จากข้อมูลตัวเลขเศรษฐกิจที่เริ่มจะกลับมาดีขึ้นในเดือนพฤษภาคมจึงทำให้นักวิเคราะห์มองว่าข้อมูลตัวเลขการจ้างงานในเดือนมิถุนายนสมควรที่จะดีตามไปด้วย ในเมื่อบางรัฐสามารถกลับมาเปิดเมืองได้แล้วจึงไม่มีเหตุผลอะไรทำให้ตัวเลขเศรษฐกิจจะออกมาไม่ดี นั่นคือสิ่งที่ตลาดคิดก่อนที่จะเริ่มหันมาให้ความสนใจกับการระบาดของโควิด-19 รอบที่ 2 ในส่วนของสกุลเงินดอลลาร์เองนักลงทุนต่างคาดหวังให้สกุลเงินมีการปรับตัวที่ดีขึ้นแต่ความจริงก็คือคนอเมริกายังคงตกงานอยู่ในระดับหลักล้านคน
สถานการณ์โควิด-19 ในสหรัฐฯ ตอนนี้นั้นแย่กว่าที่เราเห็นในตลาดหุ้นมากนัก นี่เป็นครั้งแรกที่คุณหมอใหญ่ด็อกเตอร์แอนโทนี่ เฟาซี่ออกมาพูดว่า “ถ้ารัฐบาลไม่จริงจังกับการแก้ปัญหานี้ สหรัฐฯ จะได้เห็นตัวเลขยอดผู้ติดเชื้อในระดับ 100,000 คนต่อวัน” ซึ่งตัวเลขนี้แย่ยิ่งกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบันและแย่ยิ่งกว่าการแพร่ระบาดในช่วงแรก
นี่คือสาเหตุว่าทำไมดัชนีดอลลาร์สหรัฐจึงไม่สามารถเลือกได้ว่าจะวิ่งขึ้นหรือวิ่งลง ในขณะที่สถานการณ์การแพร่ระบาดในประเทศกำลังย่ำแย่แต่ก็ยังมีคนถือสกุลเงินดอลลาร์ในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย สิ่้งหนึ่งที่นักลงทุนต้องคิดคือตอนนี้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์มีความเป็นไปได้น้อยมากที่จะยอมกลับมาปิดเมืองเพื่อจัดการกับโรคระบาด เขาไม่มีเวลาอีกแล้วเพราะเขามีเวลาอีกแค่ 4 เดือนเท่านั้นก่อนที่จะเลือกตั้งครั้งใหม่ นั่นคือสาเหตุว่าทำไมระยะหลังมาทรัมป์จึงพยายามผลักด็อกเตอร์แอนโทนี่ออกจากทำเนียบขาวไปและพยายามทำเหมือนกับว่าเขาไม่มีตัวตน เมื่อนำประเด็นทั้งหมดมาชั่งน้ำหนักรวมกันแล้วเราพบว่าสกุลเงินดอลลาร์มีโอกาสที่อ่อนมูลค่าลงมากกว่าที่จะแข็งแกร่งขึ้น
ก่อนหน้านี้เราเคยสงสัยพฤติกรรมของดัชนีดอลลาร์สหรัฐว่าจะไปในทิศทางใดกันแน่ แต่หลังจากที่ได้เห็นจุดสูงสุดเมื่อวันที่ 30 มิถุนายนไม่สามารถทะลุจุดสูงสุดของวันที่ 22 มิถุนายนขึ้นไปได้เราจึงมั่นใจว่าดัชนีฯ มีโอกาสลงมากกว่าขึ้นและจะยิ่งเห็นภาพชัดเจนขึ้นเมื่อราคาสามารถหลุดแนวรับซึ่งเป็นจุดต่ำสุดของวันที่ 23 มิถุนายนลงมาได้ สำหรับขาลงครั้งนี้เรามองว่าถ้าจะให้มั่นใจอย่างน้อยภายในวันเดียวกันนั้นราคาควรจะสามารถเจาะแนวรับลงมาให้ได้มากเกินกว่า 6 จุด (สำหรับนักลงทุนสายไม่ชอบความเสี่ยง)
แม้ว่าอินดิเคเตอร์ MACD ยังแสดงสัญญาณของขาขึ้นอยู่แต่อินดิเคเตอร์ RSI ได้เปลี่ยนไปอยู่ฝั่งขาลงแล้วเมื่อเส้นค่าเฉลี่ยใน RSI สามารถหลุดกรอบสามเหลี่ยมรูปธงลงมาได้เรียบร้อยในขณะที่อินดิเคเตอร์อีกตัวอย่าง ROC ก็แสดงจุดสูงสุดที่ปรับตัวลดลงเมื่อเทียบกับจุดสูงสุดก่อนหน้าเช่นเดียวกัน
ในส่วนของเส้นค่าเฉลี่ยพบว่าเส้น 50 DMA ยังยืนเหนือเส้นค่าเฉลี่ย 200 DMA อยู่แต่ก็ใกล้ที่จะตัดลงเต็มทีแล้ว ทันทีที่เส้นค่าเฉลี่ย 50 DMA ตัดลงมาได้เมื่อไหร่ นั่นคือสัญญาณยืนยันของขาลงในระยะยาว หากว่าเป็นขาลงจริงจากนี้ไปเมื่อเห็นดัชนีดอลลาร์สหรัฐฯ วิ่งกลับขึ้นมา ให้คิดว่านั่นคือการย่อของราคาเพื่อสร้างขาลงใหม่ที่ยาวขึ้นกว่าเดิม
กลยุทธ์การเทรด
เทรดเดอร์ที่ไม่ชอบความเสี่ยง จะรอจนกว่าดัชนีดอลลาร์สหรัฐฯ สามารถหลุดแนวรับที่เป็นจุดสำคัญจริงๆ อย่างเช่นจุดต่ำสุดของวันที่ 23 มิถุนายน จากนั้นจะรอให้ราคาย่อกลับขึ้นมาทดสอบแนวรับที่กลายเป็นแนวต้านดังกล่าวก่อนตัดสินใจวางคำสั่งขายเมื่อเห็นแท่งเทียนยืนยันขาลง
เทรดเดอร์ที่รับความเสี่ยงได้ปานกลาง มอง คิด ตัดสินใจเหมือนเทรดเดอร์ที่ไม่ชอบความเสี่ยงแต่จะไม่รอแท่งเทียนยืนยันขาลงตอนที่ราคาวิ่งกลับขึ้นมาทดสอบแนวต้าน
เทรดเดอร์ที่รับความเสี่ยงได้สูง จะวางคำสั่งขายในตอนนี้ทันทีเพราะถือว่าดัชนีดอลลาร์สหรัฐฯ ไม่สามารถสร้างจุดสูงสุดใหม่ที่สูงขึ้นกว่าเดิมได้แล้ว
ตัวอย่างการเทรด
- จุดเข้า: 97.50
- Stop-Loss: 98.00
- ความเสี่ยง: 50 จุด
- เป้าหมายในการทำกำไร:96.00
- ผลตอบแทน: 150 จุด
- อัตราความเสี่ยงต่อผลตอบแทน: 1:3
ห้ามพลาด