COVID-19 กระทบหนัก ... แต่การเพิ่มทุนคือจุดเปลี่ยนสำคัญ ภาวะ COVID-19 กระทบหนักต่อผู้เล่นกลุ่มโรงแรมทั้งหมด จากการขาดแคลนรายได้หลักที่มาจากนักท่องเที่ยว ขณะที่ค่าใช้จ่ายส่วนใหญ่เป็นค่าใช้จ่ายคงที่ เช่น ค่าเสื่อมราคา ค่าเช่าและดอกเบี้ย กดดันผลประกอบการเข้าสู่ปีที่ย่ำแย่ที่สุด
ขณะที่ MINT มีฐานโรงแรมอยู่ทั่วโลก โดยเฉพาะในยุโรปผ่าน NH Hotel ได้รับผลกระทบมากกว่าผู้เล่นรายอื่นที่มีฐานในไทยเป็นหลัก เนื่องจากประเทศไทยคุม COVID-19 ได้ดีกว่า ยุโรป นอกจากนี้ MINT ยังต้องจ่ายราคาสำหรับการเติบโตที่เร่งรีบเกินไปผ่านการ M&A โดยใช้การก่อภาระหนี้สิน ทำให้ตลาดกังวลปัญหาสภาพคล่อง
ส่งผลให้ราคาหุ้น (BK:MINT) ( กดดูกราฟราคาหุ้นล่าสุด ) ปรับลดถึง 66% ไปทำจุดต่ำสุดที่ 13.70 บาท หรือต่ำกว่ามูลค่าทางบัญชี แม้ราคาหุ้นปรับขึ้นมาบ้างแล้วแต่ก็ยังซื้อขายที่ -2SD ของค่าเฉลี่ย ในอดีตย้อนหลัง 5 ปี และเป็นหุ้นกลุ่มโรงแรมขนาดใหญ่ที่ Laggard ที่สุดในตลาด อย่างไรก็ดี MINT เลือกปิดจุดอ่อนผ่านการเพิ่มทุนด้วย Perpetual bond และ RO 6.45:1 XR วันที่ 26 มิ.ย.63
วิกฤตคือโอกาสที่จะซื้อผู้เล่น Grade A ในราคาผิดปกติ Track Record ของ MINT ตั้งแต่ปี 2531 หรือกว่า 32 ปี พบว่า MINT สร้างการเติบโตได้โดดเด่นกว่าผู้เล่นในกลุ่มโรงแรมรายอื่น ทั้งในแง่ของการเติบโตรายได้และ EBITDA ขณะที่ผลการดำเนินงาน 5 ปี หลังสุด (2558-2562) ก่อนเกิด COVID-19 รายได้รวมโต 170% และ EBITDA โต 50% ขณะที่อุตสาหกรรมท่องเที่ยวหดตัวแรงในยุค COVID-19 หลักๆ ไม่ได้เกิดจาก Demand หายไป แต่เป็นเพราะนักท่องเที่ยวไม่สามารถเดินทางได้ ดังนั้นความคืบหน้าของวัคซีนรักษาจึงเป็นตัวแปรสำคัญที่จะปลดล็อคอุตสาหกรรมอีกครั้ง
ในระยะยาวการเพิ่มขึ้นของ GenY และ Gen Z บนสังคม Social Media การเติบโตของชนชั้นกลาง สังคมสูงอายุและต้นทุนการเดินทางที่ลดลงจากพัฒนาการของ Technology จะหนุนให้ นักท่องเที่ยวกลับไปทำระดับสูงสุดก่อนเกิด COVID-19 ได้อีกครั้้ง นอกจากนี้การเกิด COVID-19 ยังส่งบวกในระยะยาวทำให้ภาวะ Oversupply ของอุตสาหกรรมดีขึ้นจากจำนวนผู้เล่นขนาดกลางและขนาดเล็กล้มหายไปจำนวนมาก และผู้เล่นรายใหม่เกิดขึ้นได้ยากหมดยุคที่ใครๆ ก็อยากเปิดโรงแรม ผู้เล่นรายใหญ่ที่ผ่าน วิกฤตไปได้จะได้เก็บเกี่ยวผ่าน Brand Royalty ที่สูงขึ ้นของลูกค้าและประสิทธิภาพองค์กรที่สูงขึ้น
ปลดล็อคปัญหาหลังเพิ่มทุน ... ลงทุนระยะยาวรอวันกำไรกลับสู่ระดับปกติ เราคาด MINT จะเพิ่มทุนทั้ง RO และ Perpetual bond สำเร็จจาก Track Record ที่ดีในอดีต ภาพหลังการ เพิ่มทุน MINT จะได้เงินสดอย่างน้อย 2.2 หมื่นล้านบาท (ไม่รวม Warrant) ระดับดังกล่าวมากเพียงพอจะ ผ่าน COVID-19 ไปได้แม้เกิด Second Wave จาก Cash burn กรณีเลวร้ายที่สุดต้องปิดโรงแรมทั้งหมดใน เดือนเม.ย.63 อยู่ที่ 1.7 พันล้านบาทต่อเดือน แม้เราสมมติให้ MINT ขาดทุน 1 หมื่นล้านบาทในปี 2563 Net debt to Equity ก็ยังอยู่ในระดับที่แข็งแกร่งที่ 1.35x ใกล้เคียงฐานปี 2562... หมดทุกความกังวลสภาพคล่อง
เริ่มต้นที่คำแนะนำ “ซื้อ” ที่ 28.75 … สะสมเพื่อไปเพิ่มทุนและเอา Warrant ฟรี เราคาดปี 2563 MINT ขาดทุนปกติที่ 1 หมื่นล้านบาท แต่จะเริ่มกลับไปฟื้นตัวในปี2564 ที่ 2.6 พันล้าน บาท และ 5.1 พันล้านบาท (+92% YoY) หรือกลับไปราวเกือบ 70% ของระดับปกติในปี2562 ก่อนเกิด COVID-19 เราประเมินมูลค่า MINT ณ สิ้นปี 2563 ที่ 28.75 บาทต่อหุ้น ด้วยการประเมินมูลค่าเหมาะสม ของ MINT ในปี 2564 หรือเป็นปี แรกที่ผลประกอบการฟื้นตัวแต่ยังไม่เต็มศักยภาพ อิง EV/EBITDA ที่ ค่าเฉลี่ยในอดีตหลัง ที่ 32.54 บาทต่อหุ้น แล้ว Discount ด้วย Ke ที่ 13% ราคาเหมาะสมดังกล่าวยังไม่ได้ สะท้อนศักยภาพการทำกำไรที่แท้จริงหลังจบ COVID-19 ที่คาดจะเริ่มเห็นตั้งแต่ปี 2565-2566
ดูกราฟราคาหุ้น MINT
https://th.investing.com/equities/minor-internat
บทวิเคราะห์นี้จัดทำขึ้นและเผยแพร่โดยทีมนักวิเคราะห์ของ Yuanta Securities
บทความห้ามพลาด