- บริษัทไมโครซอฟท์จะรายงานผลประกอบการปีบัญชีไตรมาสที่ 4 ปี 2020 ในวันพุธที่ 22 กรกฎาคมหลังตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ ปิด
- คาดการผลประกอบการ: $36,430 ล้านเหรียญสหรัฐ
- คาดการณ์ตัวเลขการปันผลกำไรต่อหุ้น (EPS): $1.38
เมื่อพูดถึงการรายงานผลประกอบการทางบัญชีไตรมาสที่ 4 ปี 2020 ของบริษัทผู้สร้างระบบปฏิบัติการคอมพิวเตอร์ที่ใช้กันทั่วโลกอย่างไมโครซอฟท์ (NASDAQ:MSFT) แล้วสิ่งที่ตลาดคาดหวังคือตัวเลขการเติบโตทางธุรกิจที่แสดงให้เห็นว่าไมโครซอฟท์จะยังสามารถครองตลาดเทคโนโลยีได้่ในเศรษฐกิจยุคหลังโควิด-19
ความต้องการของลูกค้าที่ต้องการใช้ระบบพื้นฐานด้วยคลาวด์เพื่อติดต่อสื่อสาร ทำ CRM และงานในรูปแบบต่างๆ เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญหลังจากที่วิกฤตโควิด-19 เข้ามาเมื่อเดือนมีนาคมและบังคับให้พฤติกรรมการทำงานของมนุษย์ต้องเปลี่ยนแปลงไป นั่นคือเหตุผลว่าทำไมเราจึงได้เห็นไมโครซอฟท์ออกผลิตภัณฑ์ใหม่มาเพื่อรองรับการทำงานออนไลน์อย่าง “Microsoft Team”
ธนาคารเพื่อการลงทุนชื่อดังโกลด์แมน แซคส์ยืนคำพูดจาก Comescore ที่รายงานว่า “เฉพาะเดือนพฤษภาคมเดือนเดียวพบว่ามีผู้ใช้งานบนแพลตฟอร์มของไมโครซอฟท์เพิ่มขึ้นมากถึง 943% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปี 2019 ” และจากข้อมูลของไมโครซอฟท์เองพวกเขารายงานว่ามีผู้เข้าใช้งานผลิตภัณฑ์ “Microsoft Team” เฉลี่ยแล้วมี 75 ล้านคนทุกวันในช่วงเดือนเมษายนซึ่งมากกว่ายอดผู้ใช้งาน 3 เดือนก่อนหน้านั้นรวมกัน 3 เท่า
การประมวลผลข้อมูลด้วยระบบคลาวด์มีความสำคัญมากขึ้นมาตั้งแต่ยุคก่อนโควิดและยิ่งกลายเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการทำงานในช่วงโควิดมากขึ้น บริษัทที่ลงทุนเกี่ยวกับเทคโนโลยีหรือไอทีต้องหันมาให้ความสำคัญกับคลาวด์จนเรียกว่าใครไม่ทำมีโอกาสล้มละลายได้เลย การทำงานในยุคนี้ต้องสามารถทำได้จากทั้งบริษัทและที่บ้าน นั่นคือสาเหตุว่าทำไมยอดขายเฉพาะระบบคลาวด์ของไมโครซอฟท์ในการรายงานผลประกอบการไตรมาสล่าสุดถึงสามารถทำเงินให้ไมโครซอฟท์ได้เพิ่มขึ้นถึง 59%
