มปันผลจนถึงตอนนี้ไมโครซอฟท์สามารถปันผลได้มากกว่าถึง 4 เท่า ตัวเลขการปันผลต่อปีอยู่ที่ 1.09% และการปันผลในแต่ละไตรมาสที่มีตัวเลขอยู่ที่ $0.51 ต่อหุ้น ตัวเลขอัตราการจ่ายเงินปันผลที่คิดเป็นเปอร์เซ็นต์ของกำไรสุทธิอยู่ที่ 34.67% แสดงให้เห็นว่ายังมีความเป็นไปได้อีกมากที่ไมโครซอฟท์จะสามารถเพิ่มเงินปันผลได้อีกในอนาคต 

โดยสรุปแล้ว

เราเชื่อว่ากำไรของไมโครซอฟท์จะยิ่งมีแต่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ตามวิวัฒนาการของโลกที่เข้าสู่ยุคเศรษฐกิจดิจิทัลและบริษัทยังสามารถรักษาตำแหน่งผู้นำในผลิตภัณฑ์ซอฟท์แวร์อย่างระบบปฏิบัติการ Windows และชุดซอฟท์แวร์ Office ไปได้อีกนาน ความได้เปรียบนี้จะช่วยให้บริษัทสามารถรักษาอัตราการเติบโตของผลกำไรได้ในระยะยาว ถือเป็นหุ้นที่ควรเก็บไว้ในจังหวะที่มีโอกาสเข้าซื้อ

ความคิดเห็นล่าสุด

กำลังโหลดบทความถัดไป...
การเปิดเผยความเสี่ยง: การซื้อขายตราสารทางการเงินและ/หรือเงินดิจิตอลจะมีความเสี่ยงสูงที่รวมถึงความเสี่ยงต่อการสูญเสียจำนวนเงินลงทุนของคุณบางส่วนหรือทั้งหมดและอาจไม่เหมาะสมกับนักลงทุนทั้งหมด ราคาของเงินดิจิตอลแปรปรวนอย่างมากและอาจได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอกต่าง ๆ เช่น เหตุการณ์ทางการเงิน กฎหมายกำกับดูแล หรือ เหตุการณ์ทางการเมือง การซื้อขายด้วยมาร์จินทำให้ความเสี่ยงทางการเงินเพิ่มขึ้น
ก่อนการตัดสินใจซื้อขายตราสารทางการเงินหรือเงินดิจิตอล คุณควรตระหนักดีถึงความเสี่ยงและต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายในตลาดการเงิน ควรพิจารณาศึกษาอย่างรอบคอบในด้านวัตถุประสงค์การลงทุน ระดับประสบการณ์ และ การยอมรับความเสี่ยงและแสวงหาคำแนะนำทางวิชาชีพหากจำเป็น
Fusion Media อยากเตือนความจำคุณว่าข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้ไม่ใช่แบบเรียลไทม์หรือเที่ยงตรงแม่นยำเสมอไป ข้อมูลและราคาที่แสดงไว้บนเว็บไซต์ไม่ใช่ข้อมูลที่ได้รับจากตลาดหรือตลาดหลักทรัพย์เสมอไปแต่อาจได้รับจากผู้ดูแลสภาพคล่องและดังนั้นราคาจึงอาจไม่เที่ยงตรงแม่นยำและอาจแตกต่างจากราคาจริงในตลาดซึ่งหมายความว่าราคานี้เป็นเพียงราคาชี้นำและไม่เหมาะสมสำหรับวัตถุประสงค์เพื่อการซื้อขาย Fusion Media และผู้ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้จะไม่รับผิดชอบใด ๆ สำหรับความเสียหายหรือการสูญเสียที่เป็นผลมาจากการซื้อขายของคุณหรือการพึ่งพาของคุณในข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้
ห้ามใช้ จัดเก็บ ทำซ้ำ แสดงผล ดัดแปลง ส่งผ่าน หรือ แจกจ่ายข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้โดยไม่ได้รับการอนุญาตล่วงหน้าอย่างชัดแจ้งแบบเป็นลายลักษณ์อักษรจาก Fusion Media และ/หรือจากผู้ให้ข้อมูล ผู้ให้ข้อมูลขอสงวนสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาและ/หรือการแลกเปลี่ยนข้อมูลที่ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้
Fusion Media อาจได้รับผลตอบแทนจากผู้โฆษณาที่ปรากฎบนเว็บไซต์โดยอิงจากปฏิสัมพันธ์ของคุณที่มีกับโฆษณาหรือผู้โฆษณา
เวอร์ชั่นภาษาอังกฤษของเอกสารฉบับนี้เป็นเวอร์ชั่นหลักซึ่งจะเป็นเวอร์ชั่นที่เหนือกว่าเมื่อใดก็ตามที่มีข้อขัดแย้งไม่สอดคล้องตรงกันระหว่างเอกสารเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษกับเอกสารเวอร์ชั่นภาษาไทย