- NVIDIA จะรายงานผลประกอบการไตรมาสที่ 1 ปี 2020 ในวันพฤหัสบดีที่ 21 พฤษภาคมหลังตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ ปิด
- คาดการณ์ผลประกอบการ: $2,970 ล้านเหรียญสหรัฐ
- คาดการณ์ตัวเลขปันผลกำไรต่อหุ้น (EPS): $1.66
แนวโน้มขาขึ้นอันโดดเด่นของหุ้น NVIDIA (NASDAQ:NVDA) คือสิ่งที่ทำให้บริษัทแตกต่างจากคู่แข่งในหุ้นกลุ่มผู้ผลิตชิปคอมพิวเตอร์ ในขณะที่บริษัทอื่นยังตกอยู่ในวังวนแห่งความกังวลว่าจะทำอย่างไรเพื่อกอบกู้ราคาหุ้นและความต้องการที่หายไปแต่หุ้น NVIDIA กลับสามารถสร้างขาขึ้นได้มากกว่า 50% แล้วปีนี้ แม้แต่ดัชนีเซมิคอนดักเตอร์ฟิลาเดเฟียที่ใช้เป็นตัวชี้วัดหุ้นในกลุ่มผู้ผลิตชิปคอมพิวเตอร์ยังปรับตัวลดลงตั้งแต่เริ่มต้นปี 2020
จริงอยู่ว่าบริษัทผู้ผลิตชิปคอมพิวเตอร์ต่างก็ได้รับผลกระทบจากการชะลอคำสั่งซื้อสินค้าตัวเพราะโควิด-19 แต่สิ่งที่นักวิเคราะห์ให้ความสนใจคือตัวเลขงบดุล กระแสเงินสด และประเภทของผลิตภัณฑ์ซึ่งทั้งสามองค์ประกอบนี้คือสิ่งที่นักวิเคราะห์ใช้วัดว่าใครจะอยู่ใครจะไปท่ามกลางช่วงวิกฤต
NVIDIA คือบริษัทที่มอร์แกน สแตนลีย์ธนาคารสำหรับการลงทุนชื่อดังเลือกท่ามกลางบริษัทผู้อยู่ในกลุ่มเซมิคอนดักเตอร์ทั้งหมด โจเซฟ มอร์ นักวิเคราะห์ของมอร์แกนเขียนโน๊ตให้กับนักลงทุนของธนาคารว่า “หากต้องเลือกบริษัทที่มีโอกาสเพิ่มมูลค่าทางตลาดและสามารถเอาตัวรอดท่ามกลางวิกฤตโควิด-19 ตอนนี้ผมเลือก NVIDIA”
เมื่อทราบว่าบริษัท NVIDIA จะต้องรายงานผลประกอบการในช่วงเช้าของวันพรุ่งนี้นักลงทุนจึงต้องการทราบว่าปริมาณความต้องการผลิตภัณฑ์ของ NVIDIA ยังมีความต้องการเพิ่มขึ้นอยู่หรือไม่ ที่ผ่านมาบริษัท NVIDIA มีปัญหาในเรื่องของการก่อสร้างคลังเก็บสินค้าและผู้ซื้อที่ชะลอการซื้อสินค้าของ NVIDIA ตั้งแต่ไตรมาสที่ 4 ปี 2018 รายได้ของบริษัทเคยได้รับผลกระทบจากการชะลอตัวของวงการชิปคอมพิวเตอร์และชิปที่นำไปใช้ในวงการเกมกับสร้างศูนย์กลางข้อมูลก็มีคู่แข่งอยู่ในตลาด
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปีที่แล้วที่โลกมีปัญหาสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ - จีนซึ่งส่งผลกระทบให้เศรษฐกิจทั้งโลกชะลอตัว ผู้ซื้อต้องชะลอคำสั่งซื้อออกไป ปัจจัยเหล่านี้ส่งผลต่อการเติบโตของหุ้น NVIDIA 3 ไตรมาสติด ยอดขายในแต่ละไตรมาสหดตัวลงกินระยะเวลาอยู่เกือบปี
นักวิเคราะห์เชื่อว่าตัวเลขผลประกอบการ NVIDIA จะออกมาดี
