ข่าวตามสื่อต่างๆ บอกว่า โรงหนังเปิดได้แล้ว 1 มิถุนายน โดยให้นั่ง 2 เว้น 3 แต่ระหว่างแถวไม่ต้องเว้น นั่งเหลื่อมกันได้
แต่ที่สำคัญคือ ไม่ให้กินอาหารและเครื่องดื่ม (ไม่แน่ใจว่าห้ามแบบเด็ดขาดเลยหรือเปล่า หรือว่าถ้ามีฉากกั้นยังกินป็อบคอร์นได้)
รายได้และกำไรแยกตามประเภทของ (BK:MAJOR) คือ
55% ค่าตั๋วหนัง ส่วนนี้มาร์จิ้นน้อยแค่ 14%
20% ค่าป๊อบคอร์นและเครื่องดื่ม ส่วนนี้มาร์จิ้นเยอะถึง 67%
15% ค่าโฆษณา ส่วนนี้มาร์จิ้นมากที่สุด 80%
4% โบว์ลิ่ง คาราโอเกะ ส่วนนี้มาร์จิ้น 38%
4% ค่าเช่าที่ ส่วนนี้มาร์จิ้นน้อย 9%
รายได้ของ MAJOR ปีนึงประมาณ 11,000 ล้านบาท
เป็นส่วนของอาหารและเครื่องดื่มที่เรียกว่า Concession 2,096 ล้านบาท เติบโต 6%
เป็นส่วนค่าตั๋วหนัง หรือที่เรียกว่า Box Office 5,856 ล้านบาท +5%
สัดส่วนที่เรามักจะเห็นกันบ่อยๆ คือ Con to Box (CTB) เป็นการเปรียบเทียบ ของกินต่อค่าตั๋ว ซึ่งเพิ่มขึ้นทุกปี ตอนนี้ 39% จากเมื่อ 5 ปี ก่อนอยู่ที่ 31%
เราอาจจะพอสรุปได้ว่า ป๊อบคอร์น และเครื่องดื่ม ดูเป็นสิ่งจำเป็น ไม่ใช่แค่เพิ่มอรรถรสในการดูหนังอย่างเพลิดเพลิน แต่ว่าเป็นตัวทำกำไร และมีแนวโน้มที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องอีกด้วย
ย้อนกลับมาที่ค่าตั๋วหนัง มาตรการเดิมของ MAJOR คือ ถ้ามาคู่กันนั่งติดกัน แล้วก็เว้นไป 2 ที่ มีฉากกั้นให้ด้วย แล้วก็นั่งแถวเว้นแถว ถ้าทำแบบนี้ลูกค้าจะเหลือประมาณ 25% ของทั้งโรง (ต้องดูว่าจะปรับที่นั่งใหม่มั้ย เรื่องเว้นแถว)
25% จะขาดทุนมั้ย ตามหลักการอาจจะไม่ เพราะว่าแบ่งรายได้แบบ Revenue Sharing
วันธรรมดาคงไม่มีปัญหา แต่วันเสาร์อาทิตย์ ที่คนเข้ามาดูกันเต็ม จะทำให้มีจำนวนที่นั่งไม่พอกับความต้องการ
ข้อดี คือ อาจต้องจองล่วงหน้ากันมาก่อน ทำให้เต็มทุกรอบ ตามการจำกัดที่นั่ง 25% แต่ข้อเสียคือ รายได้ก็จะเพิ่มไม่ได้มากกว่านี้ ยกเว้นว่า หนังเข้าใหม่อาจต้องฉายให้นานขึ้น หรือเปิดรอบเช้ากับดึกเพิ่มขึ้น
อีกปัญหาสำคัญ คือ หนังใหม่ที่จะเข้ามาฉาย ได้เมื่อไหร่
เท่าที่เห็นตามข่าว TENET น่าจะเข้า 17 กรกฎาคม และมู่หลาน 24 กรกฎาคม
ส่วนเรื่องอื่นก็คงทยอยกันเข้าตามมาช่วงปลาย Q3 และ Q4 รวมไปถึงต้นปีหน้า
ฝากทิ้งท้ายเรื่องของมาตรการด้านสุขอนามัย เห็นทาง MAJOR เตรียมพร้อมแบบจัดหนัก 15 ขั้นตอนได้ ทั้งอบโอโซน ฉีดพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อโรค ทำความสะอาดทุกรอบทุกโรง ก็เรียกได้ว่าน่าจะคลายกังวลได้ในระดับนึง
..
เป็นกำลังใจให้โรงหนังครับ
..
#MAJOR #วิตามินหุ้น
บทความนี้เผยแพร่ครั้งแรกทาง Stock Vitamins-วิตามินหุ้น
ไม่อยากพลาดบทวิเคราะห์ดีๆ อย่าลืมกด "ติดตาม" นะครับ