1. รายได้ในไตรมาสนี้ทำได้ $6,310 ล้าน ลดลงจาก $10,180 ล้านหรือ 38% ในปีที่แล้ว ยอดขายในอเมริกาเหนือลดลงอย่างหนัก 46% ในขณะที่จีนลดลงแค่ 3% เพราะช่วงเดือนมีนาคมเป็นต้นมาจีนเริ่มกลับมาเปิดธุรกิจอีกครั้ง
รายได้จากรองเท้าลดลง 35% เสื้อผ้าลดลง 42% และอุปกรณ์กีฬาลดลง 53%
2. ยอดขายออนไลน์เติบโต 75% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีที่แล้ว แต่ยังเป็นสัดส่วนแค่ 30% ของยอดขายทั้งหมด
จริงๆแล้วบริษัทตั้งเป้าหมายจะให้ถึง 30% ในช่วงปี 2023 แต่ด้วยสถานการณ์โควิดได้เร่งให้ยอดขายออนไลน์โตเร็วมาก ผู้บริหารตั้งเป้าหมายต่อไปที่ 50% แต่ไม่ได้ระบุว่าช่วงปีไหน
3. บริษัทขาดทุน $790 ล้านหรือ 51 เซนต์ต่อหุ้น ลดลงจากปีที่แล้วที่ทำกำไรได้ $989 ล้านหรือ 62 เซนต์ต่อหุ้น ในไตรมาสนี้ทำผลงานได้ต่ำกว่านักวิเคราะห์คาดไว้ว่าจะกำไร 7 เซนต์ต่อหุ้น
4. บริษัทจะมุ่งขายออนไลน์มากขึ้น โดยจะเปิดอีก 150 สาขาขนาดเล็กทั่วโลกเพื่อรองรับธุรกรรมออนไลน์ ให้ลูกค้าสั่งของจากเวปไซต์หรือมือถือแล้วไปรับของได้ที่ร้าน เพื่อความสะดวกและรวดเร็ว
5. สินค้าคงคลังเพิ่มขึ้น 31% เป็น $7,400 เนื่องจากไม่สามารถกระจายสินค้าได้เพราะร้านค้าปิดทั่วโลกในช่วงโควิด-19
6. ตอนนี้กลับมาเปิดร้านที่บริษัทเป็นเจ้าของ 90% ทั่วโลก ในจีนเปิดไปเกือบหมด 100% แล้ว แต่ในอเมริกาเหนือยังเปิดแค่ 85%
7. เรื่องของสภาพคล่อง บริษัทมีเงินสดพร้อมเงินลงทุนระยะสั้นอยู่ $8,787 ล้าน เพียงพอต่อการรองรับหนี้สินระยะสั้นที่มีอยู่ $8,284 ล้าน บริษัทจึงน่าจะผ่านวิกฤตครั้งนี้ได้ไม่ยาก
หุ้นปรับตัวขึ้นมาจากจุดต่ำสุดเมื่อเดือนมีนาคมไปแล้วกว่า 62% ลองติดตามหุ้นดีๆตัวนี้กันครับ #Nike #หุ้นอเมริกา
บทความนี้มาจากเพจ BILLIONAIRE VI
บทความห้ามพลาด