แต่ที่พูดมาไม่ใช่ NVIDIA ในปี 2020 ตั้งแต่เจอจุดต่ำสุดเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมาบริษัท NVIDIA มีแต่เติบโตขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ในเดือนกุมภาพันธ์ทาง NVIDIA ได้คาดการณ์ว่าตัวเลขยอดผลกำไรรวมในไตรมาสที่ 1 จะมีตัวเลขอยู่ที่ $3,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ บวกลบไม่เกิน 2% แต่ล่าสุดทางบริษัทได้ออกมาลดตัวเลขคาดการณ์ลง $100 ล้านเหรียญสหรัฐเพราะประเด็นโควิด-19
อันที่จริงแล้ว NVIDIA ก็ไม่ได้เชื่อว่าตัวเลข $100 ล้านเหรียญที่ตัดออกไปจะเกิดขึ้นจริงเพราะนอกจากวงการเกมและศูนย์กลางข้อมูลที่เป็นรายได้หลักของบริษัทแล้วตอนนี้ NVIDIA ได้ประยุกต์เทคโนโลยีของบริษัทให้สามารถขายได้กับตลาด AI สร้างเป็นตลาดใหม่ที่หาเงินได้เป็นพันพันล้านให้กับบริษัทเพิ่ม
นาย Jensen Huang ซีอีโอของ NVIDIA กล่าวว่า “แม้ตลาดของเทคโนโลยี AI กำลังเติบโตขึ้นอย่างมีนัยสำคัญแต่ยอดขายหลักของบริษัทยังคงมาจากการขายชิปคอมพิวเตอร์ให้กับวงการเกม PC เพราะชิปกราฟฟิกของ NVIDIA สามารถสร้างความรู้สึกที่สมจริงได้มากกว่า GeForce ของเราสามารถสร้างยอดขายได้อย่างมีนัยสำคัญ”
แม้จะเห็นสัญญาณการกลับมาอย่างแข็งแกร่งของความต้องการชิป NVIDIA แล้วแต่คำถามสำคัญก็คือว่าหุ้น NVIDIA จะสามารถขึ้นไปได้อีกไกลแค่ไหน นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่มองว่าธุรกิจเซมิคอนดักเตอร์ในปี 2020 จะเติบโตมากยิ่งขึ้นเพราะภาคส่วนนี้จะมีส่วนสำคัญกับการขับเคลื่อนเทคโนโลยี 5G และการเติบโตของธุรกิจคลาวด์
ถึงกระนั้นก็ยังมีปัจจัยภายนอกสำคัญที่เป็นอุปสรรคอยู่ทั้งโควิด-19 ที่อาละวาดสร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจไปทั่วโลกและความสัมพันธ์ของสหรัฐฯ - จีนที่ช่วงนี้ตึงเครียดอยู่มาก ล่าสุดเมื่อสัปดาห์ที่แล้วทีมงานคุณภาพของทรัมป์พึ่งสั่งห้ามบริษัทผู้ผลิตชิปอเมริกันใช้สินค้าจากบริษัทหัวเว่ยโดยไม่ได้รับอนุญาตจากรัฐบาลก่อนซึ่งทางจีนก็ได้ออกมาตอบโต้สหรัฐฯ เช่นกันด้วยการจะตรวจสอบบริษัทเอกชนของอเมริกาที่ทำมาค้าขายอยู่ในประเทศจีน
NVIDIA ถือเป็นหนึ่งบริษัทที่ลงทุนไปอย่างมหาศาลในประเทศจีนซึ่งจีนได้นำผลิตภัณฑ์ของ NVIDIA ไปใช้งานร่วมกับการพัฒนา AI และธุรกิจทางเทคโนโลยีอื่นๆ
โดยสรุปแล้ว
จากการทะยานขึ้นตลอดทั้งปี 2020 ของหุ้น NVIDIA ทำให้ตอนนี้ NVIDIA กลายเป็นบริษัทผู้ผลิตชิปที่มีมูลค่าทางการตลาดเยอะที่สุดด้วยอัตราส่วนราคาต่อกำไร (P/E ratio) 77.41 สูงกว่าค่า P/E เฉลี่ยของหุ้นกลุ่มเซมิคอนดักเตอร์ซึ่งอยู่ที่ 38.35 อย่างมีนัยสำคัญ อย่างไรก็ตามการมีค่า P/E ที่โดดเด่นเกินไปก็อาจทำให้หุ้น NVIDIA มีโอกาสปรับฐานได้หากว่าตัวเลขผลประกอบการที่ออกมาผิดคาดในเชิงลบไปมากเกินกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ ไม่มีอะไรแน่นอนท่ามกลางสภาพแวดล้อมเศรษฐกิจที่ไม่มีความชัดเจนเช่นนี้