Cyber Monday Deal: ลดสูงสุด 60% InvestingProรับส่วนลด

รีวิวหุ้น Berkshire Halthaway(BRK) อาณาจักรที่ยิ่งใหญ่ของวอร์เรน บัฟเฟตต์

เผยแพร่ 14/07/2563 19:16
US500
-
AAPL
-
BRKb
-

รีวิวหุ้น Berkshire Hathaway อาณาจักรที่ยิ่งใหญ่ของบัฟเฟตต์

อาณาจักรแห่งนี้ของ วอร์เรน บัฟเฟตต์ สามารถสร้างผลตอบแทนแบบทบต้นตั้งแต่ปี 1965 ได้ถึง 20.3% ต่อปี หรือเป็นผลตอบแทนรวมกว่า 2,744,062%

Berkshire Hathaway (BRK) ก่อตั้งในปี 1839 โดยนาย Oliver Chace ทำธุรกิจโรงงานอุตสาหกรรมสิ่งทอ ซึ่งตั้งอยู่ในเมือง Valley Falls, Rhode Island

ในช่วงสงครามโลกครั้งที่หนึ่งบริษัทได้รับผลกระทบอย่างหนัก ทำให้ธุรกิจซบเซาลง

จึงเป็นโอกาสให้นาย Seabury Stanton เข้ามาซื้อกิจการและบริหารงานต่อ

โดยในปี 1962 บัฟเฟตต์ได้เริ่มเข้าเก็บหุ้นของบริษัท เพราะเห็นว่าราคาลดลงมาต่ำกว่ามูลค่าที่เหมาะสม แต่หลังจากติดตามดูได้สักพัก ก็ประเมินว่าบริษัทคงไม่สามารถกลับมาทำกำไรได้ดีเหมือนเดิม

พอดีกับช่วงที่นาย Stanton อยากรวบรวมหุ้น ก็ได้เสนอซื้อหุ้นทั้งหมดจากบัฟเฟตต์ด้วยราคา $11.50 ต่อหุ้น ซึ่งบัฟเฟตต์ก็ตกลงรับปากไป

แต่หลังจากนั้นเพียงแค่สองสัปดาห์นาย Stanton ก็กลับมาเสนอราคาซื้อหุ้นที่ $11.37 ต่อหุ้น ไม่ตรงกับที่เคยคุยกันไว้ บัฟเฟตต์โมโหมากเพราะรับปากกันไว้แล้ว

จึงรวบรวมเงินทุนและเข้าซื้อหุ้นทั้งหมดของบริษัทได้สำเร็จ และไล่นาย Stanton ออกทันที

หลังจากนั้นก็บริหารธุรกิจสิ่งทอต่อไป จนในปี 1967 ได้ขยายไปยังธุรกิจประกัน โดยได้เข้าซื้อธุรกิจ National Indemnity Company และ Government Employees Insurance Company (GEICO)

ในปี 2010 บัฟเฟตต์ได้ให้สัมภาษณ์ว่าเขาตัดสินใจผิดพลาดที่ซื้อ Berkshire Hathaway B (NYSE:BRKb) (อาจเป็นเพราะอารมณ์โมโห) ทำให้เสียโอกาสในการลงทุนธุรกิจประกันเมื่อ 45 ปีที่แล้ว คิดเป็นค่าเสียโอกาสมากถึง $200,000 ล้าน

ธุรกิจหลักของ BRK มีอยู่ 5 ส่วนดังนี้

1. ธุรกิจประกันและประกันต่อ ธุรกิจหลักๆคือ GEICO ที่ขายประกันรถยนต์ มอเตอร์ไซค์และยานพาหนะอื่นๆ รวมทั้งเป็นนายหน้า (Agent) ประกันบ้านและประกันชีวิต โมเดลธุรกิจเน้นขายตรงผ่านตัวแทนของบริษัท เพื่อลดค่าใช้จ่ายและทำราคาให้แข่งขันได้

นอกจากนี้ยังมี General Re, BH Specialty Insurance และ MedPro Group ที่ทำประกันอีกด้วย

2. ธุรกิจรถไฟ Burlington Northern Sante Fe (BNSF) ที่มีเครือข่ายใหญ่ที่สุดในอเมริกา ให้บริการขนส่งสินค้า เช่น น้ำมัน สินค้าเกษตรกรรม อุตสาหกรรม มีเส้นทางเชื่อมต่อตะวันตก ตะวันออก และเชื่อมต่อไปยังแคนนาดาและเม็กซิโก

3. ธุรกิจพลังงานและไฟฟ้า บริการส่งแก๊สตามท่อ และผลิตไฟฟ้าจากพลังงานลม แสงอาทิตย์ นิวเคลียร์ ความร้อนใต้พิภพ และพลังงานน้ำ

