ดูเหมือนว่าจะไม่มีอะไรสามารถมาหยุดหยั้งความร้อนแรงของหุ้นเทสลา (NASDAQ:TSLA) ในตอนนี้ได้เลยจริงๆ ทุกๆ การปรับตัวลดลงเป็นได้เพียงสปริงขาขึ้นเพื่อให้หุ้นเทสลาสามารถทะยานขึ้นไปได้ไกลขึ้นกว่าเดิมเท่านั้นเช่นครั้งล่าสุดที่ CEO อีลอน มัสก์ ทวีตเมื่อวันที่ 1 พฤษภาคมทีผ่านว่า “หุ้นเทสลาอยู่สูงเกินไป” จากนั้นราคาหุ้นแทนที่จะร่วงลงกลับกลายเป็นว่าวิ่งขึ้นอีก 29% ทำให้ตลอดทั้งปีนี้หุ้นเทสลาปรับตัวขึ้นมาแล้วทั้งสิ้น 140%
ล่าสุดเมื่อวันพุธที่ 10 มิถุนายนหุ้นเทสลาสามารถสร้างสถิติใหม่ด้วยการทะลุระดับราคา $1,000 ได้เป็นครั้งแรก มีราคาปิดอยู่ที่ $1,025.05 คิดเป็นการทะยานขึ้นภายในวันเดียว 9% ขาขึ้นของเทสลาครั้งนี้ยังคงปรับตัวสูงขึ้นเรื่อยๆ โดยไม่เกรงใจวิกฤตโควิด-19 เลยแม้แต่น้อย เพราะนักลงทุนเชื่อว่าเทสลากำลังจะก้าวขึ้นมาเป็นมหาอำนาจในวงการรถยนต์พลังงานไฟฟ้าในวันที่โลกได้ก้าวผ่านวิกฤตโควิดไปแล้วอย่างเต็มตัว
นักวิเคราะห์มองว่ามีปัจจัยบ่งชี้ที่แสดงให้เห็นว่าเทสลาให้ปีนี้จะไม่เดินตามเส้นทางที่เคยผิดพลาดมาอย่างในปี 2019 และจากรายงานผลประกอบการไตรมาสล่าสุดที่สามารถทำผลงานได้ดีกว่าที่คาดการณ์ทั้งๆ ที่เป็นช่วงไวรัสโคโรนาระบาดยิ่งแสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของบริษัทผู้ผลิตรถยนต์พลังงานไฟฟ้ารายนี้
ข่าวสำคัญที่ช่วยเพิ่มมูลค่าหุ้นของเทสลาเป็นอย่างมากคือรายงานที่เผยข้อมูลยอดขายรถเทสลาในประเทศจีนที่เพิ่มสูงขึ้นเมื่อเดือนที่แล้วซึ่งถือเป็นครั้งแรกในเกือบรอบปี อ้างอิงข้อมูลจากสมาคมรถยนต์นั่งจีน (CPCA) ระบุว่ารถยนต์พลังงานไฟฟ้าเทสลามียอดขายสูงสุดมากกว่า 11,000 คัน รวมแล้วยอดขายในประเทศจีนของเทสลาเพิ่มขึ้น 205% นับจากช่วงเวลาที่หุ้นบริษัทร่วงลงในเดือนเมษายนเพราะโควิด-19 สร้างผลกระทบกับผู้บริโภค
หุ้นเทสลายังสามารถขึ้นต่อไปได้อีก
เพราะปัจจัยเชิงบวกมากมายที่เข้ามาหาบริษัทเทสลาจึงทำให้นักวิเคราะห์บางคนเชื่อว่าหุ้นเทสลายังสามารถเดินหน้าขึ้นต่อได้อีก ในโน๊ตของนักวิเคราะห์จาก Wedbush ที่เขียนถึงนักลงทุนของบริษัทในขณะที่เขากำลังปรับเป้าหมายหุ้นเทสลาจาก $800 ขึ้นเป็น $1000 เผยว่า
“เราเชื่อว่าหุ้นเทสลายังมีโอกาสขึ้นไปได้อีกเพราะปริมาณความต้องการรถยนต์โมเดล 3 ของเทสลาในประเทศจีนสูงกว่าที่คาดการณ์ในช่วงฤดูร้อน นอกจากนี้มาตรการล็อกดาวน์ที่ผ่อนคลายลงในทวีปยุโรป อเมริกาและประเทศผู้พัฒนาและผลิตแบตเตอรี่ของเทสลาคือจุดเปลี่ยนสำคัญที่จะทำให้เทสลาสามารถผลิตรถยนต์พลังงานไฟฟ้าได้มากขึ้น”
อันที่จริงแล้วหลังจากที่เขียนโน๊ตนี้เสร็จ นักวิเคราะห์คนดังกล่าวก็ปรับเป้าหมายหุ้นเทสลาขึ้นจาก $1,350 เป็น $1,500
ในประเด็นของการพัฒนาแบตเตอรี่รถยนต์มีรายงานมาจากบลูมเบิร์กว่าผู้ผลิตแบตเตอรี่ไฟฟ้าให้กับเทสลาและบริษัทฟ็อลคส์วาเกิน (OTC:VWAGY) คือบริษัท Amperex Technology (SZ:300750) สัญชาติจีนซึ่งอ้างว่าสามารถพัฒนาระบบแบตเตอรี่ไฟฟ้าแบบแพคคู่ที่ทำให้สามารถมีอายุการใช้งานนานเกินกว่า 1 ล้านไมล์ ยิ่งไปกว่านั้นบริษัทดังกล่าวได้ออกมาประกาศว่าพวกเขาพร้อมที่สร้างแบตเตอรี่ที่มีอายุการใช้งานนานถึง 16 ปีหรือคิดเป็น 2 ล้านกิโลเมตร
“การยืดระยะเวลาการใช้งานแบตเตอรี่คือกุญแจสำคัญเพราะแบตก้อนเดิมสามารถนำไปใช้กับรถคันที่ 2 ได้ เรียกว่านี่คือการลงทุนครั้งเดียวแต่สามารถลดค่าใช้จ่ายไปได้อีกหลายปี นอกจากนี้รถพลังงานไฟฟ้ายังเป็นทางออกของอุตสาหกรรมรถยนต์ในช่วงวิกฤตโควิด-19 ที่กำลังระบาดจนทำให้ราคาน้ำมันปรับลดลงในช่วงปลายไตรมาสที่ 1 อย่างที่เราทราบกัน” บลูมเบิร์กรายงาน
สายเกินไปหรือไม่ที่จะซื้อหุ้นเทสลาในตอนนี้?