จากความแข็งแกร่งทางธุรกิจทำให้นักลงทุนพากันเข้าถือหุ้นไมโครซอฟท์และหุ้นของบริษัทจึงทะยานสูงขึ้นจากอัตราการเติบโตทางยอดขายในไตรมาสแรก ไมโครซอฟท์จึงสามารถทำผลงานขาขึ้นได้อย่างโดดเด่นมาตลอดปี 2020 ปัจจุบันไมโครซอฟท์ถือเป็นบริษัทที่มีมูลค่าทางการตลาดสูงที่สุดในโลกด้วยตัวเลข $1,600,000 ล้านเหรียญสหรัฐ หุ้นของบริษัทปรับตัวขึ้นตลอดทั้งปี 2020 คิดเป็น 31% คืนกำไรแก่ผู้ถือหุ้นในปี 2019 ประมาณ 60% สร้างจุดสูงสุดของราคาหุ้นเอาไว้ที่ $216.38 เมื่อวันที่ 9 กรกฎาคมและมีราคาปัจจุบันอยู่ที่ $208.75
โลกที่เข้าสู่ยุคดิจิทัลเร็วขึ้น
คำถามที่นักลงทุนทุกคนอยากรู้ตอนนี้คือขาขึ้นของหุ้นไมโครซอฟท์จะไปได้อีกไกลแค่ไหน? ด้วยสถิติการปันผลจากการถือหุ้นมากถึง 33 เท่าทำให้ไม่มีใครอยากขายหุ้นของไมโครซอฟท์และต่อให้ขายก็ขายในราคาที่แพงมากๆ เมื่อเทียบกับบริษัทท๊อป 10 ทางเทคโนโลยีอื่นๆ
ในความเห็นของเราต้องยอมรับว่าไมโครซอฟท์มองเห็นสิ่งที่เป็นอยู่ในปัจจุบันมาตั้งแต่ 5 ปีที่แล้ว พวกเขาวางแผนปรับตัวเองเข้าสู่ยุคดิจิทัลมาตั้งแต่ตอนนั้นและการมาถึงของโควิดคือการเร่งให้โลกเข้าสู่ยุคดิจิทัลเร็วขึ้นกว่าเดิม นี่คือสาเหตุว่าทำไมความต้องการผลิตภัณฑ์และบริการของไมโครซอฟท์ถึงเพิ่มขึ้นภายในระยะเวลาอันรวดเร็ว อ้างอิงข้อมูลจากไมโครซอฟท์เฉพาะรายได้จากระบบคลาวด์นั้นมากพอที่จะทำให้บริษัทเติบโตไปได้อีก 3-4 ปีข้างหน้าโดยที่ไม่ต้องทำอะไรใหม่เลย
ความสามารถในการปันผลของหุ้นไมโครซอฟท์คือสถิติที่ดีที่สุดตลอดกาลอันหนึ่งของตลาดหุ้นสหรัฐฯ ตั้งแต่ปี 2004 ที่ไมโครซอฟท์เริ่มปันผลจนถึงตอนนี้ไมโครซอฟท์สามารถปันผลได้มากกว่าถึง 4 เท่า ตัวเลขการปันผลต่อปีอยู่ที่ 1.09% และการปันผลในแต่ละไตรมาสที่มีตัวเลขอยู่ที่ $0.51 ต่อหุ้น ตัวเลขอัตราการจ่ายเงินปันผลที่คิดเป็นเปอร์เซ็นต์ของกำไรสุทธิอยู่ที่ 34.67% แสดงให้เห็นว่ายังมีความเป็นไปได้อีกมากที่ไมโครซอฟท์จะสามารถเพิ่มเงินปันผลได้อีกในอนาคต
โดยสรุปแล้ว
เราเชื่อว่ากำไรของไมโครซอฟท์จะยิ่งมีแต่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ตามวิวัฒนาการของโลกที่เข้าสู่ยุคเศรษฐกิจดิจิทัลและบริษัทยังสามารถรักษาตำแหน่งผู้นำในผลิตภัณฑ์ซอฟท์แวร์อย่างระบบปฏิบัติการ Windows และชุดซอฟท์แวร์ Office ไปได้อีกนาน ความได้เปรียบนี้จะช่วยให้บริษัทสามารถรักษาอัตราการเติบโตของผลกำไรได้ในระยะยาว ถือเป็นหุ้นที่ควรเก็บไว้ในจังหวะที่มีโอกาสเข้าซื้อ