บริษัทมี Berkshire Hathaway Energy Company (BHE) เป็นธุรกิจหลักที่ขายไฟฟ้าให้กับประชาชนทั่วไปกว่า 10 ล้านครัวเรือน หลักๆอยู่ทางฝั่งตะวันตก ภาคกลางและภาคใต้ของอเมริกา

4. ธุรกิจสินค้าอุตสากรรม มี Precision Castparts ซึ่งเป็นผู้ผลิตชิ้นส่วนเครื่องบิน ผลิตอุปกรณ์ที่ใช้ในโรงงานอุตสาหกรรม และผลิตท่อที่ใช้ในโรงงานถ่านหิน โรงผลิตแก๊สและนิวเคลียร์

นอกจากนี้ยังมี Lubrizol Corporation ผู้ผลิตสารเคมีชนิดพิเศษเฉพาะทาง สำหรับอุตสาหกรรรมขนส่ง โรงงานอุตสาหกรรมและอุปโภคบริโภค เช่น สารเคมีที่เติมในน้ำมันเครื่องเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการขับขี่รถยนต์

5. ธุรกิจค้าปลีกและบริการ มีร้านขายเฟอร์นิเจอร์ Nebraska Furniture ที่อยู่ใน Omaha บ้านเกิดของบัฟเฟตต์ ร้านขายเพชร Helzberg และ Borsheim Jewelry

นอกจากนี้ยังมี See’s candies Dairy Queen Duracell Netjets (ผู้ให้บริการเครื่องบินเช่า) ปั๊มน้ำมัน และดีลเลอร์รถยนต์

บริษัทยังถือหุ้นส่วนน้อย (Minority Shareholder) ในธุรกิจ American Express (18.6%), Apple (5.7%), Coca-Cola (9.3%), Bank of America (10.7%), Moody’S (13.1%) และบริษัทอื่นๆอีกหลายแห่ง

ในช่วง 3 ปีหลังสุดรายได้และกำไรของบริษัทเป็นดังนี้

ปี 2017 รายได้ $239,933 ล้าน กำไร $45,353 ล้าน

ปี 2018 รายได้ $247,837 ล้าน กำไร $4,322 ล้าน

ปี 2019 รายได้ $254,616 ล้าน กำไร $81,417 ล้าน

จะเห็นว่ารายได้ปี 2019 เติบโตขึ้นเพียง 2.7% แต่สามารถทำกำไรได้ถึง $81,417 ล้าน

แต่อย่าเพิ่งมองว่าธุรกิจมีการเติบโตกำไรสุทธิอย่างมหาศาลในปีที่แล้ว เพราะว่ามาจากการบันทึกกำไรที่ยังไม่เกิดขึ้นจริงจากการที่ Berkshire ไปลงทุนในหุ้นตัวอื่นๆเช่น หุ้น Apple Inc (NASDAQ:AAPL)ที่ปรับตัวขึ้นมาเยอะมากเมื่อปีที่แล้ว

โดยปี 2019 ดัชนี S&P 500 ได้ปรับตัวขึ้นมาถึง 30% จึงทำให้บริษัทได้กำไรในส่วนนี้ถึง $72,607 ล้าน

ทำให้ค่าความถูกแพงของหุ้น (PE Ratio) ตอนนี้ลดลงมาอยู่ที่ 5.61 เท่า

นักลงทุนควรจะต้องดูที่กำไรจากดำเนินงานจริงๆมากกว่า

ผมลองเอากำไรส่วนนี้ออกไป แล้วนำมาคำนวณหาค่าพีอีจะได้อยู่ที่ 19.73 เท่า

จากข้อมูล Morningstar ค่าเฉลี่ยของพีอีในช่วง 5 ปีที่ผ่านมาอยู่ที่ 21 เท่า ก็ไม่ได้ถือว่าหุ้นมีราคาถูกมากในปัจจุบัน

สำหรับนักลงทุนที่สนใจในหุ้นตัวนี้ หุ้นมีทั้งคลาส A และ คลาส B

เนื่องจากบัฟเฟตต์ไม่เคยแตกพาร์หุ้นและไม่เคยจ่ายปันผล เลยทำให้ราคาหุ้นคลาส A สูงเป็นอันดับต้นๆของตลาดหุ้นอเมริกาเลยทีเดียว ราคาปัจจุบันอยู่ที่ $279,460 ต่อหุ้น (วันที่ 24 เมษายน 2020)

จึงทำให้บัฟเฟตต์ออกหุ้นคลาส B ออกมาเพื่อให้นักลงทุนที่มีเงินทุนน้อยสามารถเป็นเจ้าของบริษัทได้

ดีกว่าปล่อยให้สถาบันการเงินทำกองทุนดัชนีขึ้นมาล้อตามราคาหุ้นของบริษัท แล้วนักลงทุนต้องเสียค่าบริการเพิ่ม

ข้อแตกต่างของหุ้นทั้งสองคลาสคือ สัดส่วนความเป็นเจ้าของบริษัทของคลาส B อยู่ที่ 1/1,500 ของคลาส A