หากว่าคุณเป็นคนที่ไม่เคยลงทุนในหุ้นเทสลาเลยและไม่ได้ตามเรื่องราวของเทสลาอย่างใกล้ชิด ก็ไม่แปลกถ้าคุณจะตั้งคำถามว่าตกลงแล้วบริษัทนี้ขายอะไรและสายเกินไปหรือไม่ที่จะซื้อหุ้นของบริษัทนี้? ขออภัยที่เราไม่มีคำตอบที่สามารถตอบได้อย่างง่ายดายว่า “ใช่” หรือ “ไม่” ขนาดนั้น
นักวิเคราะห๋ในตลาดวอลล์ สตรีทเองยังแบ่งออกเป็นหลายกลุ่มเมื่อพูดถึงเทสลา 23 คนยังถือหุ้นเทสลาอยู่ 8 คนพึ่งตัดสินใจซื้อหุ้นเทสลาตามตัวเลขที่เราพูดถึงไปและอีก 7 คนขายหุ้นเทสลาไปแล้วเพราะมองว่าภายในอีก 12 เดือนหุ้นเทสลาจะลงมาที่ค่าเฉลี่ยราคา $633
จริงอยู่ว่าหุ้นเทสลาขึ้นได้อย่างรวดเร็วเพราะมีปัจจัยเชิงบวกตามที่ได้รายงานไปมาหนุน แต่นักวิเคราะห์บางคนยังเชื่อว่าหุ้นเทสลาขึ้นได้เพราะพึ่งอารมณ์ของนักลงทุนมากเกินไปแทนที่จะพึ่งพาขาขึ้นด้วยมูลค่าที่แท้จริง นายไมเคิล ฮาร์ทเน็ตต์ หัวหน้านักวางกลยุทธ์การลงทุนจัดให้หุ้นเทสลาเป็นตัวอย่างของการใช้เงินลงทุนอย่างฟุ่มเฟือยอันเนื่องมาจากการลดอัตราดอกเบี้ยลงมาเกือบติด 0% ของธนาคารกลางสหรัฐฯ
“การทะยานขึ้นของหุ้นเทสลาคือตัวอย่างของผลกระทบด้านลบจากอัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับต่ำ เมื่อการกู้ยืมการเป็นเรื่องง่าย การที่มูลค่าของสิ่งๆ หนึ่งจะสูงเกินกว่าความเป็นจริงก็ง่ายตามด้วยเช่นกัน ดังนั้นนักลงทุนที่ดีจึงต้องระมัดระวังวิกฤตฟองสบู่ที่อาจจะเกิดขึ้นเร็วกว่าเดิมเป็น 2 เท่าเอาไว้ด้วย”
โดยสรุปแล้ว
หุ้นเทสลาอาจสามารถวิ่งขึ้นไปได้อีกในระยะเวลาสั้นๆ เพราะปัจจัยเชิงบวกและการเติบโตขึ้นของตลาดรถยนต์พลังงานไฟฟ้า แต่การเติบโตนั้นก็ยังไม่เร็วเท่าความต้องการเก็งกำไรในมูลค่าของหุ้นเทสลา ดังนั้นจึงมีโอกาสอยู่ตลอดที่หุ้นเทสลาจะขึ้นและลงอย่างรวดเร็วโดยเป็นไปตามเกมของนักเก็งกำไร สำหรับสถานการณ์ตอนนี้หากต้องการซื้อหุ้นเทสลาเราแนะนำว่านักลงทุนจะต้องระวังเอาไว้ให้มาก การรอให้ราคาปรับตัวลดลงมาในรอบต่อไปแล้วจึงตัดสินใจซื้อน่าจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด