► ปรับแผนการดำเนินงาน ลด OPEX และ CAPEX เลื่อนโครงการที่ยังไม่มีความจำเป็น เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน
► ผลประกอบการ 2Q63 ฟื้นตัว
► ราคาน้ำมันดิบฟื้นตัว เชื่อว่า Stock loss กระทบไม่มากเหมือน 1Q63
► ต้นทุนน้ำมันดิบลดลง Spread Margin ปิโตรเคมีแข็งแกร่ง ช่วยลดผลกระทบจากราคาผลิตภัณฑ์หลักที่อ่อนแอ
► ราคาหุ้นปรับเพิ่มขึ้นมากจากจุดต่ำสุดกลางเดือน มี.ค. ทำให้ Upside เริ่มจำกัด
► ปรับคำแนะนำเป็น “ซื้อเก็งกำไร”
ปรับแผนให้เหมาะสมกับสถานการณ์
จากการ Conference call กับผู้บริหารล่าสุด ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญ ทั้งภาพรวมธุรกิจปิโตรเคมีและการกลั่น และแนวโน้มผลประกอบการ 2Q63 ขณะที่แผนในการ ดำเนินธุรกิจในช่วงที่เหลือของปี 2563 ด้านแผนการผลิตบริษัทวางแผนลดการผลิตน้ำพมันที่มีความต้องการใช้ต่ำในระยะสั้น โดยเฉพาะน้ำมันเครื่องบิน (Jet Fuel) รวมทั้งในปี 2563 บริษัทตั้งเป้าหมายปรับลดค่าใช้จ่าย (OPEX) ลง 13% และเงินลงทุน (CAPEX) ลดลง 31% จากเดิมเหลือ 4,780 ล้านเหรียญ
ขณะที่ CAPEX รวมระหว่างปี 2563 – 2567 จะลดลงจากแผนเดิม 48% เหลือ 28,055 ล้านบาท เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน รวมไปถึงการปรับแผนในระยะยาวเพื่อลดต้นทุนในการดำเนินงาน การทยอยปรับลดปริมาณสำรองน้ำมันดิบในปี 2563 - 2565 และโครงการที่ยังไม่มีความจำเป็นในการลงทุน โดยเฉพาะโครงการ MARs (เพิ่มกำลังผลิตพาราไซลีนและเบนซีน 2 ล้านตันต่อปี) ใช้เงินลงทุนสูงถึง 1.3 พันล้านเหรียญ แต่ยังคงเดินหน้าตามแผนในโครงการ Ultra Clean Fuel (UCF) เพื่อรองรับโครงการผลิตน้ำมันมาตรฐาน EURO#5
Stock loss ไม่มากเหมือน 1Q63
จากรายงานผลประกอบการ 1Q63 ขาดทุนมากถึง 8,905 ล้านบาท เป็นผลมาจากการรับรู้ Stock loss ที่มากถึง 6,811 ล้านบาท (รวม NRV จ านวน 2,673 ล้านบาท) เราเชื่อว่า ผลกระทบจาก Stock loss จะไม่มากเหมือน 1Q63 ที่ผ่านมา โดยบริษัทยังมีต้นน้ำมันสูง ต่อเนื่องมาถึงต้น 2Q63 ทำให้ยังคงมีผลของ Stock loss ในเดือน เม.ย. อย่างไรก็ตามจาก ราคาน้ำมันดิบปัจจุบันที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 33 -35 เหรียญต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้น 48% จาก ราคาน้ำมันที่ปิด ณ สิ้น 1Q63 และใกล้เคียงกับค่าเฉลี่ยในเดือน มี.ค. รวมไปถึงการกลับรายการมาเป็นกำไรของ NRV จะทำให้ผลกระทบจาก Stock loss ไม่มากเหมือน 1Q63 ที่ผ่านมา
คงมุมมองเชิงบวกต่อผลประกอบการ 2Q63
ด้านการดำเนินงานปกติ
(1) ธุรกิจการกลั่น ยังมีความเสี่ยงจากค่าการกลั่นที่ยังลดลง แต่มีแนวโน้มที่ดีขึ้น จากการฟื้นตัวของ Demand หลังการประกาศผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์เมือง ประกอบกับต้นทุนการกลั่นที่ลดลง จากผลของการประกาศปรับลดราคาส่งออกน้ำมันดิบของซาอุฯ ช่วยหนุนการฟื้นตัวของค่าการกลั่น ขณะที่แผนการผลิต 2Q63 จะอยู่ที่ 1.8 –1.9 แสนบาร์เรลต่อวัน และเพิ่มขึ้นเป็น 2.05 แสนบาร์เรลต่อวันในช่วง 2H63
(2) ธุรกิจปิโตรเคมี ยังมี Margin ที่แข็งแกร่ง แม้ราคาน้ำมันดิบเริ่มฟื้นตัว แต่ต้นทุนผลิต (Naphtha) ยังอยู่ในระดับต่ำ ประกอบการความต้องการใช้ผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีขั้นปลายยังสูง โดยเฉพาะกลุ่มพลาสติกและกลุ่มบรรจุภัณฑ์ ทำให้เรายังเชื่อว่าบริษัทจะมี Margin ที่แข็งแกร่งต่อเนื่องจาก 1Q63
ปรับคำแนะนำเป็น “ซื้อเก็งกำไร” จาก Upside ที่เริ่มจำกัด
โดยเราเชื่อว่าผลประกอบการ 1Q63 จะเป็นจุดต่อสุดของผลประกอบการปี 2563 – 2564 แต่ราคาหุ้นปรับเพิ่มกว่า 55% จากจุดต่ำสุดในช่วงกลางเดือน มี.ค. 63 ทำให้ปัจจุบัน Upside ของราคาหุ้นเริ่มจำกัด ทำให้เราปรับคำแนะนำจาก “ซื้อ” เป็น “ซื้อเก็งกำไร” คงราคาเป้าหมายไว้ที่ 2.9 บาท
บทวิเคราะห์นี้จัดทำขึ้นและเผยแพร่โดยทีมนักวิเคราะห์ของ Asia Wealth Securities
ไม่อยากพลาดบทความดีๆ อย่าลืมกด "ติดตาม" นะครับ
.....
อัพเดตราคาหุ้น ไออาร์พีซี (BK:IRPC)