เลยทำให้ราคาหุ้นของทั้งสองตัวต่างกันอยู่ประมาณ 1,500 เท่า

นอกจากนี้สิทธิในการโหวตของคลาส B เป็น 1/10,000 ของคลาส A

คลาส A สามารถแปลงเป็นคลาส B ได้ตลอดตามสัดส่วนที่ระบุไว้ แต่คลาส B ต้องขายหุ้นทิ้งแล้วไปซื้อคลาส A เพื่อเป็นเจ้าของ

หุ้น BRK น่าจะเหมาะสำหรับนักลงทุนที่เชื่อในฝีมือของบัฟเฟตต์ที่พิสูจน์มานานกว่า 55 ปี และเหมาะกับนักลงทุนที่มองหาหุ้นที่มั่นคง ด้วยธุรกิจที่มีหลากหลายทั้งประกัน พลังงาน ไฟฟ้า อุตสาหกรรม จนถึงเทคโนโลยี

พวกเราอยากถือหุ้นคลาสไหนกันครับ #หุ้นอเมริกา #Berkshire #Hathaway

CR: Morningstar, Wikipedia, Jitta

บทวิเคราะห์จาก เพจ Billionaire VI

ห้ามพลาด

♦ทำไมวอร์เรน บัฟเฟตต์ถึงไม่ช้อนซื้อหุ้นมากนักในวิกฤตครั้งนี้?

♦บทเรียนชีวิตที่ Warren Buffett สอน Bill Gates

ความคิดเห็นล่าสุด

กำลังโหลดบทความถัดไป...
การเปิดเผยความเสี่ยง: การซื้อขายตราสารทางการเงินและ/หรือเงินดิจิตอลจะมีความเสี่ยงสูงที่รวมถึงความเสี่ยงต่อการสูญเสียจำนวนเงินลงทุนของคุณบางส่วนหรือทั้งหมดและอาจไม่เหมาะสมกับนักลงทุนทั้งหมด ราคาของเงินดิจิตอลแปรปรวนอย่างมากและอาจได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอกต่าง ๆ เช่น เหตุการณ์ทางการเงิน กฎหมายกำกับดูแล หรือ เหตุการณ์ทางการเมือง การซื้อขายด้วยมาร์จินทำให้ความเสี่ยงทางการเงินเพิ่มขึ้น
ก่อนการตัดสินใจซื้อขายตราสารทางการเงินหรือเงินดิจิตอล คุณควรตระหนักดีถึงความเสี่ยงและต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายในตลาดการเงิน ควรพิจารณาศึกษาอย่างรอบคอบในด้านวัตถุประสงค์การลงทุน ระดับประสบการณ์ และ การยอมรับความเสี่ยงและแสวงหาคำแนะนำทางวิชาชีพหากจำเป็น
Fusion Media อยากเตือนความจำคุณว่าข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้ไม่ใช่แบบเรียลไทม์หรือเที่ยงตรงแม่นยำเสมอไป ข้อมูลและราคาที่แสดงไว้บนเว็บไซต์ไม่ใช่ข้อมูลที่ได้รับจากตลาดหรือตลาดหลักทรัพย์เสมอไปแต่อาจได้รับจากผู้ดูแลสภาพคล่องและดังนั้นราคาจึงอาจไม่เที่ยงตรงแม่นยำและอาจแตกต่างจากราคาจริงในตลาดซึ่งหมายความว่าราคานี้เป็นเพียงราคาชี้นำและไม่เหมาะสมสำหรับวัตถุประสงค์เพื่อการซื้อขาย Fusion Media และผู้ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้จะไม่รับผิดชอบใด ๆ สำหรับความเสียหายหรือการสูญเสียที่เป็นผลมาจากการซื้อขายของคุณหรือการพึ่งพาของคุณในข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้
ห้ามใช้ จัดเก็บ ทำซ้ำ แสดงผล ดัดแปลง ส่งผ่าน หรือ แจกจ่ายข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้โดยไม่ได้รับการอนุญาตล่วงหน้าอย่างชัดแจ้งแบบเป็นลายลักษณ์อักษรจาก Fusion Media และ/หรือจากผู้ให้ข้อมูล ผู้ให้ข้อมูลขอสงวนสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาและ/หรือการแลกเปลี่ยนข้อมูลที่ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้
Fusion Media อาจได้รับผลตอบแทนจากผู้โฆษณาที่ปรากฎบนเว็บไซต์โดยอิงจากปฏิสัมพันธ์ของคุณที่มีกับโฆษณาหรือผู้โฆษณา
เวอร์ชั่นภาษาอังกฤษของเอกสารฉบับนี้เป็นเวอร์ชั่นหลักซึ่งจะเป็นเวอร์ชั่นที่เหนือกว่าเมื่อใดก็ตามที่มีข้อขัดแย้งไม่สอดคล้องตรงกันระหว่างเอกสารเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษกับเอกสารเวอร์ชั่นภาษาไทย